ไม่อยากเสี่ยง

1683 Words
บทที่ 2 ไม่อยากเสี่ยง เมื่อการเดินโชว์รอบสุดท้ายสิ้นสุดลง นางแบบสาวก็สับเท้าเดินเข้าไปเก็บของในห้องแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ด้วยงานวันนี้ล่าช้ากว่ากำหนดไปมากถึงสองชั่วโมง เนื่องจากเจ้าของงานเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางมา โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแค่รถเท่านั้นที่เสียหาย จัดการติดต่อประกันภัยให้มาประเมินความเสียหายเบื้องต้น กว่าจะเดินทางมาถึงงานก็เสียเวลาไปมากแล้ว อีกทั้งยังเป็นเวลาเร่งด่วน การจราจรจึงติดขัดกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ มากเลยทีเดียว “พี่ป๋อง วิวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” วิลาสินีหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัวแบบรีบ ๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินออกมาทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้หรือถามอะไร หญิงสาวหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดโทร. หาชายหนุ่มที่มารอเธอเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ไม่นานปลายสายก็กดรับ “คุณคะ ฉันเสร็จงานแล้ว คุณอยู่ตรงไหน” [โกดัง8] เขาบอกชื่อร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ในคอมมูนิตีมอลล์แห่งนี้ วิลาสินีถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอกนิดหนึ่ง อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้นั่งรอเฉย ๆ “โอเคค่ะ กำลังเดินไป” บอกจบเธอก็กดตัดสาย จากนั้นก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เขาบอกเลยทันที นางแบบสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นทำให้เธอใช้เวลาเพียงไม่นานก็มองเห็น แม้เขาจะนั่งหันหลังอยู่ก็ตาม “มีโต๊ะหรือยังคะ” พนักงานของร้านเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ “มีแล้วค่ะ” เธอยิ้ม แล้วรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะที่ทันตแพทย์หนุ่มนั่งหันหลังอยู่ ธัชพลมองหญิงสาวที่เพิ่งนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเรียบนิ่ง พลันเกิดความหงุดหงิดเล็ก ๆ ขึ้นมาในใจเมื่อเห็นชุดที่เธอสวมใส่ เกาะอกสีขาวผ้าบาง ๆ กับกางเกงยีนขาสั้นรัดรูปอวดโคนขาขาวเนียน มันสั้นมาก มองเผิน ๆ แทบไม่ต่างอะไรกับการสวมใส่กางเกงในเพียงแค่ตัวเดียว “ทำไมไม่แต่งตัวดี ๆ” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงเรียบ ทว่าดวงตากลับฉายแววความหงุดหงิดออกมา วิลาสินีก้มหน้ามองการแต่งตัวของตัวเอง หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยไม่เข้าใจว่าชุดที่เธอใส่มามันไม่ดีตรงไหน หากไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นไปถาม คนที่นั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “โป๊” “ตรงไหน ปกติก็แต่งแบบนี้” เธอเถียงกลับทันควัน ปกติเธอก็แต่งสไตล์นี้อยู่แล้ว และตอนเปลี่ยนชุดเธอรีบมาก หยิบชุดไหนได้ก็ใส่ชุดนั้นเพราะไม่อยากให้เขารอนานกว่านี้ อีกอย่างคือเธอหาเสื้อคลุมไม่เจอ คาดว่าเมื่อคืนเธอน่าจะลืมหยิบใส่กระเป๋ามาด้วย ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ คว้าแก้วเบียร์ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ “จะสั่งอะไรเพิ่มเหรอ” วิลาสินีถามอย่างสงสัย เท่าที่ดูเบียร์และน้ำแข็งก็ยังเหลืออยู่ “กับข้าว” “อ๋อ กินที่นี่เลยใช่ไหม” “อืม” เขาพยักหน้าแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เพียงอึดใจเดียวก็เงยขึ้นมาพูดอีกครั้ง “ดึกแล้ว จะได้ตรงกลับเลย” “โอเค” นางแบบสาวยิ้มนิด ๆ มือบางหยิบเมนูขึ้นมาเปิดแล้วไล่สายตาดูรายการอาหาร ก่อนจะหันไปสั่งกับพนักงานที่มายืนรอไปสี่ห้าเมนู สั่งเผื่อเขาด้วย เธอเคยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเขาอยู่หลายครั้ง จึงพอรู้ว่าเขาชอบกินหรือไม่ชอบกินอะไร สั่งเสร็จก็พับเมนูส่งคืนพนักงาน โดยไม่ลืมย้ำอีกที “ต้มยำไม่เอากุ้งนะคะ เอาแค่ปูกับปลาค่ะ” “ครับ” พนักหนักงานหนุ่มรับออเดอร์เสร็จก็เดินออกไป “วันนี้ซ้อมเดินนานมากเลยอะ ซ้อมตั้งแต่เช้า ได้พักไม่กี่ชั่วโมงเอง มีน้องมาใหม่ ผิดคิวบ่อยมากเพราะน้องตื่นเต้น แต่โชคดีที่พอถึงเวลาต้องเดินจริง ๆ ไม่มีปัญหาอะไร...” หญิงสาวบ่นเรื่องงานให้เขาฟังระหว่างรออาหารที่สั่งไป ซึ่งเขาก็นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร หากแต่สายตาจดจ้องมาที่เธออย่างให้ความสนใจพลางพยักหน้าเบา ๆ เชิงรับรู้ในเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังถ่ายทอดออกมา จึงทำให้เธอไม่รู้สึกว่ากำลังพูดกับลมหรือดิน ฟ้า อากาศ วิลาสินีบ่นไปจนกระทั่งอาหารถูกยกออกมาเสิร์ฟ เธอหยุดพูดแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารทันทีเพราะหิวมาก มื้อเที่ยงกินไปนิดเดียวด้วยชุดที่ต้องใส่เดินแบบเป็นชุดรัดรูป หากกินเยอะก็กลัวจะมีหน้าท้อง ส่วนมื้อเย็นนั้นไม่ได้กินเลยเพราะต้องเร่งซ้อมรอบไฟนอล กอปรกับน้องนางแบบที่มาใหม่ยังมีอาการตื่นเต้นเวที จึงต้องซ้อมหลายรอบเพื่อให้น้องมีความคุ้นชิน “กลับเลยไหม” ธัชพลถามขณะนั่งฟังดนตรีสดหลังจากรับประทานอาหารอิ่มได้สักพักใหญ่ ๆ นางแบบสาวดึงสายตาออกจากนักร้องบนเวที หันกลับมามองคนที่นั่งตรงข้ามก่อนจะพยักหน้า เพราะเธอเองก็รู้สึกเมื่อยล้าและง่วงขึ้นมานิด ๆ แล้ว “อืม ดีเหมือนกัน อยากอาบน้ำนอนจะแย่” ได้ยินแบบนั้นทันตแพทย์หนุ่มก็พยักหน้ารับ แล้วหันไปเรียกพนักงานที่อยู่บริเวณนั้นให้มาคิดเงิน เมื่อจัดการค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร หยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่บรรจุเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเธอขึ้นมาถือ ยกมืออีกข้างแตะช่วงเอวของเธอเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เดินออกไปนอกร้าน “พี่วิว!” เสียงเรียกแหลมปรี๊ดดังขึ้น ทำให้ขาเรียวที่กำลังจะเดินพ้นจากร้านหยุดชะงัก เจ้าของชื่อหันไปมองตามทิศทางของเสียง ใบหน้าสวยเรียบตึงด้วยรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่บังเอิญเจอหนึ่งในคนที่เธอไม่อยากเจอ “ไปเถอะค่ะ” วิลาสินีไม่สนใจ ยกมือแตะแขนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่งสัญญาณบอกเขาให้เดินต่อ แต่แล้วก็ไม่เป็นอย่างที่เธอต้องการ เมื่อเจ้าของเสียงแหลมปรี๊ดนั่นรีบสาวเท้าเร็ว ๆ มาดักหน้าเธอเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนสิ! คนเรียกไม่ได้ยินหรือไง มารยาทน่ะรู้จักไหม” “แล้วคนที่รู้จักคำว่ามารยาทเขาเดินมาขวางทางคนอื่นแบบนี้หรือไง” นางแบบสาวสวนกลับทันทีตามนิสัยไม่ยอมใคร เธออุตส่าห์พยายามเลี่ยงด้วยไม่อยากปะทะกันให้เกิดอารมณ์เพราะเห็นแก่คนที่เคยขอเอาไว้ แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ให้ความร่วมมือ “นี่! แล้วใครใช้ให้เดินหนีล่ะ คนเขาเรียกดี ๆ ก็ไม่ยอมหยุด” ภิญญาพัชญ์หรือวาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ฉันไม่คิดว่าคนอย่างแกจะมาดี” นางแบบสาวยกมือกอดอกมองน้องสาวต่างมารดาด้วยสายตาเหยียดหยัน ไม่มีความเป็นมิตรหรือเอ็นดูแม้แต่นิดเดียว ถึงจะมีสายเลือดเดียวกันถึงครึ่งหนึ่งเลยก็ตาม ด้วยเรื่องราวในอดีตตั้งแต่เล็กจนโตที่มีต่อกันมันค่อนข้างโหดร้ายไปมากสำหรับคนที่พ่อและแม่แท้ ๆ ไม่ต้องการอย่างวิลาสินี “ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ ถ้าจะมาหาเรื่อง ฉันไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่ หวังว่าแกคงไม่ลืมว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมันเป็นยังไง” “ที่พี่โดนพ่อไล่ออกจากบ้านน่ะเหรอ” ภิญญาพัชญ์ถามหน้าซื่อตาใส ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่ของพี่สาว ออกจะสะใจเสียมากกว่าที่ทำให้เหลือบไรพ้นจากบ้านไป แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมจบเพราะเธอรู้ว่ายายพี่สาวนอกไส้คนนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากคนในบ้านอยู่ วิลาสินีกำมือแน่นด้วยรู้สึกโกรธจัดที่โดนจี้เรื่องที่ยังเป็นปมติดตรึงอยู่ในใจ แต่ก็ยังควบคุมอารมณ์ ห้ามตัวเองไม่ให้พุ่งเข้าไปกระชากหัวน้องสาวต่างมารดาอย่างที่เคยทำ “กลับกันเถอะ” มือหนาของอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เลื่อนมากุมมือเล็กที่กำแน่นแล้วบีบเบา ๆ นางแบบสาวหันไปมองหน้าเขา ครั้นเห็นแววตาห่วงใยที่ถูกส่งทอดมา อารมณ์ที่คุกรุ่นจนแทบจะถึงจุดเดือดก็ค่อย ๆ อ่อนลง ถึงแม้เธอจะไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองให้เขาฟัง แต่เธอคิดว่าเพียงแค่ได้ฟังที่เธอกับภิญญาพัชญ์คุยกัน คงดูออกว่าเธอไม่ลงรอยกับคนในครอบครัวสักเท่าไร วิลาสินีพยักหน้าให้เขาเบา ๆ แล้วยอมก้าวเดินไปตามแรงจับจูงของคนตัวสูง หากแล้วก็เดินได้ไม่ถึงสองก้าว คนที่ตั้งใจจะหาเรื่องก็วิ่งมาขวางทางไว้อีกครั้ง “เดี๋ยวสิ! ยังคุยไม่จบเลยนะ” “มีอะไร” นางแบบสาวหยุดเดินแล้วกลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย ตัดสินใจยืนฟังเรื่องที่ยายเด็กนี่ต้องการจะคุยเพื่อให้มันจบ ๆ ไป ภิญญาพัชญ์หันไปมองเจ้าของร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ พี่สาวของตัวเองด้วยรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก เธอเพ่งมองใบหน้าหล่อเหลาพลางนึกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ทว่าเพียงไม่นานเธอก็ตาโตแล้วฉีกยิ้มกว้าง เมื่อจำได้แล้วว่าเขาเป็นใคร ก่อนจะโพล่งถามออกไปด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจที่ได้เจอเขา “พี่เทมส์ พี่เทมส์ใช่ไหมคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD