ตอนที่ 15

2151 Words
ทอส ธีรภพ ผมเห็นว่าพี่ทัชกับน้องชาร์ปกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงผู้ชายที่อยู่บนห้องนอนของพี่แบงค์ ผมจึงถือโอกาสไปเรียกพี่แบงค์ออกไปคุยทางด้านหลังบ้าน "สิ่งที่ผมกับพี่ทัชพูดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ แต่พี่แบงค์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผม 2 คนจะหาทางช่วยพี่จากคนเลวๆ อย่างมันให้ได้" พี่แบงค์โผเข้ากอดผมด้วยท่าทางสะอึกสะอื้นจากความดีใจที่ผมสัมผัสได้ "พี่กลัว… พี่กลัวว่ามันจะทำร้ายทุกคนในบ้านถ้าพี่ไม่ยอมมัน แล้วตอนนี้มันจ้องจะเล่นงานน้องชาร์ปคืนนี้ พี่ไม่รู้ว่าจะช่วยหลานชายของตัวเองยังไง เพราะมันขู่พี่ตลอดว่าถ้าพี่ไม่ทำตามที่มันต้องการคนในบ้านจะต้องตายทีละคน!" มาถึงประโยคนี้มันกระแทกความรู้สึกในใจผมมาก ไม่คิดเลยว่าคนเรามันจะเลวได้ขนาดนี้ ผมรีบยกฝ่ามือขึ้นลูบหลังพี่ชายที่ผมรักมากอีกครั้งอยู่อย่างนั้น ในขณะที่เขาปล่อยโฮจนผมรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจของตัวเองมาก หากเป็นไปได้ผมอยากจะรับคนทั้ง 2 รวมถึงคนในบ้านทั้งหมดไปอยู่ที่บ้านของผมเลยด้วยซ้ำ แต่เกรงว่าทุกคนจะเกิดความวิตก หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าพี่แบงค์เป็นห่วงผมมากเลยไม่ได้บอกมันว่าผมก็อยู่บ้านหลังนี้ด้วยเช่นกัน เพราะคนในบ้านยังไม่รู้ว่าผมกลับมาจากต่างประเทศ "พี่ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพี่อีก" มันเหมือนเป็นการปลอบใจที่ดูไร้ประโยชน์มาก เพราะผมรู้ว่าหลังจากที่ผมกับพี่ทัชกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายที่ผมรักมากบ้าง "พี่เจ็บ หรือจะโดนทำร้ายยังไงก็ได้พี่ทนไหว แต่หากเป็นคนอื่นในบ้านที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย พี่ทนไม่ได้จริงๆ พี่ขอยอมตายแทนดีกว่า" ผมพยายามพูดปลอบโยนพี่ชายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเกรงจะทำให้คนบนห้องสงสัยที่คนทั้งสองลงมาชั้นล่างเป็นเวลานานเกินไป "พี่แบงค์ฟังผมนะครับ หลังจากที่ผมกลับออกไปให้พี่ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ผมขอเวลา 2 วันจะรีบจัดการปัญหานี้ออกไปจากชีวิตพี่แบงค์ให้ได้ เพราะคนอย่างไอ้นะต้องเอาให้อยู่หมัด ต้องทำให้ดิ้นไม่หลุด มันถึงจะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครได้อีก… รอผมหน่อยนะครับ อดทนอีกนิดนะครับพี่แบงค์" ผมดึงตัวพี่แบงค์มากอดอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งพลังบวกให้พี่ชายของผมได้รับ จากนั้นเราก็กลับมาจัดเตรียมอาหารใส่จานแล้วทานมื้อเย็นร่วมกัน