เช้าวันต่อมา...
06.00น.
"อ่าซ์...เจ็บหน้าอกชะมัด" เสียงทุ้มแหบร้องโอดโอยหลังจากที่รู้สึกตัวตื่นในเวลาเช้าตรู่พร้อมกับอาการปวดหัวตุบๆอย่างกับจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
พระพายยัดกายลุกขึ้นจากเตียงมือข้างหนึ่งนวดคลึงตรงขมับเบาๆขณะที่มืออีกข้างสัมผัสเบาๆตรงบริเวณกลางอกที่ถูกน้องรหัสอย่างโซดาถีบลงมาเมื่อคืน
หึ ให้มันได้อย่างนี้สิชีวิตของไอ้พระพาย รู้ถึงไหนอายถึงนั้นเป็นถึงพี่วินัย ทำหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้ารุ่นน้อง แต่ใครจะไปรู้ว่าลับหลังเขากลับถูกน้องรหัสตัวเองแจกบาทาไว้ก่อนนอน ขนาดเขาเมายังไม่ผ่อนแรงให้สักนิดถ้าเป็นตอนปกติแล้วไปพูดจากวนๆใส่อีก จะใส่แรงขนาดไหน
ติ๊ง!
ไคโร : ไง วันนี้มึงต้องไปเข้าค่าย ตื่นไหวมั๊ย
"หึ เพื่อนรัก รักเพื่อนมาก ปกติไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้ แต่วันนี้อุตส่าห์ตื่นเช้าเพื่อส่งข้อความมาปลุกเหรอวะ"
พระพายพึมพำจบ เขาก็จัดการพิมพ์ข้อความส่งกลับไป
พระพาย : อืม แต่กูไม่ไป
พิมพ์ส่งไปแค่นั้นเขาก็โยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียงตามลงไปในวินาทีต่อมาจากนั้นก็หลับไปอีกครั้งอย่างไม่แยแส...
.
.
อีด้านของมหาวิทยาลัย...
07.00น.
เสียงพูดคุยของนักศึกษาหลายสิบคนที่กำลังตั้งแถวเตรียมความพร้อม พร้อมด้วยรถบัสคันใหญ่VVIPห้าคันจอดเรียงกันหน้าตึกศูนย์กลางของมหาวิทยาลัย เพื่อรอรับนักศึกษาจากทุกคณะเดินทางไปเข้าค่ายโครงการฟื้นฟูโรงเรียนบนดอยที่เชียงใหม่ นักศึกษาทุกคนมาพร้อมกัน ณ ลานตึกศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยเวลาเจ็ดโมงเช้า เพื่อเตรียมเดินทางตามหมายที่ได้กำหนดไว้
แต่...
"รถคันที่สามนักศึกษาทุกคนมาครบหรือยังครับ" หนึ่งในอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาของโครงการและเป็นผู้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาตะโกนถามนักศึกษาทั้งชายและหญิงที่กำลังเข้าแถวเตรียมขึ้นรถซ้ำอีกครั้งเพื่อป้องกันการตกหล่นของนักศึกษา
"ยังค่ะอาจารย์ มีรุ่นพี่ปีสามเอกเครื่องกลยังมาไม่ถึงค่ะ" โซดารุ่นน้องของพระพายเป็นคนยกมือขึ้นตอบกลับอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าแถวด้วยสีหหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเธอทั้งโทรตามทั้งส่งข้อความไปเป็นสิบครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะรับสายหรืออ่านข้อความที่ส่งไปสักนิด จนเธอหงุดหงิดแอบด่าในใจไปไม่รู้กี่ครั้ง
"ปีสามเครื่องกลเหรอ อย่าบอกนะว่า..." เสียงอาจารย์หนุ่มพูดพร้อมนึกถึงบุคคลที่ตัวเองกำลังคิด
"ผมมาถึงแล้วครับอาจารย์" ทุกสายตามองขวับไปที่เจ้าของเสียงทุ้มเบื้องหลังร่างสูงของอาจารย์ทันทีที่ได้ยินเสียงของบุคคลที่กล่าวถึงกำลังยืนอยู่ด้านหลังพอดี
ร่างสูงร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรสวมเสื้อยืดสีดำด้านในคลุมทับด้วยเสื้อลายสกอตแบรนด์ดังตัวใหญ่ไว้ด้านนอก สวมกางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบราคาแพง กำลังเป็นที่น่าสนใจแก่สายตาของสาวๆ ที่กำลังยืนมองเป็นอย่างดี
เพราะความสูงที่น่าสนใจและใบหน้าหล่อเหลาที่ดึงดูดสายตาให้จับจ้อง ทำให้ภาพบุคคลตรงหน้าทำเอาสาวๆ ทั้งหลายถึงกับมองตาเคลิ้มด้วยหัวใจที่พองโตกันเป็นแถว
"จะบ้าตาย พี่พระพายไปด้วยเหรอเนี่ย โอ๊ยจากที่ไม่อยากไปฉันอยากให้รถล้อหมุนตอนนี้เลยอะ" หนึ่งในนักศึกษาสาวที่กำลังจับจ้องร่างสูงของพระพายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หลังจากที่รู้ว่าการเข้าค่ายวันนี้จะมีหนุ่มหล่อสุดฮอตของคณะวิศวะไปด้วย
"จริง มีของดีของแก๊งวิศวะไปแบบนี้ ค่อยมีแรงไปฟื้นฟูหน่อย"
"ผมขอโทษด้วยครับอาจารย์ พอดีว่ารถติดครับ" พระพายบอกกับอาจารย์ขณะที่สายตามองผ่านไปยังโซดาที่กำลังยืนทำหน้าตึงไม่รับแขกอยู่ในแถวด้านหลังของอาจารย์...
ความจริงแล้วที่เขามาถึงสายก็เพราะเมื่อคืนดื่มเหล้าหนักไปหน่อย เช้านี้จึงลุกจากเตียงไม่ไหวและคิดว่าจะเมินเฉยและไม่ไปเข้าค่ายแล้วด้วย ต่อให้โดนเพื่อนดุด่าที่ทำชื่อเสียงพี่ว้ากเสียหายเขาก็ไม่สน
แต่มันดันมีคนทำให้เขาต้องจำยอมลุกขึ้นจากเตียงแล้วลากสังขารของตัวเองมาถึงที่นี่จนได้
หึ นึกถึงข้อความที่โดนสาปแช่งแล้ว...เขาก็ถึงกับต้องกัดฟันกรอดอีกครั้ง มีที่ไหนพิมพ์ส่งมาว่า...
'ถ้าไม่รีบหอบสังขารมาขึ้นรถที่มหาวิทยาลัย ขอให้นกเขาไม่ขันไปตลอดชีวิต'
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผู้ชายอกสามศอกแบบเขาทำใจไม่ได้จริงๆ หน้าตาหล่อขนาดนี้ บ้านฐานะรวยขนาดนั้น เรียนดี กีฬาเด่นเพอร์เฟคไปหมดทุกอย่าง จะมาตายตรงที่นกเขาไม่ขันเพราะโดนยัยน้องรหัสจอมดุสาปแช่งมาเหรอวะ
เหอะ เขาขอไม่แลกด้วยเด็ดขาด!
"ไม่เป็นไร ถ้ามาครบกันแล้วงั้นก็ขึ้นรถกันเลยเถอะ"
สิ้นสุดเสียงของอาจารย์หนุ่ม นักศึกษาทุกคนก็รีบแยกย้ายเอาของไปเก็บใต้ท้องรถบัสทันที ก่อนที่จะรีบขึ้นรถบัสสองชั้นตามเลขที่นั่งที่ได้จัดแจงไว้ในเวลาต่อมา พระพายและโซดาต่างแยกย้ายเก็บของคนละช่องกัน เก็บเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปที่ประตูรถเพื่อจะขึ้นบันไดไปนั่งที่ของตัวเองต่อ
แต่...
ตุบ!
"เธอเห็นไหมว่าฉันก้าวขาจะขึ้นก่อน" พระพายตวัดสายตาคมถามโซดาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยหลังโดนอีกฝ่ายแย่งขึ้นรถจนตัวเขาเซถลาลงจากรถมายืนบนถนนเหมือนเดิม
"เห็น แต่เป็นผู้ชายก็ควรเสียสละเปิดทางให้ผู้หญิงขึ้นก่อนหรือเปล่า หรือเรื่องแค่นี้ฉันก็ต้องสอนพี่" โซดายืนชูคอถามบนบันไดรถท่าทางไม่เดือดร้อนแถมยังแสดงออกถึงความไม่เกรงกลัวต่อพี่รหัสอย่างพระพายด้วย
"หึ เรื่องเดียวที่ฉันยอมเปิดทางให้ผู้หญิงขึ้นก่อน คือเรื่อง..."
"อย่ามาพูดจาอุบาทว์แถวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะถอดรองเท้ายัดใส่ปากพี่"
"ดุฉิบเป๋งเลย จะขึ้นก็รีบขึ้น รถจะออกแล้ว" ทันทีที่โดนน้องรหัสดุและขู่ว่าจะถอดรองเท้ายัดใส่ปากโทษฐานที่พูดจาทะลึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาก็ถอดสีลงแวบหนึ่งก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแล้วรีบไล่น้องรหัสตัวเองขึ้นรถด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวกลับไปแทน
ถ้าเป็นกับคนอื่นเขาคงไม่นึกกลัวและหวาดระแวงอย่างตอนนี้แต่พอเป็นกับโซดาที่ไม่เคยนึกกลัวหรือเกรงกลัวเขาเลยสักครั้ง เขาไม่เสี่ยงโดนรองเท้ายัดปากดีกว่า
ฟุบ/ฟุบ
"นั่งแล้วก็ช่วยอย่าเบียดฉันได้ไหม" ทันทีที่เดินมาถึงเก้าอี้ทั้งคู่ก็นั่งลงตามหมายเลขที่ได้รับ แต่ด้วยความที่พระพายตัวใหญ่กว่าและเป็นผู้ชายที่มีไหล่กว้าง โซดาที่ได้เก้าอี้ติดกระจกรถจึงเหมือนถูกเบียดจนตัวลีบเล็กลง
"เบียดอะไร ฉันก็นั่งปกติ" พระพายว่าพร้อมกับขยับไหล่ทั้งสองข้างประกอบคำพูดของตัวเองไปด้วย แต่ทำเอาคนที่กำลังถูกกระแทกซ้ำๆ อย่างโซดาถึงกับพรูลมหายใจออกมาด้วยความนึกโมโห เพราะไหล่ของพระพายกระแทกโดนหน้าอกของเธอด้วย
"หยุดกระแทกสักทีเถอะ ไหล่พี่มันกว้างอย่างกับถนนแปดเลนขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่เบียดอีก" น้ำเสียงขึงขังพร้อมดวงตาคมโตของโซดาตวัดมองค้อนพระพายตาเขียว
"ก็คนมันไหล่กว้างจะให้ทำไงวะ"
"ก็หุบลงนิดหนึ่งสิ!" โซดาตวาดเสียงดังอย่างนึกโมโหออกไป จนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บริเวณรอบๆ หันมามองด้วยความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น โซดาที่เห็นว่าเริ่มมีสายตามองด้วยความสนใจกับระดับเสียงของเธอที่ตะเบ็งออกไปเมื่อกี้ ก็รีบทำหน้าเฉไฉทำเป็นมองนอกกระจกแทน แต่คนที่ขยันยั่วโมโหเธออย่างพระพายก็ไม่คิดที่จะหยุดสงครามประสาทนี้สักที
"เหอะ! เออ นั่งรถจากนี้ไปถึงเชียงใหม่อีกตั้งหลายชั่วโมง อย่าให้เห็นนะว่าเอาหัวเน่าๆ ของตัวเองมาวางบนไหล่ฉัน"
ขวับ!
ได้ยินพระพายว่าอย่างนั้นโซดาก็รีบหันขวับจ้องตาของพระพายทันที เธอจ้องดวงตาคมเข้มของคนตรงหน้าไม่วางตา จ้องอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งที่จู่ๆ เรื่องราวและประโยคคำพูดมากมายจากเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
ซึ่งมันทำเอาเธอต้องแสยะยิ้มออกมา เพราะมันเป็นอย่างที่เธอได้คิดไว้จริงๆ ท่าทางเมื่อคืนกับตอนนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
"โซไม่เอาหัวไปพิงไหล่คนแบบพี่หรอก" ที่เธอเคยคิดไว้ว่าอย่าไปเอาอะไรมากมายกับคนเมา มันเป็นเรื่องจริง เพราะคนเมาก็คือคนเมา เขาพูดเพราะเมาพอสติกลับมา ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
"จ้องตานานขนาดนี้ ท้องขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบนะ ไม่อยากได้เมียดุ" พระพายเห็นว่าน้องรหัสตรงหน้าจ้องตานานนับนาทีก็พูดยียวนพร้อมเบะปากคว่ำกลับไป ทำเอาโซดาถึงกับกลอกตามองบนพร้อมถอนหายใจแรงออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคเด็กอนุบาลจากของปากคนที่มีอายุยี่สิบเอ็ดปี และได้รับการพูดถึงว่าเรียนเก่ง จนเธอทนอยู่นิ่งไม่ได้!
"บางทีการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว...มันก็น่าจะดีกว่าการมีพี่เป็นผัวเหมือนกัน"
"ซี้ด~ ปากเธอนี่มันเหมือนอาวุธจริงๆ เลยนะ"
"ก็เฉพาะกับคนแบบพี่อะ" ว่าจบโซดาก็กอดอกพร้อมถลึงตาขึงขังกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนที่สุดท้ายจะหันหน้ามองนอกกระจกรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยปลายทางเชียงใหม่แทน
ขณะที่พระพายได้แต่นั่งจ้องโซดาตาเข้มแต่สู้กลับไม่ได้ เพราะถ้าหากว่าเขาตอบกลับอีก คนที่ไม่คิดจะยอมแพ้อยู่แล้วอย่างโซดาก็ต้องแว้งกลับมาพูดจิกกัดเขาอีก สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงกระตุกปลายเส้นผมของอีกฝ่ายทดแทนความแค้นในใจของตัวเองเท่านั้น
กึก!
"อ๊ะ! พี่ดึงผมโซเหรอ?"
"เปล่า ฉันไม่ได้ยุ่งกับเส้นผมเธอเลย" พระพายหยักไหล่แสดงความบริสุทธิ์ใจ ขณะที่โซดากำลังหรี่ตาจับผิดใบหน้าหล่อเหลาของพระพายอย่างพิจารณาแต่เมื่อไม่พบความผิดปกติ เธอจึงเลิกสนใจแล้วหันหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างแทน
คนที่รอดตัวจากการถูกจับได้อย่างพระพายจึงแอบยิ้มกรุ้มกริ่มตรงมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์บางๆ แทน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วหลับตานอนในที่สุด