ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด
“อืม...เหลืออีกเยอะไหม” ชายหนุ่มครางครืนในลำคอพร้อมบุ้ยใบหน้าไปที่ลิ้นชักข้างเตียง
“น่าจะอีกสองชิ้น ซื้อมาเพิ่มเลยก็ได้นะ” เธอบอกด้วยคิดว่าอีกสองชิ้นนั้นน่าจะหมดภายในคืนนี้
เขาพยักหน้าแล้วจับเธอหันหลังในท่าคลานเข่า หญิงสาวขยับตัวมาชิดขอบเตียงแล้วโก่งสะโพกให้เขาอย่างรู้งาน ธัชพลลูบไล้ความชุ่มฉ่ำของเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ สอดแทรกตัวตนเข้าไปช้า ๆ อย่างใจเย็น ไม่นานมันก็สามารถเข้าไปได้สุดทาง
“แน่น...” ชายหนุ่มกัดฟันบอก ไม่ว่าจะมีอะไรกันกี่ครั้ง เธอก็แน่นสำหรับเขาเสมอ
“อื้อ! ทะ...เทมส์” เธอครางชื่อเขาเสียงหวานสั่นพร่าเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเชื่องช้าทว่าเข้าลึกทุกครั้ง ทันตแพทย์หนุ่มโน้มตัวลงไปเล็กน้อย สอดมือทั้งสองข้างไปด้านหน้าบีบเคล้นอกอวบที่โยกไหวไปตามจังหวะ “ลึกมาก...”
“จุกไหม”
“อื้อ ๆ จุก ตะ...แต่ไม่เป็นไร” เพราะชอบ เธอบอกเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะร่างกายกำลังสั่นคลอน
“แรงอีกได้ไหม”
“ได้” ครั้นเห็นนางแบบสาวพยักหน้า ธัชพลก็เลื่อนมือมาตรึงสะโพกของเธอเอาไว้ ก่อนจะเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นด้วยจังหวะรัวเร็ว
เสียงครางเคล้าเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง หากไม่มีใครคิดจะลดเสียงลงเลยสักนิดด้วยรู้ดีว่าห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ธัชพลก็จับหญิงสาวเปลี่ยนท่าให้พลิกกลับมานอนหงาย ก่อนจะสอดแทรกความเป็นชายเข้าไปในท่าเบสิก
“อื้มมม...” ทั้งสองครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ภายในช่องทางรักตอดรัดชายหนุ่มแน่น จนเขาต้องกัดฟันแหงนหน้าอดกลั้นมวลสารที่กำลังจะพวยพุ่งออกมา เขาไม่อยากจบเกมเร็วนัก
“เทมส์ จูบหน่อย” วิลาสินีร้องขอเสียงสั่นพร่าพลางโน้มใบหน้าเขาลงมาแล้วบดจูบอย่างเร่าร้อน สอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนของเขา พร้อมกับเขาที่เริ่มตอกตรึงส่วนล่างด้วยจังหวะหนักหน่วง
มือหนากอบกุม ฟอนเฟ้นทรวงอกนุ่ม ก่อนจะผละริมฝีปากออกมาจากกลีบปากนุ่ม จูบสลับขบเม้มเบา ๆ ระเรื่อยลงมาจนถึงยอดอก ลิ้นร้อนตวัดเลียและดูดกลืนอย่างมูมมาม
เมื่อดูดดื่มจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มก็ยืดตัวขึ้น ดึงสะโพกเธอเข้ามาชิด จับเข่าทั้งสองข้างของเธอให้แยกออกกว้างขึ้น จากนั้นก็เริ่มตอกตรึงส่วนที่สอดประสานในจังหวะที่หนักหน่วงด้วยใกล้จะถึงปลายทางเข้ามาทุกที
“อะ..อื้อ เทมส์ เสียว” ร่างบางแอ่นขึ้นตอบรับทุกจังหวะของเขา มือเล็กคว้านไปขย้ำผ้าปูที่นอนแน่นเพราะไม่รู้จะระบายความเสียวซ่านถึงใจที่เขากำลังปรนเปรอให้อย่างไร มันเสียวจนเธอแทบขาดใจ
ธัชพลละมือออกจากหัวเข่าและเลื่อนไปขยี้ปุ่มกระสันกึ่งกลางกายสาว แล้วเอ่ยถามเสียงพร่าสั่น “วิว ใกล้หรือยัง”
“ใกล้แล้ว จะเสร็จ โอ๊ย! เทมส์! เสียวมาก” หญิงสาวร้องบอกด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หากความสวยกลับไม่ลดลงเลยสักนิด กลับกันในสายตาของเขา เธอยิ่งดูเซ็กซี่และเร่าร้อนมากขึ้นหลายเท่า
“อืม...จะถึงเหมือนกัน” ชายหนุ่มกัดฟันบอก สะโพกสอบขยับเร่งอย่างดุดัน เพียงไม่นานร่างแบบบางก็กระตุกเกร็งด้วยความสุขสม พร้อมกับกายหนาที่สอดตัวตนเข้าลึกและปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงผ่านเครื่องป้องกันชั้นดี
ทันตแพทย์หนุ่มค่อย ๆ ถอนตัวตนออกมาช้า ๆ แล้วถอดเครื่องป้องกันออก ห่อด้วยทิชชูแล้วทิ้งลงถังขยะข้างเตียง ก่อนจะก้าวขึ้นไปนอนข้างหญิงสาวที่นอนหายใจหอบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งกายเธอและเขาไว้ด้วยกัน
“ยังจะลงสกินแคร์อยู่ไหม” ธัชพลถามคนที่ขยับกายเข้ามากอดอิงแอบหาความอบอุ่นจากอกของเขา
“อือ แต่เดี๋ยวค่อยทา” นางแบบสาวพยักหน้าทั้งที่ยังหลับตา ด้วยอาชีพที่เธอทำต้องใช้เรือนร่างเสียส่วนใหญ่ เธอจึงต้องหมั่นดูแลและให้ความสำคัญกับผิวหน้าและผิวกายเป็นอันดับสองรองจากรูปร่าง
“แล้วจะไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ให้พาไปไหม”
“อื้อ อุ้มไปหน่อย” เธอพูดเสียงอ้อน ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นนิด ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงพร้อมรั้งร่างของเธอขึ้นมาด้วย
ธัชพลช้อนร่างของนางแบบสาวขึ้นในท่าลิงอุ้มแตง วิลาสินียกแขนขึ้นคล้องคอพร้อมเกี่ยวขารอบเอวสอบด้วยกลัวพลัดตก จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องน้ำและปล่อยให้เธอนั่งลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
“เดี๋ยวไปหยิบสกินแคร์มาให้” แล้วเขาก็เดินกลับไปในห้องนอนอีกครั้ง ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับกระปุกครีมในมือ
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวจูบปากเขาเบา ๆ เป็นการขอบคุณ จากนั้นก็รับครีมกระปุกนั้นมา วางลงบนเคาน์เตอร์แล้วจูงแขนเขาไปที่อ่างอาบน้ำที่อยู่ด้านในสุดของห้องน้ำ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองเขา
ทันตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เป็นเชิงถามว่า ‘จะต่อเหรอ’ หากแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไร มีเพียงรอยยิ้มนิด ๆ พร้อมกับขาเรียวที่ก้าวเข้าไปยืนในอ่าง ก่อนจะหันกลับมาขยิบตาส่งให้
“อาบน้ำเฉย ๆ ค่ะ”
“หึ...” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในอ่าง ดึงเธอนั่งลงบนตัก ระหว่างรอน้ำเต็มอ่าง เขาก็หมุนตัวเธอให้หันมาเผชิญหน้า แล้วขยี้จูบลงกลีบปากนุ่มอย่างดูดดื่มพร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปตามผิวกายนวลเนียน เพียงไม่นานภายในห้องน้ำก็เกิดเสียงครางและเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไม่ขาดสาย...
อาบน้ำเฉย ๆ มันมีที่ไหนกันล่ะ
“งานเสร็จค่ำ ๆ หรืออาจจะเลต คุณจะรอฉันเหรอ” นางแบบสาวหันหน้าไปถามคนที่กำลังขับรถไปส่งเธอที่คอมมูนิตี้มอลแห่งหนึ่งเป็นครั้งที่สามของเช้านี้ ด้วยเวลาเลิกงานของเธอมันไม่ได้ตายตัวและเอาแน่เอานอนตามที่กำหนดไม่ได้ เพราะหากมีผิดคิวหรือมีอะไรเกิดขึ้น งานก็ต้องล่าช้าออกไปอีก ซึ่งเธอย้ำกับเขาหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะไปรับให้ได้
และเช้านี้ก็เหมือนกัน เธอบอกให้เขาออกจากห้องทีหลังเพราะเขาทำงานตอนเก้าโมง ยังมีเวลาให้นอนต่อได้อีกหน่อย แต่เขาก็ไม่ฟัง ตื่น อาบน้ำ แต่งตัวและออกมาทำงานพร้อมเธอจนได้ อีกทั้งยังอาสาขับรถไปส่งเธอก่อนอีก
“อืม เดี๋ยวไปรอ” ธัชพลตอบโดยไม่หันมามองหน้าคนถาม
“งานของคุณเลิกห้าโมงเย็น แต่กำหนดงานฉันคือสองทุ่ม ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเลต” งานเขาเลิกตามเวลาทำงานของโรงพยาบาล ส่วนงานเธอนั้นไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด
“แล้ว ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ แล้วปรายตามองเธอแวบหนึ่ง
“งั้นเอางี้ค่ะ คุณกลับไปรอฉันที่คอนโดฯ ก็ได้ เดี๋ยวเลิกงานแล้วฉันกลับเอง” เธอไม่อยากให้เขารอนาน เพราะกลัวว่าเขาจะเบื่อ อีกอย่างคือเธอรู้ว่าเขาไม่ชอบงานแฟชั่นโชว์พวกนี้ จะให้ไปนั่งรอนาน ๆ เธอก็เกรงใจเขา
“ไม่อยากให้ไปรับ ?” ทันตแพทย์หนุ่มหันมามองคู่สนทนาในจังหวะที่รถติดไฟแดง
“ไม่ใช่ไม่อยากให้ไปรับ แต่ว่า...” หญิงสาวยังพูดไม่จบ เขาก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง
“หรือไม่สะดวก ?”
“ฉันเกรงใจค่ะ กลัวคุณต้องรอนาน” แล้วก็กลัวว่าเขาจะหงุดหงิด เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาดูเป็นคนไม่ชอบรอสักเท่าไร
“อืม เดี๋ยวไปรับ” บอกจบก็หันกลับไปมองถนนตรงหน้าต่อ วิลาสินีมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมแพ้ แล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเล่นด้วยรู้สึกจนปัญญาที่จะพูดกับเขา
ตั้งแต่ได้ทำความรู้จักกับแบบลึกซึ้งมาสองปีกว่า สิ่งหนึ่งที่เธอได้รู้เกี่ยวกับนิสัยของเขาคือ หนึ่ง...เขาไม่ชอบการรอ สอง...เขาค่อนข้างเอาแต่ใจ สาม...เขาเป็นคนพูดน้อยมาก หากไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด กลับกันเธอรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่อยู่ได้อยู่ใกล้
เธอกับเขาเจอกันครั้งแรกในงานแต่งงานของเพื่อนสนิทเมื่อหลายปีก่อน คืนนั้นเป็นครั้งที่ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกัน หากเป็นการทำความรู้จักแบบครั้งเดียวหรือที่มักเรียกกันว่าวันไนต์สแตนด์ และหลังจากคืนนั้นทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
กระทั่งเมื่อสองปีก่อนทั้งคู่ก็ได้มาเจอกันอีกครั้งในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เธอไปกับกลุ่มเพื่อนนางแบบ ส่วนเขาก็ไปกับเพื่อนอีกสองคน รวมกับเขาก็เป็นสาม
แค่ได้สบตากันเพียงครู่เดียว ดูเหมือนทุกอย่างมันก็ง่ายไปเสียหมด อาจจะเป็นเพราะความเร่าร้อนในคืนแรกยังตราตรึงใจ เมื่อได้มาเจอกันอีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสานต่อ
พอบทรักครั้งสุดท้ายของคืนนั้นจบลง จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค
‘เราเจอกันอีกได้ไหม’
วิลาสินีเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มที่เธอกำลังกอด ซึ่งเขาก็มองเธออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน ‘หมายความว่าทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม’
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลง ‘อืม’
‘ได้’ หญิงสาวตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ ในเมื่อเธอเองก็อยากเจอเขาอีกเหมือนกัน
‘แต่ผมมีข้อแม้’ ธัชพลเอ่ยพลางลูบไหล่เปลือยเปล่าของเธอไปด้วย
‘อะไรคะ’
‘ระหว่างนี้คุณห้ามนอนกับใคร นอกจากผม’ เขาบอกพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ พลันนั้นหญิงสาวรู้สึกราวกับต้องมนตร์ หัวใจสั่นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้สบกับนัยน์ตาสีดำขลับของคนที่เธอกำลังกอด
‘เป็นความสัมพันธ์ที่เรียกว่า Friends with benefits แบบนี้ไหมคะ มีอะไรแค่กับคนคนเดียว แต่ไม่มีการผูกมัดใด ๆ ทั้งนั้น’
เขาเงียบไปสักพักคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง หากไม่นานก็พูดขึ้น ‘...จะเป็นแบบนั้นก็ได้ คุณโอเคหรือเปล่า’
‘โอเคสิคะ’ งานดี แถมแซ่บถึงใจขนาดนี้ ทำไมเธอต้องไม่โอเคด้วยล่ะ
...นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ทั้งเขาและเธอมีข้อตกลงกันเพียงแค่นั้น ต่างฝ่ายต่างให้อิสระแก่กันเต็มที่ เคยใช้ชีวิตอย่างไรก็ใช้ต่อไปอย่างนั้น และไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกันเด็ดขาด
โดยไม่มีใครรู้เลยว่าทุกอย่างมันได้เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ มาได้สักพักแล้ว…
ช่วงแรกธัชพลมักมาค้างที่คอนโดมิเนียมของวิลาสินีสัปดาห์ละสองสามครั้ง หากแต่ช่วงหลัง ๆ มานี้เธอรู้สึกว่าเขาจะมาบ่อยขึ้น บางสัปดาห์มาแทบทุกวันเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอไม่ได้ว่าอะไร ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำเวลาที่ได้อยู่กับเขา
และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ก็คือ...หากครั้งไหนที่เธอไปปาร์ตีและยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด คืนนั้นเขาจะไม่แตะต้องเธอเลย ไม่ว่าเธอจะเล้าโลมหรือปลุกปั่นอารมณ์เขาแค่ไหน เขาก็จะไม่คล้อยตาม สุดท้ายก็จบที่การนอนกอดกันไปจนเช้า
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอพยายามไม่ยุ่งกับสารเสพติดพวกนั้นอีก...แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ หากแล้วก็คิดว่ามันคุ้ม เพราะการที่ถูกเขาสัมผัสร่างกายทุกส่วนมันรู้สึกดีกว่าการหลุดไปอยู่อีกโลกเป็นไหน ๆ