โดยที่น้องชาร์ปไม่ลืมจัดสำรับข้าวเตรียมเอาขึ้นไปให้ไอ้เลวนั่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมไม่เข้าใจจริงๆเลยว่ามันใช้วิธีอะไรทำให้หลานชายหรือจะเป็นเพื่อนผมได้เลยด้วยซ้ำติดมันงอมแงมขนาดนี้ หลังจากเสร็จจากการทานมื้อค่ำร่วมกันโดยมีน้าก้อยและน้าอีก 2-3 คนกลับมาจากทำงานได้มาทานมื้อเย็นพร้อมกับเราพอดี จึงทำให้ทุกคนในบ้านรู้ว่าผมกลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับพี่ทัช ทุกคนในโต๊ะอาหารจึงมีเรื่องราวพูดคุยกันมากมาย แต่ตอนนั้นถือว่าโชคดีมากที่ชาร์ปไม่ได้เล่าถึงไอ้คนเลวที่อยู่บนห้องพี่แบงค์ให้ทุกคนฟัง ไม่อย่างนั้นผม 2 คนคงไม่วางใจที่จะกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ได้อย่างสบายใจ ผมไม่ลืมอธิบายเหตุผลกับน้าๆ ว่าเพราะอะไรทำไมยังไม่กลับมาพักที่บ้าน แต่ด้วยความที่ทุกคนรู้ทุกเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ทัช จึงเข้าใจเหตุผลของผมและพี่ทัชเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลาอันสมควรผมจึงยกมือสวัสดีลาทุกคนในบ้าน โดยไม่ลืมกำชับพี่แบงค์ถึงเรื่องราวที่เราสองคนคุยกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะไปส่งผมกับพี่ทัชขึ้นรถแท็กซี่หน้าบ้าน… นะ นที "นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย หิวแล้วนะเว้ย จะคุยอะไรกันนักหนาเสียงดังยังกับจัดปาร์ตี้เลย" ผมสบทถึงกลุ่มคนด้านล่าง เพราะความโมโหหิว ทั้งยังได้ยินเสียงพูดคุยสนุกสนานหัวเราะดังมาถึงชั้นบน เหมือนกับว่าไอ้เจ้าของห้องมันลืมไปแล้วว่ามีใครรอกินข้าวจากมันอยู่บนนี้ "เดี๋ยวคอยดูนะ ขึ้นมานี่จะจัดให้ดิ้นพล่านเลย!" ด้วยความที่ผมโมโหหิวจริงๆ เลยเดินไปบ่นอีกฝ่ายใส่ประตูห้อง ก่อนจะไปเปิดตู้เย็นอาหารที่จะช่วยประทังชีวิตเวลานี้ให้ได้เสียก่อน แต่กลับเจอกับความว่างเปล่าภายในตู้เย็น มีเพียงน้ำเปล่าที่เหลืออยู่ครึ่งขวดเท่านั้น จึงตัดสินใจที่จะหยิบมันออกมาเปิดฝาแล้วเทลงคอด้วยความกระหาย ก๊อกๆ ผมรีบลุกจากเตียงเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องด้วยความดีใจ ภายในใจลึกๆยังคงรู้สึกโมโหและโกรธเจ้าของห้องตลอดเวลา พร้อมที่จะทำการลงโทษไอ้เจ้าของห้องที่ทำให้ผมหิวจนหน้ามืดตาลาย ผมเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูห้องพร้อมกับดึงเข้ามา เตรียมจะอ้าปากด่าด้วยความโมโห… "น้องชาร์ป!" ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย ความโกรธของผมหายไปหมดสิ้น แทบจะกลายเป็นลูกแมวตัวน้อยสำหรับคนตรงหน้าเลยก็ว่าได้ "ขอโทษนะครับที่ทำให้น้ารอนาน น้าคงหิวแย่เลย" หลานชายเจ้าของห้องทันทีที่เห็นหน้าผมคงจะรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่ จึงรีบเดินเข้ามาจัดการอาหารที่อยู่บนถาดที่เขาถึงขึ้นมาบนโต๊ะทำงานของแบงค์ด้วยความลุกลี้ลุกลน แสดงออกถึงความรู้สึกผิด "ไม่เป็นไรหรอกครับ น้าไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้น นี่ก็เพิ่งจะ 2 ทุ่มเอง" ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงหนุ่มน้อยที่แสนน่ารักคนนี้มาก ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร จากทีแรกคิดว่าอาจจะคั้นคอเจ้าของห้องให้แหลกคามือเพราะนำอาหารขึ้นมาให้ผมกินช้ากว่าเวลาปกติ กลับไม่น่าเชื่อทันทีที่เห็นใบหน้าน้องชาร์ปปั๊บ ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไปจนหมด หลงเหลือแต่ความรู้สึกรักอยากถนุถนอมคนตรงหน้าแทน ผมยืนมองหนุ่มน้อยที่กำลังจัดเตรียมอาหารเย็นให้ผมด้วยท่วงท่าออกจะไปในทางร้อนรนเล็กน้อย ในชุดนอนสีฟ้าลายน่ารัก ไม่รู้สิครับคนน่ารักมองยังไงก็น่ารัก คืนนี้แล้วสินะที่หนุ่มน้อยคนนี้จะต้องตกเป็นเมียของผม มาคิดๆดูผมอาจจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าผมใช้ยาตัวนั้นอย่างที่น้าชายของเขาจะใช้กับผม น้องชาร์ปคงได้เป็นเมียผมอย่างง่ายดายโดยปริยาย จากรูปร่างหน้าตาผมคงจะไม่กระทำรุนแรงซาดิสเหมือนที่ทำกับน้าของเขาแน่นอน เพราะหากผมทำแบบนั้นลงไป ความน่ารัก น่าเอ็นดูของเขาก็จะหมดไปโดยเร็ว ส่วนสำหรับไอ้แบงค์มันก็แค่ทาสอารมณ์ของผมเท่านั้นเอง ผมจะทำยังไงกับมันก็ได้แล้วแต่ผม ผมยืนมองเรือนร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าไปพลางคิดแผนการในหัวไป แค่คิดผมก็มีความสุขมากแล้ว (หึๆ…) ผมยืนมองหลานชายของไอ้ทาสอารมณ์อยู่สักครู่ จู่ๆก็รู้สึกอยากใช้ฝ่ามือไปสัมผัสบั้นท้ายของน้องชาร์ปเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะมันดึงดูดความรู้สึกของผมมากเหลือเกิน (เป็นไงเป็นกันเนาะ ไหนๆคืนนี้เราก็ต้องตกเป็นเมียพี่อยู่แล้ว ขอสัมผัสให้ชื่นใจหน่อยละกัน) ผมยืนพูดกับตัวเองโดยที่สายตายังคงจับจ้องบั้นท้ายสวยภายใต้กางเกงชุดนอนขายาวไม่วางสายตา สิ่งดึงดูดมันทำให้ผมสติฟั่นเฟือนจนเผลอเดินไปยืนด้านหลังหนุ่มน้อยอย่างตั้งใจ (กลิ่นตัวหอมจัง) ผมค่อยๆหายใจเข้าก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นสบู่อ่อนๆลอยมาเตะจมูกบวกกับกลิ่นความเป็นหนุ่มเต็มตัวของน้องชาร์ป มันช่างแตกต่างจากไอ้แบงค์มาก ผมเคลื่อนฝ่ามือเตรียมจะไปโอบกอดเอวคอดในความรู้สึกที่ไม่อาจอัดอั้นได้อีกแล้ว… "ขึ้นมาไม่บอกน้าเลยนะชาร์ป!" ผมตกใจเสียงของใครอีกคนแทบจะดึงมือกลับไม่ทัน ขณะที่อุ้งมือของผมกำลังจะสัมผัสที่เอวของน้องชาร์ปแล้วจริงๆ ผมหัวเสียหันหน้าไปมองเจ้าของคำพูดด้วยความไม่พอใจอย่างแรง แต่ก็ต้องรีบดึงสีหน้ากลับมาเป็นปกติที่ดูอ่อนโยนในสายตาหนุ่มน้อยอีกครั้ง "ขอโทษด้วยครับน้าแบงค์ ผมกลัวว่าเพื่อนของน้าจะหิวก็เลยรีบเอาอาหารขึ้นมาก่อนเลยไม่ได้บอกครับ" น้องชาร์ปตอบทาสอารมณ์ของผมในน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอามากๆ เลยพูดอะไรไปบางอย่างเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายลง ทั้งที่ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า ไอ้ทาสอารมณ์ของผมมันต้องการจะช่วยหลานชายของมันก็เท่านั้น "ไม่มีใครผิดหรอก เอาขึ้นมาก็ดีแล้วน้าก็จะได้กินยังไงครับ" ผมพูดทั้งรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองไอ้แบงค์ด้วยความโกรธ การกระทำของผมไม่ทำให้มันสะทกสะท้านเหมือนเมื่อก่อน หรือมันคิดว่าต่อหน้าหลานชายของมันผมจะไม่กล้าเล่นบทโหดกับมัน อย่างนี้หรือเปล่าถึงทำให้ไอ้แบงค์ไม่มีทีท่าเกรงกลัวสายตาของผมแม้แต่น้อย อยากจะบอกว่ามันคิดผิดมาก ผมยิ้มมุมปากก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันหลังเดินไปสวมกอดคนที่กำลังจัดการอาหารบนโต๊ะทำงานตัวประจำที่ผมใช้นั่งกินข้าว "อื้ม! หอมจัง… เอ๊ แต่ว่ากลิ่นอะไรนะที่หอม" ผมทำทีจะใช้ปลายจมูกกรมส่งไปที่ซอกคอขาวๆของน้องชาร์ป ทันใดนั้นเอง ไอ้ทาสอารมณ์ของผมก็รีบมายกมือขึ้นกอดคอหลานชายของมันแล้วดึงไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างแนบเนียน โดยที่หนุ่มน้อยไม่ทันสังเกตว่าเราสองคนกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ เมื่อผมเห็นอย่างนั้นจึงรู้เลยว่างานนี้สนุกแน่ ผมจึงรีบเดินไปอีกฝั่งนึงที่มีหนุ่มน้อยหน้าใสกำลังยืนยิ้มชอบใจ เพราะคิดว่าเราสองคนกำลังหยอกล้อเขาอยู่ เมื่อสบโอกาสผมจึงรีบจูโจมกวางน้อยที่กำลังยืนเหม่อด้วยความหรรษา ผมจึงรีบใช้ปลายจมูกสัมผัสไปที่แก้มอย่างเอ็นดู "น้าเล่นอะไรกันครับเนี่ย ผมเรียนหัวไปหมดแล้วครับ" ไอ้เด็กน้อยไร้เดียงสาจังเลยนะ ยังไม่รู้อีกว่ากำลังจะโดนราชสีห์เขมือบอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก ยิ่งเห็นทีท่าของไอ้แบงค์ที่มันดูร้อนรน เมื่อเห็นว่าผมเริ่มลุกหลานชายมันมากขึ้น ผมก็ยิ่งสนุกกับท่าทางของมัน "นี่ก็ดึกแล้ว ชาร์ปกลับไปนอนก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะครับ" ดูเหมือนคำพูดของไอ้แบงค์จะเป็นเหมือนคำสั่งเด็ดขาด ทันทีที่มันบอกกวางน้อยของผมจบ เจ้ากวางตัวน้อยหลายสวยก็กระโจนออกไปจากบริเวณตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว มันทำให้ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งอย่างกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ปั้ก! "กูจะถือว่ามึงเป็นคนเลือกแบบนี้เองนะ ที่ไม่ทำตามสิ่งที่กูต้องการ มึงระวังคนในบ้านไว้ให้ดีแล้วกัน!!" ฟาดหมัดใส่มุมปากมันสุดแรง หลังจากประตูห้องนอนถูกปิดลงจากมือของน้องชาร์ป เป็นคนให้ไอ้แบงค์ล้มลงไปกองกับพื้นบริเวณปลายเตียงในสภาพที่มีอะไรบางอย่างที่กำลังไหลออกจากมุมปากของมัน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD