ตอนที่ 10

932 Words
ร่างบางสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเพราะเธอฝังใจกับการที่ถูกบุหงาและครองขวัญขังไว้ในห้องเก็บของตอนเด็กๆ ในขณะที่ฝนตกหนักและมืดจนมองไม่เห็นอะไรทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงข้างๆ ห้องเก็บของทำให้เธอกรีดร้องและร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัวจนกระทั่งเช้าที่ผู้เป็นลุงกลับจากทำงานมาเจอเธอในสภาพไข้ขึ้นสูง และครั้งนั้นทำให้ผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง และแน่นอนว่าบุหงาไม่ยอมรับผิดและแก้ตัวว่าเป็นการลงโทษที่เธอไม่เชื่อฟัง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเพราะเป็นไข้ แม้อาการทางกายจะรักษาให้หายได้แต่มันก็ทิ้งรอยแผลไว้ในใจทำให้เธอกลายเป็นคนกลัวฟ้าผ่าอย่างมากมาจนทุกวันนี้ คีตภัทรตกใจกับอาการของคนข้างๆ ที่ตัวสั่นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น “หนูอิม หนูอิมเป็นอะไรครับ” คีตภัทรดึงร่างบอบบางมากอดเอาไว้แนบอกพร้อมทั้งปลอบประโลม “หนูอิมกลัว หนูอิมกลัว” อมิตาบอกทั้งสะอื้น “ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่นี่” คีตภัทรปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมทั้งลูบแผ่นหลังเธอเบาๆ เหมือนทำกับเด็กน้อย “หนูอิมกลัว ป้าบุหงาอย่าขังหนูอิม” ความกลัวที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกทำให้อมิตาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “หนูอิมว่าไงนะครับ” คีตภัทรถามซ้ำเพราะได้ยินไม่ชัดเนื่องจากหญิงสาวพูดปนเสียงสะอื้น เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ที่คีตภัทรกอดปลอบคนที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ จนกระทั่งหญิงสาวสงบลงและเหมือนจะได้สติจึงพยายามผละออกจากอ้อมกอดของเจ้านายหนุ่มแต่เขาไม่ยอม คีตภัทรใช้นิ้วเรียวกรีดน้ำตาออกจากแก้มเนียมและหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวจนแห้งสนิท “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูอิม ทำไมคุณต้องกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดนี้” “ไม่มีอะไรค่ะ” อมิตาหลบสายตาคาดคั้นที่มองมาแต่คีตภัทรกลับเชยคางมนขึ้นให้มองสบตาเขา “อย่าโกหกผมหนูอิม บอกผมมาว่าใครทำอะไรคุณ ทำไมคุณถึงกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดนี้” “หนูอิม หนูอิม” “บอกผมคนดีว่าใครทำอะไรคุณ” เมื่อนึกถึงอดีตอันเลวร้ายน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง “ป้าบุหงาค่ะ ป้าสะใภ้ของหนูอิม ตอนเด็กๆ เขาขังหนูอิมไว้ในห้องเก็บของมืดๆ ตอนฝนตกหนักแล้วฟ้ามันก็ผ่าลงมาที่ข้างๆ ห้องเก็บของหนูอิมกลัวมากร้องให้เขาเปิดแต่เขาก็ไม่ยอมเปิดจนกระทั่งตอนเช้าที่คุณลุงมาเจอ” อมิตาเล่าด้วยน้ำเสียงสะอื้น คีตภัทรกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่เคยรู้สึกโกรธใครเท่านี้มาก่อน เขาอยากจะฆ่าผู้หญิงใจร้ายคนนั้นให้ตายคามือเสียจริงๆ “มันผ่านไปแล้วนะครับหนูอิม ไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำแบบนั้นกับหนูอิมได้อีก” เพราะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติอมิตาจึงไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไรกับตัวเองบ้าง เธอรู้แต่ว่าอ้อมกอดของเขาช่างอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นจนเธออยากอยู่แบบนี้ตลอดไป แต่เมื่อคิดถึงความจริงเธอก็รู้ว่ามันเป็นได้แค่ฝันคิดได้ดังนั้นเธอจึงพยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของคีตภัทรแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ง่วงใช่ไหม นอนซะเด็กดี ถึงบ้านแล้วผมจะปลุก” คีตภัทรใช้สองแขนโอบร่างบอบบางไว้แนบอกโดยที่อมิตาไร้เรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธเพราะหัวใจของเธอมันสั่งให้คว้าโอกาสนี้ไว้เพราะหลังจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว หลังจากคืนนี้ไปเธอต้องกลับไปสู่โลกแห่งความจริงที่เขาเป็นเจ้านายและเธอคือลูกน้อง แต่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรเธอก็จะปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพรุ่งนี้ แต่วันนี้เธอขอตักตวงความสุขความอบอุ่นในอ้อมกอดนี้ไว้เพื่อเป็นกำลังใจในการเผชิญโลกแห่งความจริงอันแสนโหดร้ายต่อไป อมิตาซุกหน้าลงกับอกของคีตภัทรและหลับไปอย่างง่ายดาย คีตภัทรก้มมองคนที่หลับสนิทในอ้อมกอดแล้วอดใจไม่ไหวอีกต่อไปเขาก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากเนียนดั่งต้องการอวยพรให้เจ้าหญิงตัวน้อยหลับฝันดี หลับอย่างปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ว่าที่ผ่านมาอมิตาจะต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้างนั่นมันเป็นอดีต แต่นับจากนี้ต่อไปเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีก สายฝนข้างนอกยังคงเทกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่ภายในรถอมิตากลับนอนหลับอย่างแสนอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีที่สาวๆ ใฝ่ฝัน คีตภัทรมองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์ที่สายฝนยังคงตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากให้สัญญาณไฟตรงหน้าเป็นสีแดงอยู่อย่างนั้นไปนานๆ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เพื่อที่จะได้โอบกอดนางฟ้าตัวน้อยให้หลับอย่างเป็นสุขอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่มีภยันตรายใดๆ มาแผ้วพานได้ “นางฟ้าของผม” คีตภัทรกระซิบเบาๆ ริมใบหูของคนที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD