บทที่6

1274 Words
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจัดแจงเรื่องอาหารยาให้มารดาเรียบร้อยทั้งคู่ก็เตรียมของขึ้นเขาไป แต่ในครั้งนี้เจียอีนางนำธนูของบิดาไปด้วยเพื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ทั้งคู่แบกตะกร้าขึ้นหลังคนละใบเตรียมน้ำกับหัวมันเผาไปคนละหัวแล้วมุ่งหน้าไปตามทางที่ลู่เสียนได้จดจำไว้ ชาวบ้านทักทายสองพี่น้องไปตลอดทาง ด้วยความสงสารและเมตตาต่างเอ่ยปากเตือนไม่ให้ทั้งคู่เดินเข้าไปในป่าชั้นใน เพราะมีพรานป่าที่เข้าไปแล้วพบเสือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้ชาวบ้านหาของป่าได้เพียงบริเวณป่ารอบนอกเท่านั้น ทั้งคู่ก็รับคำและกล่าวลาก่อนจะรีบเดินเข้าไป เมื่อพ้นสายตาของชาวบ้านลู่เสียนก็เดินนำพี่สาวไปตามทางที่เขาได้ทำเครื่องหมายไว้ เพราะระยะเวลาที่เดินเมื่อวานกับวันนี้ต่างกัน ครั้งนี้ทั้งคู่รู้จุดหมายแล้วจึงใช้เวลาเร็วกว่าเมื่อวาน ระหว่างทางยังพบไก่ป่า กระต่ายป่า เจียอีไม่สนใจเลยนางสนใจเพียงโสมเท่านั้น เมื่อมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่มู่หลงชี้บอกเมื่อวานทั้งคู่รีบลงมือขุดโสมทันที "ระหว่างด้วยเสียนเออร์ ทำตามข้า ค่อยๆขุดดินรอบๆออกก่อน ดูนี่รากมากมายพวกนี้เจ้าอย่าได้ทำให้ขาด ไม่เช่นนั้นราคาที่ได้ก็จะลดลงไปด้วย" ลู่เสียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง และเริ่มลงมือขุดตามที่พี่สาวทำให้ดู ทั้งคู่ใช้เวลาถึงสองชั่วยามโสมป่าทั้งห้าต้นก็ถูกห่อด้วยใบไม้อยู่ด้านล่างของตะกร้าอย่างดี ด้วยกลัวคนจะสงสัยทั้งคู่จึงเก็บผักป่าวางไว้ด้านบนเพื่อปิดโสมไว้ ก่อนกลับทั้งคู่ได้เร่งออกมาจากป่าชั้นในและหยุดพักเพื่อกินมื้อกลางวันคือหัวมันเผาที่นำมา บริเวณใกล้เขตป่าชั้นกลาง เจียอียังใช้ธนูที่นำมายิงไก่ป่าได้อีกตัว เมื่อเห็นเวลาล่วงเลยมานานแล้วทั้งคู่จึงออกจากป่ามุ่งกลับบ้าน ระหว่างทางไม่มีชาวบ้านเหลืออยู่อีกแล้ว สองพี่น้องจึงโล่งใจที่ไม่ต้องคอยตอบคำถามของชาวบ้านที่ขี้สงสัย เมื่อถึงบ้านก็พบมารดาที่ยืนรอพวกตนอย่างเป็นห่วง ลู่เสียนรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมทั้งชูไก่ที่อยู่ในตะกร้าของตนให้มารดาได้ดู เย็นวันนั้นทั้งเรือนจึงมีกลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ชวนให้น้ำลายไหล แม้จะไม่มีเครื่องปรุงรสแต่ของที่ได้มาเป็นของสดใหม่จึงมีรสหวาน เจียอีที่ทำอาหารเข้าขั้นว่าฝีมือดีก็แสดงให้เห็นว่านางทำอาหารอร่อยเพียงใด นอกจากน้ำแกงไก่ที่ใส่โสมลงไปด้วยทำให้มารดาแล้ว เจียอียังนำเครื่องในไก่มาผัดกับผักป่าที่หามาได้อีกด้วย ในตอนแรกลู่เสียนที่เห็นนางทำไก่พอรู้ว่าจะนำของสกปรกมากินก็คัดค้านเสียงแข็ง "เชื่อข้ากินได้ ต่อไปเจ้าจะไม่ทิ้งของพวกนี้อีก" เมื่อพี่สาวพูดเช่นนี้ลู่เสียนย่อมต้องเชื่อ และเป็นจริงตามที่เจียอีบอก ลู่เสียนที่ได้กินเครื่องในไก่ก็แทบไม่อยากแตะเนื้อไก่อีกเลย เมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย เจียอีก็ส่งสายตาให้ลู่เสียนบอกมารดาเรื่องที่ตนเจอโสมป่า "ท่านแม่ข้ากับท่านพี่ขึ้นเขาพบของดีมาขอรับ" เขาพูดจบก็เดินหายไปยกตะกร้าที่ใส่โสมป่าเดินมาวางบนโต๊ะตรงหน้ามารดา เจียอีช่วยน้องชายนำของด้านในออกมาวางไว้บนโต๊ะ เยว่เลี่ยงที่เห็นหัวโสมก็ตกใจจนอ้าปากค้างยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกมาภายนอก "พวกเจ้าไปได้โสมมาได้อย่างไร แม้แต่พรานซานก็ยังไม่เคยพบหัวใหญ่เช่นนี้มาก่อน" เยว่เลี่ยงหยิบหัวโสมขึ้นมาอย่างเบามือ "อีเออร์เจ้าใส่โสมลงในน้ำแกงไก่ด้วยใช่หรือไม่" นางรีบหันไปถามบุตรสาวเมื่อนึกถึงรสชาติของโสมในน้ำแกง ตอนแรกที่นางไม่ได้เอ่ยถามเป็นเพราะไม่คิดว่าเจียอีจะหาโสมมาได้และใส่ในน้ำแกงให้นางดื่ม นางคิดว่าไก่ป่าบังเอิญไปกินโสมเข้าจึงมีรสชาติของโสมในเนื้อไก่ "ท่านแม่ข้ากับเสียนเออร์เดินเข้าไปในป่าชั้นกลางด้วยความเมตตาของสวรรค์พวกเราจึงได้พบโสมป่าครั้งนี้ " ลู่เสียนมองพี่สาวที่สามารถโกหกมารดาด้วยหน้าไม่เปลี่ยนไม่เลยสักนิดอย่างชื่นชม "ท่านแม่ท่านรู้หรือไม่ว่าโสมราคาเท่าใด หรือข้าควรไปขายที่ร้านยาไหนดี" เจียอีถามขึ้น เพราะพรุ่งนี้นางจะนำโสมเข้าไปขายในเมืองจางเป่ย "แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าราคามากน้อยเพียงใด แต่เจ้านำไปขายที่ร้านยาจินป่ายดู ท่านหมอจินให้ราคายุติธรรมที่สุดแล้ว" นางลูบคล้ำโสมอย่างเบามือ เพราะกลัวว่าถ้าสัมผัสแรงกว่านี้อาจจะทำให้โสมเสียหายได้ เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย เจียอีจึงให้มารดานำโสมสิบปีทั้งสามหัวไปเก็บไว้นางจะใช้เพื่อบำรุงร่างกายของมารดา ส่วนโสมร้อยปีอีกสองหัวนางจะนำไปขายในวันพรุ่งนี้ ลู่เสียนย่อมต้องติดตามนางไปด้วย แต่ที่เรือนไม่มีเงินแม้แต่ทองแดงเดียว ทั้งคู่จึงต้องเดินเท้าเข้าเมืองกัน ทั้งสามคนจึงแยกย้ายกลับเข้าห้องของตนเพื่อไปนอนพัก เพราะต้องออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง สองพี่น้องเมื่อถึงห้องของตนก็หลับไปด้วยความเหนื่อยเพลีย คงมีเพียงแต่เยว่เลี่ยงผู้เป็นมารดาเท่านั้นที่นอนไม่หลับ ยังไม่ทันฟ้าสว่างสองพี่น้องก็ลุกขึ้นมาเตรียมตัว เจียอียังคงเตรียมอาหารไว้ให้มารดาและลู่เสียนก็ต้มยาไว้ให้ด้วย เมื่อเดินไปดูมารดาที่ห้องก็พบว่านางยังหลับอยู่ทั้งคู่จึงค่อยๆออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ แม้จะไร้แสงสว่างแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้เดินทางเพียงลำพัง เพราะมีชาวบ้านที่นำของไปขายในเมืองแต่ไม่อยากเสียค่าเกวียนร่วมเดินทางไปด้วย ตลอดทางจึงมีเสียงพูดคุยเสียงสอบถามสองพี่น้องไปเรื่อย "อีเออร์ เสียนเออร์ เจ้าเข้าเมืองไปทำอันใดหรือ" ป้าซานภรรยานายพรานซานเอ่ยถามขึ้น "ท่านป้าซานข้ากับเสียนเออร์ขึ้นเขาโชคดีเจอสมุนไพรเข้า แต่ไม่รู้ว่าทางร้านยาจะรับซื้อหรือไม่ จึงเข้าเมืองเพื่อให้ร้านยาช่วยดูเจ้าค่ะ" ป้าซานพยักหน้าชื่นชม เพราะทั้งคู่ขยันเป็นเด็กดี ไม่น่ามีท่านย่าอย่างนางหูซื่อเลย "เด็กดี ข้าก็กลัวแต่พวกเจ้าจะเข้าเมืองเสียเที่ยว ไม่เป็นไรลองไปถามเสียก่อนข้าขอให้ร้านยารับซื้อแล้วกัน" จากนั้นทั้งหมดก็เร่งรีบเดินทางเข้าเมืองกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD