ห้องประชุมเวลาต่อมา
“ปอร์เช่มานั่งตรงนี้สิ ”
พี่พิพิมเรียกผมไปนั่งข้างๆอันนา ผมก็นั่งลงอย่างไม่เต็มใจ ผมไม่อยากมองหน้าเธอด้วยซ้ำ
สวยซะเปล่า ทำตัวไม่มีค่า
“สวัสดีทุกคนนะคะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ เกี่ยวกับโปรเจ็คต์ใหม่ ซึ่งจะเริ่มในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ซึ่งก็ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่อีกโปรเจ็ก ที่เราประมูลมาได้ ดิฉันขอชื่นชมและให้กำลังใจทุกฝ่าย ที่ทำงานดีมากๆอยู่แล้ว และดิฉันก็หวังอย่างยิ่งว่าจะดีขึ้นไปอีก ”
พี่พิพิมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงพี่สาวผมจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็เก่งมากๆ จนคุณพ่อไว้ใจให้ดูแลงานเล็กงานใหญ่
“และวันนี้ดิฉันก็มีสองบุคคลมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก คนแรกคือคุณวินท์วาโย หรือคุณปอร์เช่น้องชายดิฉันเอง หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี ปอร์เช่เรียนวิศวะตรงสายงาน ช่วงนี้ก็จะเข้ามาช่วยงานที่บริษัทฝากทุกคนด้วย”
ผมลุกขึ้นยืนและก้มหัวเล็กน้อย
แปะ~แปะ~แปะ~
พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับจากหัวหน้าฝ่าย
“และอีกคนเป็นนักเรียนทุนของบริษัทเรา คุณอันนา จบป.โทการจัดการโครงการก่อสร้าง
จากประเทศญี่ปุ่น เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และยังมีประสบการณ์การทำงานที่เป็นที่ยอมรับถึง5เดือน ขอฝากทุกคนอำนวยสะดวกในการทำงานของคุณอันนา และขอเสียงปรบมือต้อนรับด้วยค่ะ ”
พี่สาวผมอวยอันนาสุดๆ
“สวัสดีทุกคนนะคะ อันนายินดีที่ได้ร่วมงาน และก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
อันนาลุกขึ้นยืน พร้อมยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง พวกผู้ชายมองกันตาลุกวาว คงอยากฝากเนื้อฝากตัวมากมั้ง ทั้งห้องประชุมต่างก็ปรบมือต้อนรับกันยกใหญ่ และก็ชมเธออย่างโน้นอย่างนี้
“ทั้งสวยทั้งเก่งนะครับ คุณอันนา”
“ขอบคุณค่ะ อันนายังใหม่ ขอทุกคนชี้แนะด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ ”
และก็อีกหลายๆคำชม ที่ทำเอาเธอยิ้มหน้าบาน
เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด มีแฟนแล้วยังเล่นหูเล่นตากับผู้ชายอีก
หลังจบการประชุม
“เดี๋ยวปอร์เช่กับอันนา ทำงานในห้องรวมกับฉันไปก่อนนะ ฉันจะได้ช่วยดูงานด้วย ส่วนนาย ก็จะได้เรียนรู้งานจากพี่แล้วก็จากอันนาด้วย ”
“อะไรกันครับพี่ นี่ผมเป็นเจ้าของบริษัท ทำไมยังจะต้องเรียนรู้งานจากพนักงานด้วย ”
ผมพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ให้ผมเรียนรู้งานจากเธอนะเหรอ ผมเสียฟอร์มแย่ดิ
“พูดให้มันดีๆหน่อย นี่เพื่อนพี่นะ และอีกอย่างอันนาก็เก่ง นายควรหาประสบการณ์เยอะๆ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วสิ อีกหน่อยก็ได้เป็นผู้บริหารแล้ว อย่าใจแคบนักเลย ”
“นี่พี่ด่าผมเหรอ “
ผมพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อหู พี่พิพิมพี่สาวแสนดีของผม ด่าผมต่อหน้ายัยนี่ น่าโมโหที่สุด
“พี่ไม่ได้ด่า พี่แค่ชี้แจงการทำงาน อันนาเก่งมากเลยนะ ตอนเรียนป.ตรีที่ไทย ผลงานก็โดดเด่น มีผลงานตั้งหลายอย่าง และได้เกียรติติบัตรตั้งหลายใบ พี่เห็นว่าอันนามีความสามารถ เลยปรึกษาคุณพ่อ ให้ทุนอันนาไปเรียน และกลับมาพัฒนาบริษัทเรายังไงละ ”
ก็แค่ประสบการณ์ห้าเดือนปะ จะอวยอะไรขนาดนั้น ผมมองหน้าอันนาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเห็นว่ายัยนี่ยักคิ้วให้ผม หยามกันเกินไปแล้วอันนา
“เอาละๆ เริ่มงานกันดีกว่า งานใหญ่รออยู่ ”
ให้ทำงานร่วมกับยัยนี่ ผมไม่เต็มใจซักนิด
-อันนา-
ฉันละสะใจนายปอร์เช่หน้านิ่งชะมัด เอาซี้ ให้เขารู้ไปเลยว่าเขาหนะมันอ่อนด้อยประสบการณ์
ทั้งเรื่องงานและเรื่องบนเตียง ที่ฉันประมวลผลดูแล้ว เด็กนี่น่าจะพึ่งเคย ต่อให้เด็ดแค่ไหนก็เถอะ
ฉันเองก็พอดูดออก ต่อให้พยายามดูเหมือนมีประสบการณ์ก็ตาม
“นี่คือแผนงาน เอาไปศึกษาก่อน ”
พิพิมแจกเอกสารให้ฉันกับปอร์เช่คนละ1ชุด และยังจัดโต๊ะให้นั่งข้างกันอีก ขี้เก๊กนักใช่มั้ย เดี๋ยวฉันจะแกล้งให้เข็ด เรานั่งดูแผนงานกันไปเงียบๆ
“เดี๋ยวนั่งดูงานกันไปก่อนนะ ฉันมีคุยกับลูกค้า ”
ผ่านไปพักใหญ่ๆ พิพิมก็ต้องไปพบลูกค้า
ปัง~
พอประตูปิดลง ฉันก็หันไปมองเด็กขี้เก๊กมาดนิ่ง
แล้วพูดขึ้นลอยๆ
“นายทำเหมือนจำฉันไม่ได้ ”
“ไม่มีอะไรให้น่าจำ ”
ปอร์เช่ตอบเสียงเรียบ นี่พูดแบบนี้เลยเหรอ ได้…
“ไม่มีอะไรให้น่าจำ หรือนายอาย ที่ฉันเป็นคนฉกครั้งแรกของนายไป นายนี่มันด้อยประสบการณ์ไปซะทุกอย่างจริงๆ ”
พอฉันพูดแบบนั้น ปอร์เช่ก็หันขวับมามองหน้า
แล้วพูดผ่านไรฟันอย่างไม่พอใจ
“หุบปากของคุณซะ อย่ามาพูดพล่อยๆ ผู้หญิงอย่างคุณน่ะหรอ ที่จะได้ครั้งแรกของผมไป
ไม่มีทาง ”
ดูคำพูดคำจาหมอนี่สิ ใช้ได้ที่ไหนกัน
“แล้วผู้หญิงอย่างฉันมันทำไม พูดให้มันดีๆนะ ”
ฉันไม่ดีตรงไหน แค่ถูกแฟนที่คบกันมาห้าปีนอกใจ แล้วคิดจะเอาคืนบ้าง มันดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ
“ต้องให้พูดด้วยเหรอ ว่าแอบนอกใจแฟนมาเอากับคนอื่น พูดมาได้ไม่อายปาก ”
หน๊อย!! ได้ยินมานิดเดียว ส่วนที่เหลือคิดเองเออเองทั้งหมด
“ ถ้านายรู้ไม่จริงก็อย่าพูด ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายกล่าวหาก็แล้วกัน ”
ฉันพูดขึ้นด้วยความโมโห
“หึ~”
แต่นายนี่กลับยกยิ้มมุมปากเหมือนไม่เชื่อ
“ นายขำอะไร ”
“ ขำคนบอกไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา แต่ความจริงคือมีแฟนอยู่แล้ว แบบนี้ไม่นอกใจเลยมั้ง
ทีหลังอยากจะปีนต้นงิ้ว ก็ปีนไปคนเดียวเลย
ไม่ต้องมาชวนคนอื่นปีนไปด้วย ”
ฉันกัดฟันแน่น ไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ ปากนายมันเสียยิ่งกว่าข้าวบูดสะอีก ถ้ารู้ว่านายเป็นแบบนี้คืนนั้น ”
“ คืนนั้นทำไม คืนนั้นร้องใหญ่เลยดิ ”
“นี่นาย /ทำไม หรือจะปฏิเสธว่าไม่ได้ร้อง”
ฉันแทบปรี้ดแตก ฉันเถียงไม่ชนะผู้ชายเหรอเนี่ย
“ฮึ้ย!! งั้นก็ลืมมันไปซะ แล้วก็ห้ามพี่สาวนายรู้ด้วย”
“ นั่นมันแน่อยู่แล้ว ผมไม่พูดถึงให้อัปมงคลปากหรอก ”
“ นี่ฉันเป็นพี่นายนะ อายุห่างกันตั้งสามปี
นายควรให้เกียรติฉันบ้างสิ ”
“ ไม่จำเป็น เพราะผมมีพี่แค่คนเดียว คุณก็แค่พนักงานในบริษัทผม ”
ฉันได้แต่กำหมัดแน่น นายนี่ปากดีเอาเรื่อง
หลังจากทะเลาะกันไปยกใหญ่ เราต่างคนก็ต่างเงียบไม่พูดอะไรกันอีก ฉันควรหันมาโฟกัสงาน
มากกว่าผู้ชายที่มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว แล้วยังมาปากเสียใส่ฉันอีก
แอ้ด~
“ โทษทีนะ คุยกับลูกค้านานไปหน่อย เที่ยงพอดีเลยเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“ อยากไปก็ไปเลยนะ ผมไม่ไปด้วย”
ปอร์เช่รีบออกตัว แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับนายนี่หรอก โคตรเสียสุขภาพจิต
“ ไม่ไปได้ไง นายต้องไปขับรถให้พี่นะ นะๆน้องรัก ”
-ปอร์เช่-
แบบนี้ตลอด อยากได้อะไรก็อ้อนเอาเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ผมคงตามใจพี่สาวผมมากไปล่ะมั้ง
“เฮ้อ!!”
ผมถอนหายใจอย่างจำยอม
“เย้!!! ขอบใจนะ นายน่ารักกับพี่ตลอดเลย
เดี๋ยวสิ้นปีนี้ พี่ขอโบนัสคุณพ่อให้ ”
ถึงไม่ขอ พ่อก็ให้ทุกปีอยู่แล้วป่ะ