บทที่ 3
เงียบหาย
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทว่าคนที่บอกว่าจะติดต่อมากลับเงียบหาย ทำเอาคนรอเริ่มรู้สึกหมดหวังลงเรื่อย ๆ หญิงสาวอุตส่าห์ไม่ไปรับงานอื่นเพิ่มในวันถัดมาเพื่อหวังจะให้เขาเป็นลูกค้าคนแรกและคนเดียวของเธอ
แต่เหมือนว่าเธอจะคาดหวังมากเกินไป นอกจากเขาจะไม่ติดต่อมา เงินค่าตัวกับทิปที่ได้มาในคืนนั้นก็ถูกใช้จ่ายจนหมดแล้ว อีกทั้งเงินเดือนจากร้านกาแฟซึ่งเป็นที่ทำงานประจำก็ไม่สามารถเบิกได้ เพราะเธอเบิกจนเต็มจำนวนแล้ว
จรัสรักไม่มีทางเลือกมากมายนัก วันนี้เธอจึงต้องออกมารับงานบริการอีกครั้ง และโชคดีที่เจ๊ระเบียบยังให้โอกาส แม้จะบ่นและอบรมเรื่องที่เธอเอาใจลูกค้าไม่ดีตามมาตรฐานของร้าน
“จะไม่รออีกหน่อยเหรอ เผื่อว่าคุณเขาจะติดต่อมา ช่วงนี้เขาอาจจะยุ่ง ๆ อยู่ก็ได้” ศศิตาเอ่ยถามขณะนั่งแต่งหน้าทำผมเตรียมพร้อมให้เพื่อนสำหรับรับแขกในค่ำคืนนี้ ถึงจรัสรักจะเคยรับลูกค้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อนเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์เหมือนอย่างเก่า แต่อย่างไรศศิตาก็ไม่อยากให้เพื่อนรักมาคลุกคลีในวงการนี้มากนัก ที่แนะนำตอนนั้นก็เพราะเห็นเพื่อนอับจนหนทางจริง ๆ
“ฉันรอไม่ได้แล้ว แกก็รู้” จรัสรักตอบพร้อมรอยยิ้มบางเบา ยอมรับในโชคชะตากรรม
ศศิตาถอนหายใจ “แกจดเบอร์ให้เขาถูกแน่นะ”
“ถูก ฉันทวนตั้งสองสามรอบก่อนจะยื่นให้”
คืนนั้นหลังจากที่ลูกค้าหนุ่มเอ่ยประโยคสุดท้าย จรัสรักก็รีบกุลีกุจอหยิบดินสอกับกระดาษที่มีในห้องพักมาจดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองส่งให้เขาเลยทันที ซึ่งก่อนส่งเธอก็เช็กแล้วว่าถูกต้องทุกตัว ไม่ผิดอย่างแน่นอน แต่ที่สายยังเงียบกริบ คงเป็นเพราะเขาไม่คิดจะติดต่อมามากกว่า
หรือไม่ก็คงลืมเธอไปแล้ว
“เฮ้อ เสียดายแทน หล่อแบบวัวตายควายล้มแบบนั้นใช่ว่าจะหากันได้ง่าย ๆ” ศศิตาว่าพลางบรรจงปัดขนตาให้เพื่อนสาว ที่พูดแบบนี้ได้เต็มปากเต็มคำเพราะคือนั้นเธอเองก็เห็นลูกค้าสุดหล่อของจรัสรัก แล้วยังเห็นอีกว่าคนที่พาบิวตี้ออกไปก็หล่อเหลาไม่แพ้กัน แต่สีผิวและเค้าโครงหน้าจะเข้มกว่า “ฉันนั่งลุ้นทั้งคืนเลย กลัวแกได้ลูกค้าเป็นตาแก่หัวงู แต่ก็ถือว่าแกแต้มบุญสูงอยู่นะ ได้เปิดซิงกับคนหล่อ บุญกีจริง ๆ”
“ก็ไม่ได้แย่”
“หือ ?” สาวมากประสบการณ์ตาโตขึ้น เมื่อจรัสรักหลุดความลับออกมา ด้วยก่อนหน้านี้เธอขอให้เพื่อนรีวิวลีลาเร่าร้อนของลูกค้าหนุ่มสุดหล่อให้ฟัง ทว่าอีกฝ่ายกลับปิดปากเงียบ และเล่าแค่ช่วงที่เจ้าหล่อนเสนอตัวเป็นเด็กเลี้ยงของเขาเท่านั้น “เขาแซ่บมากเลยใช่ไหม”
แววตาคนที่เผลอหลุดปากมีเลิ่กลั่กเล็กน้อย เธอส่ายหน้าดิก ปฏิเสธเสียงสั่น “มะ...ไม่รู้”
ศศิตาหรี่ตามองอย่างจับผิด “ท่าทางมีพิรุธนะ”
“แต่งหน้าเร็ว เดี๋ยวเจ๊เข้ามาด่า วะ...วันนี้พี่บิวตี้มาไหม”
“เปลี่ยนเรื่อง ดูออก” ศศิตารู้ทัน แต่ก็ยอมเปลี่ยนประเด็น “เจ๊บิวเหรอ น่าจะมานะ เออ พูดถึงอีเจ๊ วันนั้นนางออกไปกับเพื่อนของลูกค้าแกใช่ปะ วันต่อมานางมาโม้ใหญ่เลยว่าลูกค้าเด็ดอย่างนั้น แซ่บอย่างนี้ พูดทั้งวันทั้งคืนอะ สงสัยจะเด็ดจนติดใจ อีเจ๊มันเล่าเป็นฉาก ๆ แบบละเอียดยิบ เอาซะฉันอยากลองเลย”
“แล้วหลังจากวันนั้นลูกค้าคนนั้นมาหาพี่บิวตี้ที่ร้านอีกไหม”
“ไม่นะ ได้ยินอีเจ๊มันบ่นเสียดายอยู่ว่าไม่ได้แลกช่องทางการติดต่อกันไว้ ฉันคิดว่าก็คงจบกันที่คืนนั้นคืนเดียวนั่นแหละ เพราะส่วนมากก็เป็นแบบนั้น”
จรัสรักพยักหน้ารับรู้ด้วยแววตาหม่นเศร้า ใจที่หมดหวังอยู่แล้วก็แทบไม่มีหวังเลย ลูกค้าของพี่บิวตี้เป็นเพื่อนกับลูกค้าของเธอ หากคู่นั้นดีลกันต่อ เธอก็อาจจะขอให้อีกฝ่ายช่วยถามให้ เพราะบางทีลูกค้าของเธออาจจะทำกระดาษใบนั้นหล่นหาย หรือไม่ก็เป็นเธอที่จดเบอร์โทรให้เขาผิดไป
หญิงสาวรู้ว่าการเงียบหายคือคำตอบ แต่ลึก ๆ ในใจเธอก็อยากได้คำตอบที่ชัดเจน หากเขาจะปฏิเสธก็ควรพูดออกมาตามตรง ไม่ใช่ให้ความหวังด้วยการบอกว่า ‘ไว้จะติดต่อมา’
“เอ้า ไม่เห็นมาทำงานหลายวัน นึกว่าไปหางานอื่นทำแล้ว”
ระหว่างสองสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ บิวตี้ที่เพิ่งมาถึงก็เอ่ยทักเสียงแหลมเมื่อเห็นหน้าจรัสรัก จำได้ว่ายัยเด็กนี่มาทำแค่วันเดียว แล้วจากนั้นก็ไม่มาอีกเลย
ครั้นนึกได้ว่าวันนั้นจรัสรักออกไปกับเพื่อนของลูกค้าเจ้าของลีลาสุดแซ่บของตน จึงรีบปรี่เข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
“ว่าแต่วันนั้นเป็นไงบ้าง เห็นเจ๊บอกว่ามึงออกไปกับคุณคนหล่อคนนั้นใช่ไหม เป็นไง ๆ แซ่บเหมือนเพื่อนเขาไหม”
คนถูกถามมีสีหน้าเลิ่กลั่กอีกครั้ง แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้น เธอเสหลบตา ก่อนจะส่ายหน้าตอบออกไป
“มะ...ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“นี่! ไม่ใช่ว่าไปนอนแข็งทื่อเป็นขอนไม้จนเขาหมดอารมณ์หรอกใช่ไหม”
จรัสรักส่ายหน้าอีกครั้ง บิวตี้บ่นและรบเร้าให้รุ่นน้องพูดถึงเรื่องคืนนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะละความสนใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปริปากพูดอะไร นอกจากคำว่า ‘ไม่รู้ค่ะ’
ไม่รู้ว่ายัยเด็กนี่เคยรู้อะไรบ้างไหม ไม่สนุกเลย บิวตี้เซ็ง!
จากนั้นบิวตี้กับศศิตาก็ชวนกันเมาท์เรื่องอื่น ๆ อย่างออกรสตามประสาผู้หญิง กระทั่งถึงเวลาต้องออกไปนั่งรับแขก