ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด 3

1614 Words
ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด “สวัสดีค่ะคุณหมอ” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับคำทักทายของเจ้าหน้าที่พยาบาลและผู้ช่วยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แล้วสืบเท้าเดินไปยังห้องตรวจหมายเลขห้าซึ่งเป็นห้องประจำของเขา ไม่นานผู้ช่วยหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามา ก่อนจะยื่นคลิปบอร์ดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์และเคสผู้ป่วยมาให้พร้อมเอ่ยอธิบาย “วันนี้มีหมอเข้าทั้งหมดหกคนครับ รับคนไข้จำนวนสี่สิบเคส หมอจะเริ่มเลยไหมครับ” ธัชพลเปิดดูข้อมูลในคลิปบอร์ดคร่าว ๆ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “อีกสักสิบห้านาทีก็ได้” “ครับ เคสถอนฟันก่อนนะครับ แล้วก็ตามด้วยเคสรักษารากฟันที่มารักษาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว วันนี้มาใส่ยาครั้งที่สองครับ” “อืม” ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับ แล้วหันหน้าไปเปิดดูฐานข้อมูลคนไข้ที่เคยบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ สักพักก็มีผู้ช่วยทันตแพทย์เข้ามาจัดเตรียมเครื่องมือ “พาคนไข้ไปเอกซเรย์ฟิล์มเล็กด้วยนะ บน18 ล่าง48” “ครับ” ผู้ช่วยหนุ่มรับคำสั่ง หยิบจัดเครื่องมือต่ออีกสักพักก็เดินออกจากห้องตรวจไปจัดการตามที่ทันตแพทย์สั่ง ผ่านไปประมาณสิบนาทีผู้ช่วยก็พาคนไข้เข้ามา ธัชพลละสายตาจากผลเอกซเรย์ที่ส่งเข้ามาผ่านระบบ สวมถุงมือ แล้วขยับเข้าไปใกล้เตียง ปรับระดับให้พอเหมาะก่อนจะเริ่มลงมือถอนฟันให้คนไข้เลยทันที เสียงสมาร์ตโฟนของหมอหนุ่มดังขึ้นหลังจากที่เคลียร์เคสที่สี่ของช่วงเช้าเสร็จพอดี เขาละมือจากการบันทึกข้อมูลคนไข้ แล้วคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของศัลยแพทย์ชื่อดังอย่างปฐพีหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขา “ว่า” [ติดเคสอยู่ไหม] “ไม่” [ไปกินข้าวกัน วันนี้แจนเข้ามาโรง’บาล เลยให้กูมาชวนมึง] “มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่ารู้ทันว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพื่อนของเขาจะโทร. มาชวนไปกินข้าว หากที่ไม่ปกติก็เพราะว่าครั้งนี้จิราวดีหรือแจนภรรยาของมันซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นคนให้มาชวน เขาจึงคิดว่าต้องมีเรื่องที่จะคุยด้วยแน่นอน [แจนมีเรื่องจะคุยกับมึงนิดหน่อย เอาเป็นว่าอีกสิบห้านาทีเจอกันที่ร้านเดิมหน้าโรง’บาลแล้วกัน] “อืม” ทันตแพทย์หนุ่มรับคำและกดวางสาย ก่อนจะเริ่มคีย์ข้อมูลการรักษาคนไข้ที่เหลือเข้าระบบต่อ เสร็จแล้วถึงเดินออกไปยังร้านอาหารที่เพื่อนโทร. มานัดไว้สักครู่ “อ้าว พี่เทมส์มาแล้ว นั่งเลยค่ะ นี่เมนู อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะคะ มื้อนี้พี่ดินเลี้ยง” จิราวดีพูดอย่างอารมณ์ดีและหันไปยิ้มให้สามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ธัชพลรับเมนูอาหารมาจากหญิงสาวพลางเหลือบมองเพื่อนตนเองแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าไล่สายตาดูเมนูอาหาร จากนั้นก็สั่งกับพนักงานไปสองสามอย่าง “มีธุระอะไร” ไม่รอให้อาหารยกมาเสิร์ฟทันตแพทย์หนุ่มเปิดประเด็นถามถึงเรื่องที่ต้องนัดเขาออกมาทันที “พี่เทมส์ คือว่า...ช่วงนี้พี่เทมส์ทำอะไรอยู่ปะคะ แบบนอกเหนือจากงานโรง’บาล” ผู้อำนวยการสาวเอ่ยถามแพทย์ในสังกัด ทันตแพทย์หนุ่มส่ายหน้า เพราะนอกจากงานที่โรงพยาบาลแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีก “พอดีว่าแจนจะแต่งตั้งหัวหน้าคลินิกทันตกรรมคนใหม่ แล้วก็จะขยายเวลาทำการ เปิดให้บริการนอกเวลาด้วยน่ะค่ะ” “แล้ว ?” “แล้วเเจนก็อยากให้พี่เทมส์ช่วยดูตรงส่วนนี้ให้ พอจะสะดวกไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างเกรงใจ ด้วยรู้จากสามีว่าสาเหตุที่ธัชพลไม่เปิดคลินิกเป็นของตัวเองอย่างหมอฟันคนอื่น ๆ ก็เพราะว่าเขาต้องการเวลาส่วนตัว และไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวาย ซึ่งการที่จะขอให้เขามาช่วยในส่วนนี้ก็ถือเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวเขาเช่นกัน “กูกับแจนมีความเห็นตรงกันว่ามึงเหมาะกับตำแหน่งนี้ที่สุด” ปฐพีเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกคน ก่อนที่จิราวดีจะพูดต่อ “ใช่ค่ะ เมื่อวานแจนกับพี่ดินนั่งดูรายชื่อหมอฟันสังกัดเรา แล้วเห็นว่าไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งนี้เท่ากับพี่เทมส์แล้วค่ะ” “แล้วหมอสุรศักดิ์ล่ะ” ชายหนุ่มถามถึงทันตแพทย์คนเก่าแก่ที่อยู่มาก่อน หากยกตำแหน่งนั้นให้เขา มันจะไม่เป็นการข้ามหน้าข้ามตากันหรือ “คือแจนคิดว่าหมอสุรศักดิ์คงไม่สะดวกค่ะ ทั้งความคิดและทัศนคติ แจนว่าไม่น่าจะเป็นผู้บริหารที่ดีได้” เธอหันไปมองสามี ครั้นเห็นว่าเขาพยักหน้าและยิ้มให้ เธอจึงยิ้มด้วยมั่นใจว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นถูกต้องแล้ว ธัชพลมองเพื่อนสนิทกับภรรยานิ่ง ๆ หากไม่นานก็พูดขึ้น “จะขยายเวลาถึงกี่โมง” “สองทุ่มค่ะ ไม่ดึกมาก” ผู้อำนวยการสาวรีบบอกอย่างกระตือรือร้น ด้วยคิดว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้วจริง ๆ ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าเบา ๆ “เดี๋ยวจะลองไปคิดดู” จิราวดีฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เพียงแค่เขาบอกว่าจะเก็บไปคิด เธอมีความมั่นใจมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาจะยอมช่วยเธอแน่นอน เพราะหากเขาจะปฏิเสธ เขาคงพูดออกมาตรง ๆ แล้ว บทสนทนาเรื่องงานจบลงเพียงแค่นั้นเมื่ออาหารที่สั่งไปถูกยกมาเสิร์ฟ ทั้งสามคนนั่งคุยกันไปในเรื่องต่าง ๆ ส่วนมากจะเป็นบทสนทนาระหว่างสองสามีภรรยาที่คุยกันถึงเรื่องลูกแฝดที่เพิ่งคลอดไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเสียมากกว่า มีบ้างที่หันมาถามหรือคุยกับทันตแพทย์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าประหยัดคำพูดที่สุดในกลุ่ม ซึ่งเขาก็โต้ตอบกลับไปตามปกติ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าไรนัก Thames : รออยู่ในงาน วิลาสินีหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดอ่านเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน เหลือบมองนาฬิกาที่อยู่มุมบนของหน้าจอ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าตอนนี้เพิ่งเลยหกโมงเย็นมาเพียงแค่สิบนาที “พี่ป๋องคะ อีกนานไหมคะกว่าจะได้เดิน” นางแบบสาวหันไปถามผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังสาละวนอยู่กับเสื้อผ้าหน้าผมของนางแบบคนอื่น ๆ ในสังกัด “จริง ๆ ก็จะถึงเวลาแล้วนะ แต่หน้างานแจ้งมาว่าประธานยังไม่มาเลย ก็คงต้องรออะค่ะคุณน้อง” ผู้จัดการสาวสองตอบ “รีบเหรอจ๊ะ หรือว่านัดใครไว้คะน้องวิว” “มีผู้ชายมานั่งรอแล้วน่ะค่ะ ก็เลยรีบนิด ๆ” เธอตอบไปตามตรง เพราะกับผู้จัดการคนนี้ เธอสนิทและคุยกันได้ทุกเรื่อง อีกอย่างพี่ป๋องก็รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธออยู่แล้ว จะมีก็แต่เรื่องเดียวที่ยังไม่รู้ “ว้าย! แรงมาก” พี่ป๋องยกมือทาบอกทำสีหน้าตกอกตกใจ แล้วรีบปรี่เข้าไปหาวิลาสินี ก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ว่าแต่ใครเหรอจ๊ะ คุณฉัตรเหรอ ได้ข่าวว่ากลับมาจากแคนาดาได้สองเดือนกว่าแล้วนี่ ได้เจอกันบ้างหรือยัง” “กับคุณฉัตรวิวเลิกไปนานแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ทำไมล่ะ ไม่แซ่บหรือไม่ป๋า ?” “ก็แค่...ไม่ถูกใจ” นางแบบสาวยักไหล่นิด ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก็ตอนนี้เธอรู้สึกถูกใจผู้ชายที่กำลังนั่งรออยู่ตอนนี้มากกว่าใคร ทำให้ความรู้สึกที่เธอมีต่อคนอื่นกลายเป็นเฉย ๆ ไปเสียอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้เธอเองก็นึกแปลกใจตนเองอยู่เหมือนกัน วิลาสินีไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกที่จะไม่รู้ว่าที่ตนรู้สึกอยู่ตอนนี้มันคืออะไร เพียงแค่เธอยังไม่ยอมรับ ด้วยเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่า...ชีวิตนี้เธอจะไม่มีทางรักใครเด็ดขาด “ต๊าย! สวยเลือกได้อีกแล้วน้องฉัน สรุปจะบอกฉันไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร หล่อไหม” ผู้จัดการสาวถามอีกครั้ง อันที่จริงก็รู้สึกสงสัยมาสักพักแล้วว่านางแบบในสังกัดคนนี้ดูเปลี่ยนไป ไม่ค่อยเที่ยวถี่และดื่มหนักเหมือนแต่ก่อน เลิกงานก็รีบกลับคอนโดฯ ซึ่งผิดจากปกติเป็นอย่างมาก “ไม่บอกค่ะ ไม่ต้องมาหลอกถามวิวเลย ไปค่ะ ไปดูน้องก่อน เหมือนน้องจะมีปัญหากับชุด” วิลาสินีตัดบทสนทนาด้วยการชี้ไปยังนางแบบรุ่นน้องที่ดูเหมือนจะเจอปัญหาอะไรสักอย่างเกี่ยวกับชุด ป๋องหรี่ตาจับผิดอีกครู่หนึ่ง หากสุดท้ายก็ต้องถอนหายใจ แล้วเชิดหน้าเดินไปจัดการชุดให้กับเด็กในสังกัดอีกคนของตัวเองทันที เมื่อผู้จัดการเดินออกไปแล้ว หญิงสาวจึงหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วส่งข้อความบอกคนมารอให้รับรู้ถึงปัญหาที่ทำให้งานเธอล่าช้าออกไป View : เลตนะคะ เห็นว่าเจ้าของงานยังไม่มาค่ะ Thames : อืม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD