หลังจากที่ฉันสงบสติอารมณ์ที่เป็นบ้าไปเมื่อกี้จนดีขึ้นแล้ว ฉันก็ตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยมและหอมสดชื่นไปทั้งตัวแล้วฉันก็เดินออกไปเลือกชุดที่จะใส่ออกไปนั่งกินข้าวกับพี่พระพายข้างนอก
ให้ตายเถอะ นี่เป็นการกินข้าวกับผู้ชายในห้องของตัวเองครั้งแรกของฉัน ในชีวิตของฉันนอกจากพี่เบียร์กับพี่ไวน์ที่เคยเข้ามาที่นี่ นอกนั้นก็ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตเข้ามาทั้งนั้น ถึงแม้ว่าในเอกของฉันจะมีกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่ร่วมกันทำงานกลุ่มอยู่สองสามคนที่ทำด้วยกันบ่อย แต่บอกไว้เลยว่าไอ้พวกนั้นไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาในห้องของฉันสักนิด ถ้าจะทำรายงานที่เดียวที่ฉันจะไปทำด้วยนั่นก็คือห้องสมุดเท่านั้น
พี่พระพายก็เลยเป็นผู้ชายคนที่สามที่ได้เข้ามาในห้องของฉันและอยู่นานเป็นชั่วโมงแบบนี้ อยู่นานกว่าเฮียทั้งสองของฉันอีก
ปึก! แอ๊ด~
"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ พี่จัดโต๊ะกินข้าวเสร็จพอดีเลย" ฉันเดินออกจากห้องนอนได้ประมาณสามก้าวพี่พระพายที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ก็หันมาหาฉันพอดี ฉันก็เลยยื่นคอมองเลยไปที่โต๊ะอาหารแวบหนึ่ง
แต่ดูสิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้เอาเถอะ อาหารหลากหลายชนิดอย่างกับนั่งกินกันมากกว่าสองคนขึ้นไปถูกจัดใส่จานวางเรียงอย่างสวยงาม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ถ้าเมื่อกี้ฉันไม่เรียกให้เขานั่งกินด้วยกันก่อน ถามหน่อยเถอะฉันจะกินทั้งหมดนั้นหมดไหม
อีกอย่างสั่งมาเยอะขนาดนี้กะจะให้ฉันอ้วนเป็นหมูหรือไง
"พี่สั่งมาเยอะขนาดนั้นแน่ใจนะว่าเรากินกันแค่สองคนอะ"
"อื้ม พี่ไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไรก็เลยสั่งมาหลายอย่าง ม้ะ เดี๋ยวอาหารเย็นมันจะไม่อร่อย" พี่พระพายอธิบายจบเขาก็เรียกให้ฉันไปกินข้าวพร้อมกับถอยเก้าอี้เตรียมให้ฉันนั่งอย่างเรียบร้อย
ฉันก็เลยไม่ยืนเฉยเดินเข้าไปหาพี่พระพายนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองเสร็จพี่พระพายก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งตัวเองบ้าง จากนั้นเราทั้งสองคนก็ค่อยๆ เริ่มลงมือทานข้าวกันในที่สุด
"เธอชอบกินผักไหม" แต่นั่งกินไปได้สักพักใหญ่ๆ จู่ๆ พี่พระพายก็เอ่ยถามฉันว่าชอบกินผักไหม ตอนแรกฉันก็แอบงงอยู่เหมือนกันแต่ก็เลือกที่จะตอบคำถามของเขา
"กินค่ะ"
"งั้นเธอไม่ชอบกินอะไรแล้วชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า" นี่กำลังสัมภาษณ์ฉันอยู่เหรอ? เก็บข้อมูลดีเหมือนกันนะเนี่ย
ฉันแอบอมยิ้มเบาๆ จ้องตาพี่พระพายที่กำลังมองฉันด้วยท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย พี่พระพายที่มองฉันอยู่ก็เลยเลิกคิ้วขึ้นคงจะสงสัยกับท่าทางของฉันที่กำลังแอบอมยิ้มตอนนี้
"เธอยิ้มอะไร"
"เปล่าค่ะ โซยิ้มเฉยๆ"
"เหรอ งั้นก็ตอบคำถามพี่ได้แล้วมั้งว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร" ทำไมเวลาที่เขาไม่มีคราบของความเจ้าชู้บนตัวให้เห็น เขาถึงได้ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและแสนดีแบบนี้นะ ที่สำคัญท่าทางตอนนี้ของเขามันแอบทำให้ฉันหวั่นไหวมากเลย แถมตรงบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของฉันมันก็พร้อมใจกันเต้นแรงจนฉันกลัวว่าเสียงมันจะดังไปถึงอีกฝั่ง
"จริงๆ โซไม่มีของที่ไม่ชอบเลยอะ โซกินได้ทุกอย่างแถมไม่เคยแพ้อะไรสักอย่างเลยด้วย ส่วนของโปรดโซชอบของหวาน น้ำชาไข่มุกที่คณะของเราโซชอบมาก ไม่กินวันเดียวเหมือนจะลงแดงตายเลยละ"
หลังจากที่ฉันตั้งสติได้ พยายามเก็บอาการทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ไม่ให้ถูกจับได้ ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาพูดออกไปอย่างยาวเหยียด ตอนตอบก็พยายามซ่อนอาการสุดๆ มีบางแวบที่ฉันไม่กล้าสบตาของพี่พระพายที่กำลังจับจ้องฉันด้วย
ก็นะ เขามองแบบนั้นเหมือนกำลังทำให้ฉันค่อยๆ ถูกต้อนให้จนมุมยังไงไม่รู้
"ไอ้ชาไข่มุกนั่นอะนะ ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ" พี่พระพายตอบกลับเสียงหยันเมื่อนึกถึงร้านชาไข่มุกเจ้าดังของคณะ
ใช่ ร้านชาไข่มุกที่อยู่ในบริเวณคณะของฉัน แถมเป็นร้านแฟรนไชส์ที่เรียกแขกสาวๆ จากคณะอื่นให้มาซื้อได้ดีด้วย คนอื่นมาที่คณะอาจจะคาดหวังอย่างอื่น อย่างเช่นคาดหวังการมาเจอหนุ่มสุดฮอตอย่างแก๊งพี่พระพาย แต่สำหรับฉันแน่นอน ชาไทชีสคือที่สุดของความสุข เติมเบาหวานให้ร่างกายได้ดีมาก
"อื้ม ชอบมากโดยเฉพาะน้ำชาไทชีส"
"หึ ถ้าชอบขนาดนี้พี่ซื้อแฟรนไชส์ให้เอาไหม" พี่พระพายไม่พูดเปล่า แต่เขากลับยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะโทรไปหาเจ้าของแฟรนไชส์จริงๆ ฉันที่เห็นแบบนั้นเลยยืดตัวข้ามโต๊ะคว้าโทรศัพท์ในมือของเขามาเก็บไว้
"บ้าเหรอ โซไม่ได้คลั่งขนาดนั้นสักหน่อย แค่ชอบกินเฉยๆ" ฉันบอกพี่พระพายพร้อมทำหน้ามุ่ยไปด้วย แต่จู่ๆ ฉันก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์ของพี่พระพายที่ฉันคว้ามาวางไว้ข้างๆ จานตัวเองหน้าจอมันดันติดขึ้นมาแล้วฉันดันเห็นรูปตัวเองตอนไปเข้าค่ายบนดอยปรากฏอยู่บนนั้น
นี่เขาแอบถ่ายฉันเหรอเนี่ย แล้วให้ตายเถอะเห็นรูปตัวเองในโทรศัพท์คนอื่นปุ๊บฉันก็รู้สึกใจสั่นวาบขึ้นมาทันทีแถมยังรู้สึกมวนท้องจนใจหวิวๆ อีกด้วย ฉันไม่ได้โกรธนะที่พระพายแอบถ่ายอะ แต่...
"ถ้าขนาดจะลงแดงตายอะพี่ว่าเธอคลั่งแล้วละ สั่งพี่ให้หยุดดื่มเหล้า งั้นพี่ขอสั่งเธอด้วยว่าให้ดื่มไอ้ชานั่นน้อยๆ หน่อยเดี๋ยวเบาหวานก็ตามหาหรอก" ฉันตกใจรีบละสายตาไปจากโทรศัพท์ของพี่พระพายทันทีหลังจากที่ได้ยินเจ้าของโทรศัพท์เขาพูดต่อว่าฉันด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ทำให้กะจิตกะใจของฉันที่ยังอยู่กับรูปภาพที่เห็นเมื่อกี้ เผลอพูดตามเสียงในหัวออกไปว่า
"สั่งแบบนี้ เป็นห่วงหรือไง"
"แล้วเธอสั่งพี่แบบนั้น เธอเป็นห่วงพี่ไหมล่ะ"
"..."
ชะงัก ฉันชะงักนิ่งไปเลย ชะงักกับคำพูดของตัวเองที่ไม่คิดว่าจะพูดออกไปไม่พอ ฉันยังชะงักกับพูดของพี่พระพายที่สวนออกมาเมื่อกี้อีก
"ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมเปิดใจคบกับพี่สักที"
เหอะ นี่มันเข้าทางเขาหรือเปล่านะ ค่อยๆ ต้อนฉันสุดท้ายฉันติดกับดักตัวเองปุ๊บก็เปิดโหมดตั้งคำถามเข้าสถานการณ์อย่างที่เห็นตอนนี้ทันที
คนเจ้าเล่ห์ เขาทั้งเจ้าเล่ห์แล้วก็ร้ายไปพร้อมๆ กันเลยให้ตายเถอะ
"งั้นโซขอถามหน่อย ว่าพี่ชอบอะไรในตัวโซ เราเคยไม่ถูกกันนะ วันนั้นอะพี่ยังแกล้งโซไม่ให้ขึ้นลิฟต์เลยเพราะไม่อยากยืนหายใจร่วมกัน แล้วทำไมวันนี้นึกอยากเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของโซล่ะ พี่มีแผนอะไรหรือเปล่า"
ที่ฉันถามแบบนี้ก็เพราะต้องการความมั่นใจบางอย่าง ฉันแค่อยากรู้ว่าการที่เราเคยทะเลาะกันแล้วจู่ๆ ก็มาทำท่าเหมือนจีบกันแบบนี้ มันจะชอบกันจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าแค่หมั่นไส้กันแล้วเอาเรื่องความรู้สึกมาล้อเล่น
"หึ ดูหนังเยอะไปป่าวจะมีแผนอะไรกัน พี่แค่ตกหลุมรักเธอจากนั้นก็ห้ามใจไม่อยู่ก็เลยพยายามหว่านล้อมเธอให้มาเป็นแฟนพี่" พี่พระพายยิ้มหยัน ก่อนจะตอบออกมาในภายหลัง
ฉันที่ได้ยินคำตอบพวกนั้นแล้วก็เลยนิ่งไปสักพัก ก่อนจะทำหน้าจริงจังตั้งคำถามที่ฉันกลัวมากที่สุดในชีวิตออกไป
"ถ้าโซเป็นแฟนกับพี่ โซจะไม่เจ็บเลยสักวันใช่ไหม"
"พี่ไม่รับปากว่าจะไม่เจ็บ แต่เท่าที่จำได้ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้พี่ไม่เคยปล่อยให้เธอเจ็บจากอะไรเลยสักครั้ง พี่ทะนุถนอมเธอมาอย่างดีตลอด ส่วนเรื่องหัวใจของเธอ ถ้าพี่รับมาแล้วแน่นอนว่ามันจะถูกทะนุถนอมเป็นอย่างดีเช่นกัน"
อ่าใจเต้นแรงเป็นบ้าเลย ใช่ ฉันจำได้ว่าพี่พระพายดูและฉันดีมากและดีมาตลอด ไม่ปล่อยให้เพื่อนตัวเองตะคอกใส่ฉัน ไม่ปล่อยให้เพื่อนตัวเองทำโทษฉันตอนรับน้องและไม่ปล่อยให้ฉันได้รับบาดเจ็บทั้งทางใจและทางกายเลยสักครั้ง
"โซเกลียดผู้ชายเจ้าชู้" ฉันเลยยิงประโยคที่ตัวเองเคยไม่ชอบในตัวพี่พระพายแบบหน้านิ่งจริงจังกลับไปต่อ
"ไอ้เวรนั่นมันออกจากตัวพี่นับตั้งแต่วินาทีที่พี่ตัดสินใจจะจีบเธอแล้ว" พี่พระพายเลยสู้กลับสวนประโยคโดนใจฉันหน้านิ่งกลับมาทันที ฉันเลยต่ออีกประโยคว่า
"โซไม่ชอบคนใจโลเลทำตัวสำส่อน"
"พี่สัญญาว่าจะเอาแค่เธอคนเดียวตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป"
แค่กๆ แค่กๆ
เท่านั้นแหละฉันถึงกับสำลักไอหน้าดำหน้าแดงจนคนตรงหน้าที่นั่งกอดอกอยู่ฉีกยิ้มกรุ้มกริ่มมีความสุขออกมาจนฉันต้องถลึงตาขึงขังใส่ ฉันไอหน้าดำหน้าแดงขนาดนี้ยังมีหน้ามานั่งยิ้มอยู่แบบนั้นอีก
"เลือดเย็นมากนะที่นั่งยิ้มได้แบบนั้น"
"ก็เธอทำตัวน่ารักขนาดนั้น จะไม่ให้พี่ยิ้มได้ไง"
พี่พระพายพูดแค่นั้นจบ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้โน้มตัวข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉัน จากนั้นสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะเกิดบนโต๊ะอาหารก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ คนที่กำลังสบตาของฉันด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาก็เลือกที่จะทาบริมฝีปากตัวเองลงมาบนริมฝีปากของฉันเบาๆ อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนจนหัวใจของฉันมันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง...