@1 สัปดาห์ต่อมา
"ขอบคุณนะคะที่ให้ติดรถมาด้วย
"อืม..ไม่ได้เต็มใจ แค่เห็นว่าทางผ่าน
"ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ขวัญไปนะคะพี่ธัน สวัสดีค่ะ : พาขวัญยิ้มหวานก่อนจะรีบก้าวขาลงจากรถยนต์คันหรูที่เจ้าของรถดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจที่เธอนั่งรถมาด้วย หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอกับเขาแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ทั้งที่คนเป็นพี่นอนพักที่บ้านแทบจะทุกวัน..เป็นเขาที่ทำเมินเฉย ทำอย่างกับไม่อยากเสวนากับเธอ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกัน ไม่แม้แต่จะพูดคุยกับเธอด้วยซ้ำ
"หึ..!...ทางผ่านอะไรก่อน ผ่านตรงไหน ผ่านยังไง นี่มันอ้อมเป็นสิบๆกิโล : ธันวากรอกสายตาไปมาเมื่อได้ยินเพื่อนรักคุยกับน้องสาวคนที่เขาแอบปลื้ม ทั้งที่ตัวเองมีพรีเซ่นโปรเจคเป็นการสอบนอกรอบ อาจารย์เลยนัดมาสอบในวันหยุด จวนจะได้เวลานัดแล้วแท้ๆ แทนที่มันจะรีบบึ่งรถเข้ามาในคณะแต่คนหน้านิ่งกลับจอดรถให้ธันวาสอบถามคนเป็นน้องพร้อมกับยอมขับรถมาส่งพาขวัญที่นัดทำรายงานกับเพื่อนที่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง เห็นคนเป็นน้องยืนรอรถแท็กซี่อยู่นาน เห็นแบบนั้นเลยเข้าไปไถ่ถามตามมารยาท...ไม่ได้ตั้งใจจะอาสามาส่งเลยจริงๆ
“ไม่เสือกสักเรื่องจะได้ไหม?”
สิงหาหันมาพูดกับธันวาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจที่พยายามกดไว้ ดวงตาคมยังคงเย็นชาไร้แววอารมณ์ เขาไม่แม้แต่จะมองตรง ๆ ไปที่เพื่อนสนิทด้วยซ้ำ เพียงแค่ปรายตามานิดเดียว ก่อนจะเบนสายตาเข้าไปในล็อบบี้ของคอนโดที่อยู่ตรงหน้า
แผ่นหลังเล็ก ๆ ที่เขาจำได้ขึ้นใจ เจ้าของเคสแมวเหมียวสีชมพู วิ่งหายเข้าไปในลิฟต์พอดี เพียงแค่วินาทีที่เห็นเธอปลอดภัยเข้าไปด้านใน สิงหาก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง เงียบ เย็นชา และตัดขาด เขาหันกลับไปจับพวงมาลัยแล้วเหยียบคันเร่งเบา ๆ ก่อนจะพารถเคลื่อนตัวออกจากลานจอด สายตาไม่เคยหันกลับไปมองอีกเลย
“ไปสายขนาดนี้ มึงโดนอาจารย์บ่นยับแน่” ธันวาบ่นขึ้นมาอีก พร้อมกับเอนตัวพิงเบาะเหมือนคนเหนื่อยใจ น้ำเสียงติดจะหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบแล้วทำตามใจตัวเองตลอด
“ก่อนที่อาจารย์จะบ่น มึงเลิกบ่นก่อนดีไหม...รำคาญ” สิงหาตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด แววตายังจับจ้องถนนเบื้องหน้า นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจความงอนง้อของเพื่อนข้าง ๆ
“เออ...ใช่สิ...กูมันไม่มีความหมายแล้วนิ...” ธันวากอดอกแน่น แกล้งถอนหายใจเสียงดัง แล้วเมินหน้าไปทางกระจก ทำตัวเหมือนเด็กน้อยที่กำลังประชดประชัน หวังจะให้เพื่อนหันมาสนใจ
“ปัญญาอ่อน...” เสียงสบถสั้น ๆ ของสิงหาดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศในรถที่เย็นเยียบ
“โธ่...มึงไม่คิดจะง้อกูหน่อยเหรอ...” ธันวาหันมามองหน้าเพื่อนทั้งที่ยังทำท่างอน ๆ อยู่ แววตาระคนระหว่างหยอกล้อและจริงจัง
“ง้อมึงเพื่อ?” สิงหาพูดกลับทันควัน คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ว่าเพื่อนจะเล่นใหญ่ไปถึงไหน
“รำลึกถึงบุญคุณกูบ้าง...กูเพื่อนยากมึงเลยนะไอ้สิง...” ธันวาทำเสียงอ้อนแบบขำ ๆ ทั้งที่จริงในใจลึก ๆ ก็หวังให้เพื่อนรู้ว่า
ถึงจะขี้บ่นไปหน่อย แต่เขาก็ห่วงมันจริง ๆ
“ให้กูบวชให้เลยไหม...มึงจะได้ไปสบายสักที...” คำพูดของสิงหาดูเหมือนจะเฉียบคมและจิกกัด แต่สีหน้ากลับนิ่งเหมือนเดิม
จนไม่รู้ว่าเขาจริงจังหรือแค่พูดประชดกันแน่
“ไอ้เชี้ย...กูอยู่แบบนี้ก็สบายดีแล้ว ไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนั้นก็ได้เพื่อน...” ธันวาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“แค่นี้กูก็ซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้ว...”
“หึ...เพราะมึงขี้บ่นแบบนี้ไง ถึงได้ไม่มีแฟนกับเขาสักที” สิงหาหลุดยิ้มมุมปาก เล็กน้อย เป็นยิ้มจาง ๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
“แหมมมมม...ทำอย่างกับมึงมีงั้นแหละ...” ธันวาลากเสียงยาว แสร้งประชด ก่อนจะเบะปาก
“มึงกับกูก็ไม่เห็นจะแตกต่างกันเท่าไหร่...”
“หึ...”
สิงหาหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้า สีหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลับดูผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย เหมือนกับว่า...แม้จะไม่ยอมพูดตรง ๆ แต่การได้อยู่กับเพื่อนแบบนี้ ก็ทำให้เขาหลุดออกจากความเงียบในใจได้ทีละนิด แม้จะไม่รู้ว่ามันจะพาไปถึง ‘การเปิดใจ’ หรือไม่...แต่ก็ยังดีกว่าการจมอยู่กับอดีตทุกวันเหมือนก่อน ช่วงเวลาของการพรีเซนต์ผ่านไปด้วยดี แม้จะไม่ได้เตรียมตัวเต็มร้อย แต่สิงหาก็ยังคงรับมือกับทุกคำถามได้อย่างสุขุมเยือกเย็นเหมือนเคย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและเขากำลังจะเดินออกจากอาคาร เสียงสมาร์ตโฟนจากกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น...เสียงที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่เพียงแค่เห็นชื่อบนหน้าจอ...หัวใจของคนที่ ‘บอกว่าตัวเองยังไม่เปิดใจ’ ก็เผลอสั่นไหวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"Rrrrrrr 📱 > คุณนายสาวิตรี
"📱 ครับแม่
"📱 แกอยู่ไหน...จะกลับบ้านเมื่อไหร่ ?
"📱 อยู่มหาลัยครับ กำลังจะกลับ แม่มีอะไร
"📱 แม่โทรหาน้องไม่ติด บอกจะไปทำรายงาน นี่ก็ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านเลย แกช่วยไปดูน้องให้หน่อย แม่โทรหาเมื่อตอนเที่ยงเห็นน้องบอกแกไปส่ง..
"📱 เกเรใหญ่แล้วนะ...ค่ำมืดไม่ยอมกลับบ้าน
"📱 แกรีบไปนะ แม่กลัวว่าถ้าค่ำมืดน้องกลับแท็กซี่..มันอันตราย...
"📱เห้อ.. ลำบากผมอีกตามเคย
"📱 แกมีสิทธิ์บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่นี้นะ ฉันจะโทรหาแม่รดา (แม่ของพาขวัญ)
"📱 ตูด ตูด ตูด ~~
สิงหาวางสายจากมารดาก่อนจะรีบขับรถมุ่งตรงไปยังคอนโดหรูทันที
@คอนโดเพื่อนพาขวัญ
พอมาถึงคอนโดที่ว่า คนหน้าบึ้งหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาคนเป็นน้องทันที นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาโทรหาเธอ ตั้งแต่ตอนที่ยึดมือถือเธอไว้ คนเป็นพี่แอบเมมเบอร์มือถือของน้องไว้ในรายชื่อมือถือของตัวเอง ก็ไม่ได้คิดจะเมมไว้หรอก แต่กันเอาไว้เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินแบบนี้ ไหนๆก็ยกให้เธอเป็นตัวภาระ เรียนมหาลัยเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน สักวันก็ต้องได้ติดต่อกันอยู่ดี ไม่ได้อยากเมมไว้เลยจริงๆ
คนหน้านิ่งโทรออกได้ยังไม่ถึงสิบวิ ปลายสายก็กดรับทันที ไหนคุณนายสาวิตรีบอกว่าโทรไม่ติดไง พอเขาโทรกลับรับสายอย่างเร็วซะงั้น
"📱 อยู่ไหน ? : เสียงเข้มเอ่ยขึ้นบ่งบอกว่าตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก
"📱 สวัสดีค่า...พี่สิงหา...จินนี่พูดสายนะคะ เป็นเพื่อนของพาขวัญค่ะ (จินนี่เพื่อนสาวคนสนิทของพาขวัญ)
"📱 แล้วพาขวัญไปไหน ทำไมไม่มารับสาย
"📱เออ..คือว่า...คือ..ยัยขวัญดื่มสปายเข้าไปน่ะค่ะ...ตอนนี้เมาหลับไปแล้ว : จินนี่โกหกออกไป ขืนบอกว่าดื่มเหล้ามีหวังคอขาดรายตัว)
"📱 เมา ??? : คนหน้านิ่งเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะทวนคำพูดของบุคคลปลายสายอีกครั้ง
"📱 ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวจินนี่จะดูแลขวัญอย่างดี...พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวไปส่งที่บ้านค่ะ
"📱ห้องเธอชั้นไหน ? ฉันจะไปรับยัยเด็กเกเรกลับไปนอนบ้าน
"📱แต่ว่า....
"📱ฉันถามว่าชั้นไหน..?? : น้ำเสียงที่ดุดัน ทำเอาคนปลายสายไม่กล้าพูดต่อ ตอนแรกกะว่าจะให้เพื่อนนอนพักให้ส่างเมาแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปส่งถึงบ้าน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว ก็ในเมื่อคนที่ได้ชื่อว่า "พี่ชายหน้าโหด" ที่เพื่อนรักเมมไว้ในมือถือ ย้ำชัดว่าต้องการพาตัวเพื่อนสนิทออกไปตอนนี้
"📱 ห้อง 709 ค่ะ ขึ้นลิฟต์มาชั้น 7 ก็เดินตรงมาห้องทางด้านขวามือเลยค่ะ
"📱 ตุด ตุด ตุด ~~~
"ตายล่ะ.. !! ...กระเทยปวดหัว" : หลังจากวางสาย จินนี่รีบเอามือขึ้นกุมขมับทันที รู้สึกได้ถึงความปวดจี๊ดที่ขมับเหมือนเส้นเลือดจะเต้นตุบๆ ความเครียดวิ่งขึ้นหัวไวกว่าแอลกอฮอล์เสียอีก
"อะไร ? ทำไมมึงทำหน้าเครียดขนาดนั้น" : คัพเค้ก เพื่อนสนิทอีกคนของพาขวัญเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วมองใบหน้าของจินนี่ที่ดูจะซีดลงในทันที
"พ่อมันกำลังจะมา.." : จินนี่พยักเพยิดหน้าไปทางพาขวัญที่ตอนนี้นอนเมาคอตกอยู่บนโซฟา ท่ามกลางเสียงเพลงเบาๆ ที่คลออยู่ในห้อง
"ใคร ? พ่อมันอยู่ออสเตรเลียไม่ใช่เหรอ?" : คัพเค้กขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าสงสัยอย่างหนัก
"พ่อแท้ๆ อ่ะใช่...แต่ไอ้ที่จะมาน่ะ...พี่ชายที่ดุเหมือนพ่อ...แค่ฟังเสียงลอดสายยังขนลุกซู่ คนอะไรดุเป็นบ้า!" : จินนี่ถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เพื่อนเมาที่กำลังละเมอไม่รู้เรื่อง
"กูบอกมึงแล้วว่าคอมันอ่อน มึงก็ยังยุให้มันลองอยู่ได้" : คัพเค้กมองด้วยสายตาดุๆ
"ใครจะไปรู้วะ...แค่แก้วเดียวมันจะเมาเละขนาดนี้..." : จินนี่สบถเบาๆ รู้สึกผิดนิดๆ ที่เป็นต้นคิด แต่ก็ไม่คิดว่าจะพังคาแก้วแรก
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!!!" เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับความเงียบภายในห้อง ทุกคนหันไปมองประตูราวกับต้องคำสาป
"มาแล้ว...ทำไงดีอีเค้ก!" : จินนี่เบิกตากว้าง ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน นึกภาพพี่สิงหน้านิ่งยืนค้ำหัวแล้วก็ขนลุก
"ไปเปิดดิวะ..มึงจะรอให้องค์ลงหรือไง!" : คัพเค้กหันมาเอ็ดใส่
"เออๆๆ มึงพยุงมันขึ้นให้นั่งดีๆ ก่อน..." : จินนี่ผละตัวลุกอย่างลนลาน ปากพร่ำขอให้พาขวัญได้สติหน่อยก็ยังดี
"อื้ออ ~~ ม่ายยเอา..คนจานอนนน..~~" : เสียงคนเมาพูดไม่เป็นภาษา ดิ้นพรวดเหมือนเด็กงอแงที่ถูกปลุกจากฝันดี
"นั่งดีๆ ก่อนพาขวัญ...พี่มึงมารับแล้วเนี่ย..." : คัพเค้กพยายามประคองร่างบางขึ้นนั่งตรง
แกร๊ก ! (เสียงเปิดประตู)
"สะ..สวัสดี..ขะ.." : เสียงจินนี่ขาดหายไปในลำคอในทันทีที่เห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้านิ่งขรึมเดินเข้ามาโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอ
เขาก้าวฉับๆ ตรงไปยังพาขวัญที่กำลังเมาคอพับ นั่งตัวเอียงอยู่บนโซฟา
"ไหนบอกเมาสปาย..นี่มันกลิ่นเหล้าชัดๆ" : สิงหาถามเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบมองลอดไปยังขวดเหล้าที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าจินนี่อย่างตำหนิ
"เออ..คือ....." : จินนี่อ้ำอึ้ง ยกมือขึ้นลูบต้นคออย่างรู้สึกผิดเต็มขั้น
"หมับ!!"
"อื้ออ ~~ ปล่อย..ขวัญจานอนน..."
เสียงอ้อแอ้ของคนเมาดังขึ้นเบาๆ เมื่อร่างทั้งร่างถูกอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายในท่าเจ้าสาว คนเป็นพี่ไม่แม้แต่จะฟังคำแก้ตัวของจินนี่ เขาอุ้มคนเป็นน้องแนบอกด้วยใบหน้าเรียบสนิท แววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจและเป็นห่วงปะปนกันจนจับแยกไม่ออก
"ดื่มอะไรจนเมาขนาดนี้วะ..."
"แค่แก้วเดียวเองค่ะพี่สิง...แต่ขวัญมันคออ่อนเลยน๊อคไปแบบนั้น..." : จินนี่รีบตอบเสียงอ่อย กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างหวาดๆ
"ขนาดแก้วเดียว...นี่ถ้าฉันไม่มา คงจะดื่มจนช็อคตายล่ะมั้ง...!"
"แหม...พี่สิงก็...ใครจะปล่อยให้เพื่อนกินจนช็อคกันล่ะค่ะ..." : จินนี่ยิ้มหน้าเจื่อน พยายามผ่อนอารมณ์เครียดแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลยเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย
ปั้ง !!!! (เสียงปิดประตู)
คนเป็นพี่เดินออกจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง ทิ้งความเงียบไว้ในห้องพักเล็กๆ พร้อมกับความโล่งอกที่ถูกกลืนด้วยความกลัวของสองเพื่อนสนิท ในอ้อมแขนเขา ยังคงอุ้มพาขวัญไว้แนบอก...กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ คลุ้งอยู่ไม่ห่างกาย ก่อนจะพาเธอขึ้นรถแล้วขับตรงไปยังคอนโดหรูของตัวเอง เพราะรู้ดีว่า...ถ้าพาขวัญกลับบ้านในสภาพนี้ มีหวังคุณนายสาวิตรีได้ด่าจนหูชาแน่ๆ