ชลนรรจ์ถึงกับต้องหยุดเดินเมื่อเขาสะดุดเท้าตัวเองเพราะร่างกายเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะยอมหยุดเดินแล้วหันมาตั้งใจฟังที่ปลายสายเอ่ยกับเขาด้วยหวังว่าเมื่อครู่นี้เขาจะได้ยินมันผิดไปเท่านั้น
หากเมื่อถามย้ำไปอีกครั้ง เพื่อนสนิทคนเดียวของชลธิณาที่เขาไว้ใจให้เจ้าหล่อนคอยดูแลฝาแฝดของเขา และเคยขอเบอร์แลกเปลี่ยนกันเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับชลธิณาก็โทรมาหาเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดพร้อมกับถามหาผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดของเขา และเมื่อชลนรรจ์ย้อนถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจและแอบภาวนาลึกๆ ให้เขาฟังผิดไปก็ตอบกลับมาให้เขาถึงกับนิ่งงันไปในบัดดลว่า
“ยายบ้านานาน่ะสินัท มันแอบหนีไปเที่ยวคนเดียว! ส่งข้อความมาบอกแล้วก็หายตัวไปเลย”
ประโยคนั้นถึงกับทำให้ชลนรรจ์ขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงกราดเกรี้ยวกึ่งไม่พอใจของเอวิลีนทำให้ชลนรรจ์ถึงกับสมองว่างโล่งเพราะคิดอะไรไม่ออกไปในทันที
“จริงเหรอครับลีน” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เพราะนี่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างที่สุดสำหรับพฤติกรรมหายตัวไปเฉยๆ ของนานา น้องสาวฝาแฝดของเขานี่นะจะเก็บของหนีไปเงียบๆ แล้วบอกแค่ว่าจะไปเที่ยว!
นานาเป็นคนชอบเที่ยวบ้าง แต่มักจะไปกับกลุ่มเพื่อนมากกว่าไปคนเดียวแบบนี้ นานามีนิสัยออกจะรักสงบและขี้กลัวนิดๆ เสียด้วยซ้ำ แล้วมันจะเป็นจริงไปได้อย่างไรที่นานาจะอยากออกไปผจญโลกคนเดียว แล้วที่สำคัญไปที่ไหนก็ไม่รู้...
“จริงสิ” สาวสวยรุ่นพี่แต่ไม่ยอมให้เรียกพี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นี่ลีนเลยลองโทรหานัทก่อน เผื่อยายบ้านี่มันจะไปหานัท” เจ้าหล่อนเอ่ยคล้ายกับจะบ่น และนั่นก็ยิ่งทำให้ชลนรรจ์หนักใจ แสดงว่าที่เดาเอาไว้ว่าชลธิณาอาจจะมาหาเขานี่ก็ไม่เป็นจริงแล้ว สิ่งเดียวที่ขบคิดไม่แตกก็คือเจ้าหล่อนไปไหน...และไปทำไม?
เพราะเขาไม่เชื่อหรอกว่าจะแค่ไปเที่ยวน่ะ!
“ไม่เลยนะ นานาไม่เห็นพูดอะไรเลย” ชลนรรจ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและหนักใจ ซึ่งนั่นพลอยทำให้คนที่เอาแต่โกรธเพราะคิดว่าเพื่อนหนีไปหาฝาแฝดไม่บอกไม่กล่าวถึงกับชะงักและเริ่มร้อนรนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
“เอ๊ะ ยายบ้านานาไปไหนกันนะ” หญิงสาวถึงกับบ่นอย่างหัวเสีย
“งั้นเดี๋ยวผมจะลองติดต่อนานาดูก่อนนะครับ” ชลนรรจ์เอ่ยปลอบหญิงสาว แม้ว่าตัวเองจะไม่อาจเย็นลงได้ก็ตามที “ยังไงฝากลีนช่วยดูแลด้วย พอดีทางนี้ผมดันติดธุระด่วนพอดีเลย” เขาเอ่ยอย่างหนักใจ มันบ้ามากที่จู่ๆ ชลธิณาจะหายตัวไปในตอนที่เขาถูกโปรเฟสเซอร์เรียกพบด่วน! มันเป็นตลกร้ายที่เขาอยากจะอาละวาดและทิ้งทุกอย่างเพื่อไปหานานาแต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ และตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือคิดในแง่ดีว่านานาอาจจะมาหาเขา นานาอาจจะหายไปแค่ไม่กี่วันโดยไม่เกิดอะไรอันตรายกับเจ้าหล่อน และเจ้าหล่อนจะติดต่อมาโดยเร็วที่สุดหลังจากสำนึกได้ว่าทำให้คนอื่นห่วงมากแค่ไหน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลชลนรรจ์ได้แต่ภาวนา
“ได้ค่ะ เดี๋ยวลีนช่วยดูแลให้” หญิงสาวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ คิดว่าหลังจากนี้จะลองโทรเช็คกับบรรดาเพื่อนร่วมคลาสคนอื่นว่ามีใครได้คุยกับชลธิณาก่อนเจ้าหล่อนจะหายตัวไปบ้าง นอกเหนือจากไอ้ข้อความสั้นๆ ที่ส่งมาบอกนี้!
“ครับ” น้ำเสียงของชลนรรจ์แผ่วเบาและเต็มไปด้วยความกังวลจนปลายสายยังจับเค้านั้นได้ แต่ก่อนที่เอวิลีนจะเอ่ยอะไรออกมาอีก ชลนรรจ์ก็เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายเสียงเบาก่อนจะวางสาย “ขอบคุณครับลีน”
‘นานาไปเที่ยวนะ นัทไม่ต้องห่วงนานา
เดี๋ยวนานาจะติดต่อกลับไปเอง พอดีนานาเจอเพื่อนเก่าน่ะ
รักนัทนะ...นานา’
“เรียบร้อย”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้มเหี้ยมออกมา ก่อนชูโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาตรงหน้าแล้วโบกมันไปมาให้ผู้เป็นเจ้าของได้แต่ยื่นมือไขว่คว้าหมายจะแย่งชิงคืนมา หากแต่พลาดเป้าเสียทุกครั้งจนชลธิณาได้แต่หงุดหงิดและเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างเช่นเดียวกัน
“คุณทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร?”
หญิงสาวถามเสียงเย็นชา จากการถูกกักขังและเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้มาสองวันสองคืน หญิงสาวค้นพบแล้วว่าเขาไม่คิดจะฆ่าเธอแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขายังคงกักตัวเธอเอาไว้ที่นี่ไม่ยอมให้ไปไหน อันที่จริงนอกจากเดินวนเวียนในห้องนี้แล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ก้าวขาออกไปจากห้องนอนนี้ได้เลยเสียด้วยซ้ำ! และในคืนแรกนั้นผู้ชายตรงหน้ายังระแวงหนักว่าเธอจะหนีไปได้ถึงขั้นให้ลูกน้องของเขา ‘ล่ามโซ่’ เธอติดกับเตียงเลยทีเดียว!
ซึ่งมัน...บ้ามาก!
แต่นั่นแหละ...จากประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น นั่นทำให้ความกลัวตายของเธอลดลง บางครั้งบางคราวเมื่อผู้ชายตรงหน้าเธอจ้องเธอด้วยสายตาน่ากลัวเธอก็ยังกลัวเขาอยู่ ทว่า…ความกลัวมันก็ลดน้อยถอยลงบ้างทำให้บางครั้งบางคราเธอก็กล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเขาบ้างเพื่อปกป้องตนเอง ถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอจะมีนิสัยยอมคนเพราะความรักสงบ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะหงอให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในกรณีที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุมันก็ไม่ถูกต้อง และชลธิณาก็ไม่อยากแสดงออกว่าเธอหวาดกลัวมากเพียงใดให้ฝ่ายนั้นได้ใจ เพราะเธอมักจะเห็นรอยยิ้มสะใจในทุกคราวที่เขาเห็นว่าเธอหวาดกลัวเขา!
เช้าวันนี้หลังจากที่เธอทุ่มเถียงกับเขาเรื่องที่เขาต้องปล่อยตัวเธอไป และเผลอหลุดปากบอกเขาไปว่าไม่นานจะต้องมีคนมาตามเธอเพราะไม่มีทางที่แผนการของเขาจะสำเร็จ เธอไม่เคยขาดการติดต่อกับเพื่อนฝูง ผู้ชายตรงหน้าก็หายไปไม่กี่นาทีก็กลับมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเธอ และเขาก็ค้นมือถือเธอ ไม่นานก็ส่งข้อความหาชลนรรจ์ด้วยการปลอมเป็นเธอให้หญิงสาวเห็นจะจะตา สร้างความโกรธเกรี้ยวให้เธอเป็นอย่างมาก!
ดมิทรีนอกจากจะไม่ส่งโทรศัพท์หญิงสาวคืนให้เจ้าตัวแล้ว เขายังหย่อนเจ้าสมาร์ทโฟนของหญิงสาวลงไปในกระเป๋ากางเกงของตนเองเสียอย่างนั้น จากนั้นจึงรวบข้อมือเล็กๆ ของคนที่พยายามจะแย่งชืงมันคืนมาเอาไว้ด้วยมือเดียวแล้วตอบโต้เธอกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันปะปนกับความสะใจ
“ฉันอยากให้เธอได้ทบทวนในสิ่งที่เธอทำลงไป”
“ฉันเคยทำอะไรให้คุณ!”
หญิงสาวแหวลั่นอย่างฉุนเฉียว หลายครั้งที่คนตรงหน้าพูดอย่างนี้ หากไม่เคยสักครั้งที่เขาจะบอกว่าเธอทำอะไรให้เขาถึงต้องลงโทษเธอด้วยวิธีนี้!
ชลธิณาเชื่อว่าและมั่นใจในตนเองมากพอว่าเธอไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใคร ผู้ชายบ้าๆ คนนี้ไม่ควรกล่าวหาเธอลอยๆ เข่นนี้!
“เธอนี่มันยังไม่สำนึกอยู่ดีนะนานา”
เขาพูดคล้ายกับจะเบื่อหน่ายที่เธอไม่รู้อะไร แต่ก็มีความชิงชังรังเกียจอยู่ในน้ำเสียงนั้นปะปนอยู่ ขณะที่หญิงสาวได้แต่เงียบ ทว่าจ้องมองเขาไม่มีหลบสายตาด้วยโทสะเช่นเดียวกัน
และเพราะเขาเห็นเธอสู้สายตาเขาเช่นนี้ ผู้ชายตรงหน้าก็เม้ม
ริมฝีปากอย่างขัดเคืองใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายกับจะตะคอกใส่หน้าเธอว่า
“งั้นเราก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้...จนกว่าเธอจะจำได้ว่าเธอทำสารเลวอะไรเอาไว้! นานา!”