ฉันนั่งก้มหน้าคุยแชทกับเพื่อนรอ มันเป็นงานเร่งด่วน เลยไม่มีเวลาไปเจอเพื่อนสมัยเรียนด้วยซ้ำ เลยคุยกันว่าถ้าอะไรลงตัว เราค่อยนัดเจอกัน
“ใช่คุณอันนารึเปล่า ”
“ใช่ค่ะ ”
ฉันตอบรับทันที พร้อมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
“ขะ..คุณ…”
ฉันแทบลืมหายใจ เมื่อคนตรงหน้าคือคนที่ฉันเร่าร้อนด้วยเมื่อคืน แต่เขากลับนิ่งมาก ทว่าจะจำฉันไม่ได้ก็ไม่น่าใช่นะ เมื่อคืนเราไม่ได้ปิดไฟ
“คุณเป็นน้องชายพิพิมเหรอคะ ”
พอเห็นเขานิ่งเกินความจำเป็น ฉันเลยถามเรื่องอื่นเนียนๆไปก่อน
“ไม่ใช่มั้ง ก็เห็นอยู่ว่ารู้จักชื่อ ”
ดูไอ้บ้านี่ตอบเข้า กวนประสาทชิบหาย
“ตามผมมา จะพาไปลงทะเบียน ”
แล้วเขาก็เดินไป
“ไม่คิดจะมีน้ำใจช่วยลากกระเป๋าเลยรึไง ขี้เก๊กที่สุดเลย”
ฉันลากกระเป๋าตามไปอย่างทุลักทุเล จนมาถึงออฟฟิตนิติคอนโด
“เอาบัตรประชาชนมาสิ ”
จิ!!นายนี่พูดดีๆไม่เป็นรึไง แล้วจะตึงอะไรนักหนา ฉันหาบัตรประชาชนในกระเป๋า ก่อนส่งให้อย่างเคอะเขินนิดหน่อย นายนี่จะมองว่าฉันแก่รึเปล่านะ ปีนี้ฉันอายุ25แล้วอ่ะ เท่ากับพิพิมพี่สาวเขาเลย ตายๆ ชีวิตนี้ชาตินี้ ฉันไม่เคยคิดว่าต้องมามีอะไรกับเด็ก แค่เด็กอย่างเดียวไม่พอ เขายังเป็นน้องชายเพื่อนอีก ไม่ได้ๆ ฉันต้องทำอะไรซักอย่าง จะให้เพื่อนรู้ไม่ได้
“จะยืนตรงนี้อีกนานมั้ย จะขึ้นห้องรึเปล่า ”
คำพูดคำจาช่างไม่น่ารักเอาซะเลย
“ก็ไปสิ พูดดีๆหน่อยไม่ได้รึไง ฉันอายุเยอะกว่านายนะ ”
ฉันพูดลอยๆ พร้อมแหงนหน้ามองดินฟ้าอากาศ
แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ อืม..เหมือนคุยคนเดียวเลยฉัน เขาเดินนำหน้าเข้าลิฟต์ไป และยืนนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ฉันได้แต่ถอนหายใจ ก่อนลากกระเป๋าตามไป
ฉันจะต้องอยู่ร่วมกับคนแบบนี้จริงเหรอเนี่ย
ติ้ง!!
ประตูลิฟต์เปิดออกชั้นที่39 ฉันมองดูบรรยากาศรอบๆ มันเงียบมาก เงียบจนน่าขนลุก
“เอ๊ะ!!ชั้นนี้มีแค่สองห้องเหรอ ”
ฉันถามขึ้นอย่างแปลกใจ ทั้งชั้นมีแค่2ห้อง ที่อยู่กันแค่คนละผั่ง
“แล้วอยากให้มันมีกี่ห้องละ ถ้าอยากให้มันมีหลายห้องก็ไปเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ ห้องคุณอยู่ฝั่งโน้น ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นห้ามรบกวนผม ผมไม่ชอบความวุ่นวาย ”
เขาเหลือบมองหน้าฉันเพียงเสี้ยว ก่อนยื่นคีย์การ์ดมาให้
“ขอบใจนะ ”
แล้วเขาก็เดินหายเข้าห้องฝั่งตรงข้ามไป
ปัง~
“เฮ้!!นี่ฉันพูดกับนายอยู่นะ ไอ้คนนิสัยไม่ดี แค่พูดดีๆมันจะตายรึไง ไม้สิ แค่พูดแล้วมันจะตายรึไง ”
ฉันได้แต่บ่นพึมพำ พร้อมกำหมัดแน่น มองตามประตูที่พึ่งปิดลงไป คนเรามันจะซวยอะไรขนาดนี้ กลับมาไทยก็รู้ว่าแฟนตัวเองนอกใจ ไม่พอดันมาพักคอนโดเดียวกับคนที่พึ่งวันไนท์ไปเมื่อคืน โชคร้ายไปกว่านั้นก็คือ คนที่วันไนท์คือน้องชายเพื่อน และยังอายุน้อยกว่าอีก
“ฮือ…ซวยอะไรแบบนี้ว้าอันนา ”
ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใจหดหู่ ช่างเป็นการเริ่มต้นที่ไม่สดใสเอาซะเลย
-ปอร์เช่-
ผมกลับเข้ามาในห้องหวังจะนอนต่อ แต่มันคงไม่น่าหลับแล้วละ ภาพใบหน้ายัยนั่นลอยเต็มหน้าผมเลย นี่ถ้าเธอรู้ว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของผม แล้วไปเล่าให้ใครต่อใครฟัง ผมจะอับอายขนาดไหนกัน
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจยาว คนเรามันจะซวยอะไรได้ขนาดนี้ แล้วผมจะเอาหน้าไหนไปสู้หน้าเธอ พึ่งมีอะไรกันหมาดๆ ยัยนั่นยังชวนผมคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงทำจนเป็นเรื่องปกติแล้วสินะ
-อันนา-
“เอาวะ มันคงไม่มีใครโชคร้ายไปตลอดชีวิตหรอก ”
ฉันปลอบใจตัวเอง ก่อนรีบจัดของเข้าชั้น จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ห้องพิพิมกว้างขวางมาก ภายในห้องหรูหรานี่มีห้องนอนถึงสามห้องด้วยกัน ห้องนอนใหญ่สุดเป็นของพิพิม ส่วนอีกสองห้องที่เหลือ เพื่อนบอกว่าเลือกได้เลย ว่าอยากพักห้องไหน
ครืด~ครืด~
ในระหว่างที่ฉันกำลังวุ่นกับการจัดของ เสียงมือถือก็ดังขึ้น คนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน พิพิมนั่นเอง
“ฮัลโหล ”
{เป็นไงบ้างอันนา น้องชายฉันพาขึ้นห้องรึยัง }
“อื้ม..ตอนนี้กำลังจัดของเลย ขอบใจแกนะ ที่พักนี้ดีมากเลย ”
{ไม่เป็นไร แกเป็นคนสำคัญของบริษัทเรานะ ฉันอยากให้แกอยู่ในที่ดีๆ อีกอย่างฉันไม่ค่อยได้กลับไปนอน นานๆทีถึงจะแวะไปบ้าง เวลาคิดถึงน้องชายหนะ }
“อืม…ว่าแต่…นองชายแกอายุเท่าไหร่เหรอ ”
{ปอร์เช่22นะ เรียรวิศวะปี4}
“ชิบหายละ”
{แกว่าอะไรนะอันนา เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด }
“อ้อปะ เปล่าหรอกไม่มีอะไร ”
นี่ฉันมีอะไรกับรุ่นน้องที่มีอายุห่างกันถึงสามปี และนายนั่นก็ยังเรียนไม่จบอีก บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้
{อันนา พรุ่งนี้แกเข้าบริษัทพร้อมปอร์เช่เลยนะ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ปอร์เช่จะเข้ามาช่วยงานที่บริษัท }
“อะ..อ้อ ได้สิ ”
{โอเค แกพักผ่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน}
“โอเคพรุ่งนี้เจอกัน ”
หลังวางสายเพื่อน ฉันก็ทิ้งตัวลงที่นอนอย่างสิ้นหวัง เขาต้องเข้ามาช่วยงานที่บริษัทเหรอ
“ฮือ…”
ฉันต้องเจอนายหน้านิ่งนี่ไปอีกนานแค่ไหน ต่อไปถ้านายนี่เรียนจบ ก็จะต้องมาเป็นเจ้านายฉันอีกอะ
เช้าวันต่อมา
“ว้าย!!สายแล้ว ”
ฉันแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ป่านนี้นายนั่นจะรอรึเปล่า วันแรกมันเป็นอะไรที่ฉุกละหุกมากเลย
ก๊อกๆๆ
พอได้ยินเสียงเคาะประตู ก็เป็นจังหวะที่ฉันกำลังแต่งตัวเสร็จพอดี ฉันสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า แล้วรีบเดินไปเปิดประตู
แอ้ด~
พอประตูเปิดออก ฉันก็เห็นปอร์เช่ยืนหน้านิ่ง มือนึงล้วงกระเป๋า ส่วนอีกมือถือสัมภาระ
ใส่ชุดสูทซะด้วย แบบนี้ดูภูมิฐานตั้งเยอะ
“ทีหลังถ้าจะติดรถไปกับคนอื่น ก็หัดรักรักษาเวลาด้วย โตซะเปล่า ”
เขาพูดพร้อมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ฉันถึงกับอ้าปากหวอ นี่เขาคงไม่ได้หมายถึงว่าฉันแก่หรอกนะ
“ฉันแค่ไม่ชินกับสถานที่ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เช้าก็เลยตื่นสาย ”
ฉันอธิบายแบบตึงๆ
“เปลี่ยนที่นอนบ่อยละสิ ”
ฉันแทบปรี๊ดแตก นายนี่มันปากเสียใช้ได้
“นายช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยได้มั้ย /ไปได้แล้ว พล่ามอะไร ”
ฉันกำหมัดแน่น อยากกรี๊ดออกมาดังๆ มองตามแผ่นหลังกว้างแล้วอยากวิ่งตามไปทุบ แต่ก็ทำได้แค่คิด
บนรถต่างคนก็ต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไร จนมาถึงบริษัท
“อันนา/พิพิม ”
เราสองคนทักทายกันด้วยความดีใจ 2ปีกว่าที่ฉันไม่เจอเพื่อนเลย
“หือ…ไม่เจอตั้งนาน แกสวยขึ้นป่ะเนี่ย เมื่อวานบอกจะไปเซอร์ไพรส์แฟน เป็นไงบ้าง พี่ราเมศคงนอนกอดทั้งวันทั้งคืนเลยสิ ”
เพื่อนฉันเอ่ยแซวอย่างตื่นเต้น ฉันถึงกับหน้าเจื่อน จุกจนพูดไม่ออก หันกลับไปมองคนข้างหลัง ปอร์เช่เอาแต่ยืนนิ่งไม่มองฉันด้วยซ้ำ
“เอ่อ..เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ”
ฉันไม่อยากพูดถึงมันเลย ภาพสองคนเร่าร้อนบนเตียงยังติดตาฉันอยู่ ไม่ยอมลบซักที
“โอเค เราคุยเรื่องงานกัน ”
-ปอร์เช่-
ผมนี่แทบหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อได้ยินว่ายัยนี่มีแฟนแล้ว นี่ผมทำเรื่องผิดศีลธรรมกับแฟนชาวบ้านเหรอว่ะ แม่งนอกใจแฟนตัวเองเธอทำได้ไง
สวยซะเปล่า
“ปอร์เช่ มาสิ ใกล้ได้เวลาประชุมบอร์ดบริหารแล้ว วันนี้จะแนะนำนายกับอันนาให้ทุกฝ่ายรู้จัก
มันจะได้ง่ายกับการทำงาน ”
พอพี่พิพิมเรียก ผมก็เดินตามไปเงียบๆ แต่ในใจกลับว้าวุ่น เพียงเพราะพึ่งรู้ตัวว่าผมมีอะไรกับแฟนชาวบ้าน ซวยจริงๆ