ตอนที่19

1384 Words
“ยินดีต้อนรับสู่นรกของเธอ...นานา” ชลธิณาฝืนลืนตาขึ้นมาทันควันในตอนที่ได้ยินประโยคนั้น เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง อาการมึนศีรษะของเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นในยามที่จ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงปลายเท้า เมื่อสายตาที่พร่าเลือนเริ่มคมชัดขึ้น หญิงสาวก็เห็นว่าที่ตรงนั้นมีร่างของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เขาน่าจะสูงราวๆ ร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงนั้นอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทเข้ารูป ส่งให้คนใส่ดูราวกับนายแบบในหน้านิตยสารก็ไม่ปาน ดวงหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย ประกอบด้วยริมฝีปากสีสดบางเฉียบเข้าลักษณะของคนเอาแต่ใจตนเองโดยแท้ ปลายคางยังเห็น ไรหนวดเขียวที่กำลังเริ่มขึ้น จมูกโด่งตรงเป็นสันสวย โหนกแก้มสูง และที่ร้ายกาจที่สุดที่ทำให้เธอนึกอยากหนีไปจากตรงหน้าของเขาก็คือดวงตายาวเรียวคมกริบสีมรกตคู่นั้น …ดวงตาคู่ที่มองเธอแล้วให้ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ วูบวาบอยู่ในอก... …ดวงตาคู่ที่จ้องมองเธอด้วยความชิงชังรังเกียจลึกล้ำ... เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน...ความชิงชังอันรุนแรงที่เธอเพียงสบตาก็สะท้านวาบไปทั้งหัวใจด้วยความหวาดกลัว “คุณ…?” เธอเรียกคนที่ยืนนิ่งตรงหน้าแล้วจ้องมองเขาด้วยความสงสัยที่คับแน่นอก “นี่มันอะไรกัน?” เขาจับเธอมาทำไม มีเหตุผลอะไร เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน กระทั่งเห็นก็ยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ หญิงสาวยังจ้องมองเขานิ่งอยู่อย่างนั้น แม้จะกลัวสายตาของเขาอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ข่มใจเอาไว้ไม่พยายามแสดงออกมากเกินไป และดูเหมือนเธอมีสีหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย “พอเห็นเธอทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรแล้วฉันหงุดหงิดชะมัด” ชายหนุ่มเอ่ยคล้ายกับจะสบถ เขาต้องมองเธอด้วยความเกลียดชังที่ท่วมท้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แสดงว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา...ระยะเวลาที่เขาเฝ้ามองความเป็นความตายของใครสักคน ระยะเวลาที่เขาเฝ้าภาวนาให้น้องสาวของเขารอด ระยะเวลาที่เขาดูแลเพื่อให้แอนนาหายดีดังเดิม แต่…ผู้หญิงคนนี้กลับมีความสุข เธอสนุกสนานกับชีวิตเสียจน ‘กล้าลืม’ ไปได้อย่างไรว่าเธอทำให้ใครบางคน ‘เกือบตาย’ มาก่อน! ยิ่งคิด...ดมิทรีก็ยิ่งเกลียดเธอจับใจมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงหน้าซื่อตาใสตรงหน้าเขาในยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรจาก ‘ฆาตกร’ ในความคิดของเขานักหรอก! “คุณเป็นใคร?!” ชลธิณาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น ยิ่งเห็นสายตาของเขาที่จ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวเขาจับใจ “จับฉันมาทำไม?” แน่ล่ะว่าเธอถามด้วยความอยากรู้ เพราะหากเขาบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกมา เธอยังคงพอมีทางรอด ไม่ใช่ว่าจู่ๆ เขาจะเอาแต่จ้องมองเธอด้วยสายตาดุดันและพร้อมที่จะฆ่าเธอทุกเมื่อแบบนี้ มันทำให้เธอกลัวและกดดันจนแทบจะเสียสติอยู่แล้วในเวลานี้! “จุ๊ๆ” มาเฟียหนุ่มแกล้งจุปากกวนประสาทเธอ “…ฉันเกลียดท่าทางแบบนี้ของเธอจริงๆ” เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของเขาแท้ๆ เชียวล่ะ หญิงสาวนั่งนิ่ง ความกลัวถึงขีดสุดบางทีก็ผลักดันให้คนเราฮึดสู้ขึ้นมาได้ และเธอก็เป็นหนึ่งในกรณีคนจำพวกนั้น หญิงสาวคลายริมฝีปากที่ถูกขบแน่นโดยไม่รู้ตัวออก ชลธิณาดวงตาวาววับจ้องมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีแข็งกร้าว ราวกับจะสู้ขึ้นมาแล้ว “คุณเป็นบ้าอะไร!” เธอแหวลั่น และเมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาวาววับเต็มไปด้วยโทสะเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มเหิมเกริมต่อสู้ หญิงสาวก็ฉวยโอกาสพูดต่อไปก่อนจะถูกความกลัวครอบงำอีกครั้ง “ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจริงๆ ด้วย แล้วถ้ามีคนรู้ว่าฉันหายตัวไป รับรองว่าคุณจะไม่รอดแน่ๆ” หญิงสาวขู่เขา ทั้งๆ ที่เธอก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรหากยังติดแหง็กอยู่ที่นี่ ทว่าคนฟังนอกจากจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้ว เขากลับยังแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “ปากดีจริงๆ นะนานา...” น้ำเสียงของเขาเยียบเย็นเสียจนความกลัวของเธอเริ่มกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวหลุบเปลือกตาลงไม่กล้ามองเพลิงสีมรกตในดวงตาของเขา หากสติก็ทำให้เธอพยายามข่มความกลัวลงเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีสติหาทางรอดในสถานการณ์นี้ “แต่เธอคิดว่าเธอจะรอดเหรอ อีกอย่าง...ระหว่างนี้ไม่มีใครตามหาตัวเธอหรอก...เชื่อฉันสิ” “เอ๊ะ” คำพูดราวกับมั่นใจในตัวเองของเขาทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง เขามั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีใครตามเธอ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยขาดการติดต่อกับชลนรรจ์ข้ามวัน หรือจะติดอะไรชลนรรจ์จะรู้ก่อนเสมอ และเธอมั่นใจได้ว่าชลนรรจ์จะต้องตามหาตัวเธอที่หายไป หรือเขาทำอะไรชลนรรจ์?! หญิงสาวตั้งท่าจะแหวออกไปอย่างตื่นตระหนก แต่คนตรงหน้ากลับเอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียจนเธอเสียวสันหลังวาบ “ในระหว่างนี้...” “…” “เธอก็รับกรรมของเธอที่นี่เถอะ...ฉันจะให้เธอรับรู้รสชาติของความเจ็บปวดจากการไร้ความรับผิดชอบและไร้มนุษยธรรมของเธอ!” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับผวาเฮือก คำพูดที่ฟังก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่คำขู่สักนิดเดียว “นาย!” หญิงสาวจะอ้าปากเถียงเขา หากผู้ชายตรงหน้าเธอกลับร้องเรียกใครอีกคนเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “เบรฟ” คนที่เขาเรียกก็เปิดประตูเข้ามา เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่พอๆ กับคนที่กำลังข่มขู่เธอ หากดวงหน้าดุดันมากกว่าก็เข้ามาในห้องแล้วหยุดยืนข้างดมิทรี “ครับท่าน” “เฝ้าผู้หญิคนนี้ให้ดีๆ อย่าให้เธอหนีไปได้” ดมิทรีสั่งเสียงเย็น ระหว่างนั้นก็ปรายตามองหญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะและเย้ยหยันเมื่อเห็นชลธิณาเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก และก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาอีก ดมิทรีก็เอ่ยด้วยไปพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนเรียวปากบางเฉียบของเขาว่า “อ้อ…สำหรับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของฉัน ดูเหมือนจะพยศน่าดู แกอย่าลืมหาอะไรมา ‘ล่าม’ มันเอาไว้ด้วยล่ะ” คำสั่งนั้นถึงกับทำให้คนที่ถูกหาว่าเป็นสัตว์เลี้ยงตื่นตระหนกขึ้น มาอีกครั้ง เธอหวาดหวั่นและหวาดกลัวกับสิ่งที่เขาจะทำกับเธอจับใจ “นี่!” หญิงสาวร้องประท้วงเสียงดัง “คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณเลย!” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ และเธอก็ฉวยโอกาสที่เขากำลังหันหลังให้ตั้งท่าจะวิ่งหนีลงไปจากเตียงเพื่อหนีไปจากที่นี่ แต่แล้วชายหนุ่มกลับหันขวับมาทางเธอ แล้วจับร่างเธอเหวี่ยงลงไปกับเตียงอีกครั้งจนเธอเจ็บแปลบไปทั้งร่างเพราะแรงกระแทกไม่เบานั้น โครม! เขาจ้องมองเธอด้วยท่าทีกราดเกรี้ยว ดวงหน้าหล่อเหลาถมึงทึงน่ากลัวเสียยิ่งกว่ามัจจุราชเสียอีก และทำให้คนที่กำลังคิดจะหนีตัว สั่นเทากับเตียง ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อยนิดในตอนที่เขาจ้องมองราวกับจะเชือดเฉือนร่างเธอให้เละเป็นชิ้นๆ พร้อมกับถ้อยคำข่มขู่ที่ทำให้ชลธิณาถึงกับน้ำตาไหลพราก “หุบปากแล้วก็ทบทวนความผิดของเธอซะ อย่าให้ฉันโมโห เพราะถ้าฉันโมโหแม้แต่ลมหายใจของเธอฉันก็ไม่อยากให้มันมีอยู่บนโลกใบนี้!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD