ตอนที่ 3
ทอดสะพาน
...คืนนี้ เธอจะต้องเสพสังวาสกับเขาให้ได้
“เอ็งเป็นคนบ้านไหน? อยู่อำเภอนี้หรือมาจากที่อื่น”
คำถามจากหน้าหล่อเหลานั้น ทำให้ ดาวเรือง ชะงักเล็กน้อย ด้วยเขานั่งเงียบมาได้สักพักตั้งแต่ขับรถพาเธอออกจากบริเวณบ้านของ กำนันเปรื่อง
“ข้าถามไม่ได้ยินรึ?”
ปราช เอ่ยถามอีกครั้งเสียงเข้มนั่นทำให้เธอสะดุ้ง
“ทำไมเหรอจ้ะ? พี่จะไปส่งเหรอไง”
เธอเอียงคอเล็กน้อย แสร้งเอ่ยถามเขากลับด้วยไม่อยากบอกว่าความจริงเธอไม่ได้อยู่แถวนี้
“ใช่”
ปราช เอ่ยสั้นๆ “บ้านอยู่ไหน? ข้าจะไปส่ง”
ไม่นะ!! เขาจะไปส่งเธอกลับได้ยังไง ในเมื่อเธอวางแผนมานานหลายเดือน เพื่อจะหาทางเข้ามาใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้
“จะไปส่งได้ไง พี่จ่ายค่าเหมาคืนนี้ฉันตั้งห้าพันไม่ใช่รึ?”
“ไม่เห็นเป็นไร? ข้าไปส่งได้ แค่ไม่อยากจะให้เอ็งไปกับไอ้เทิดเท่านั้น เอ็งคิดจริงๆรึว่าข้าจะพาเอ็งไปบ้าน”
คิดซิ!! ทำไมจะไม่คิด
“คือฉันมากับคณะหมอลำจากมหาสารคามจ้ะ ฉันไม่ใช่คนที่นี่ พี่คงไปส่งฉันคืนนี้ไม่ได้กระมัง นอกจากจะให้ฉันกลับกับคณะวง แต่ฉันบอกเขาแล้วว่าจะมากับพี่ปราช”
ถ้าหากถอยตอนนี้ คงยากที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาอีกแล้ว เพราะลูกชายกำนันเปรื่องคนนี้เป็นคนเก็บตัว ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงง่ายๆเช่นนี้
ปราช นิ่งไปเพียงครู่
“แต่ถ้าให้ฉันกับที่วงอีก ฉันกลัวว่าหัวหน้าวงจะให้ฉันไปกับพี่ใจร้ายคนนั้น ฉันเพิ่งมาทำงานหางเครื่องในวงออกงานนี้เป็นงานแรก ฉันยังไม่อยากไปจ้ะ ...ให้ฉันไปค้างที่บ้านพี่ปราชสักคืนได้มั้ยจ้ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับ”
ดาวเรือง เอ่ยเสียงเว้าวอน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องไปค้างกับเขาให้ได้ แม้อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีเช่นไรก็ตาม
“แล้วทำไมถึงมาทำงานแบบนี้รึ?”
เขาไม่เข้าใจวงการหางเครื่องเท่าใดนัก แต่หากเธอไม่ชอบ แล้วใยต้องทำให้ตัวเองไม่สบายใจ
“คือฉันอยากเป็นนางเอกหมอลำ อยากจับไมค์ร้องรำให้คนได้ฟังกัน แต่มาอยู่ที่วงตั้งหลายเดือนแล้วฉันยังไม่มีโอกาสได้จับไมค์เลยจ้ะ เพิ่งจะได้ออกเต้นโชว์งานนี้เป็นแรก”
แม้นี่จะเป็นเป้าหมายหนึ่งที่เธอต้องการจะมาพบเขา แต่การอยากเป็นนางเอกหมอลำก็เป็นหนึ่งในความฝันของเธอเช่นกัน
การได้แต่งตัวสวยๆร้องรำอยู่บนเวทีคือที่สุด
ปราชชั่งใจอยู่เพียงครู่ ด้วยคิดว่าหากพาเธอกลับที่วงตอนนี้ เทิดสิน พี่ชายต่างแม่คงไม่ยอมปล่อยเธอไว้แน่นอน และอีกอย่างเขาบอกไปแล้วว่าเหมารอบในคืนนี้
“งั้นไปนอนเรือนคนงานบ้านข้าก็ได้”
เรือนคนงานงั้นรึ?
.
ใช้เวลาไม่นานนัก เขาก็พาเธอมาถึงเรือนที่เป็นที่พักในไร่ริมชิงเขา ดาวเรืองมองไปด้านนอกอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในพื้นที่ไร่ของที่กว้างใหญ่เช่นนี้ แถมมีบ้านหลายหลังในเขตพื้นที่เดียวกัน โดยบ้านหลังใหญ่น่าจะเป็นที่พักของ ปราช ที่เธอพอทราบว่าเขาพักอยู่ที่นี่คนเดียว
“ลงมาซิ”
เธอจำต้องก้าวเท้าลงรถอย่างระมัดระวัง แต่พยายามหนีบกระโปรงที่ฟูฟ่องของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน
สมองคิดสับสนไปมาว่าควรจะทำอย่างไรต่อ
จะต้องใช่เล่ห์มารยาแบบไหนกันดี เขาถึงจะยอมและอยากจะเสพสมกับเธอ การทอดสะพานให้ผู้ชายนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ
“บ้านหลังใหญ่โตพี่อยู่คนเดียวเหรอจ้ะ”
เธอแสร้งเอ่ยถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“ใช่”
เขาตอบสั้นๆ และเดินนำเข้าไปในบ้านก่อนจะหยุด และหันมามองหน้าเธอ นั่นทำให้ ดาวเรือง ไม่ทันระวังตัวจึงชนกับร่างเขาอย่างจัง
“อ๊ะ” เธอเซถลาเล็กน้อย แต่มือหนานั้นก็คว้าเอวคอดของเธอไว้ทัน ทำให้ร่างเธอโถมเอนทับบนตัวเขา ทรวงอกอิ่มเบียดเข้ากับอกกว้าง ใบหน้าเธอชิดอยู่กับต้นคอของเขา
ลมหายใจเขารดรวยรินอยู่ไม่ห่าง
ดวงตาคู่สีถ่านวาววับขึ้นเล็กน้อย และทอแสงประกายเจิดจ้า เมื่อเธอเงยหน้าสบตากับเขา
ผู้ชายอะไรหล่อฉิบหาย!! ไม่น่าเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นเลย ...ผู้หญิงคนที่เป็นแม่มดหมอผี ล่อลวงความปราถนาของเด็กๆให้ลุ่มหลงมัวเมา และต้องแลกความต้องการนั้นด้วยชีวิตของตัวเอง
ปราช เป็นลูกของ หมอผีแสนเสน่ห์คนนั้น คนที่ดาวเรืองเคยไปคลุกคลีด้วยตอนเด็ก ก่อนที่หล่อนจะหายไปจากหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนไปอยู่ที่ไหน
ชื่อของหล่อน คือ รัตนา หรือป้ารัตน์!
“ความจริงที่เอ็งบอกจะเต้นให้ข้าดูทั้งคืน ก็น่าสนใจดีนะเมื่อกี้ตอนอยู่ในงานข้ายังไม่ทันได้ดูเลย”
คำพูดของลูกชายหมอผีกระซิบข้างหูของเธอ ดาวเรืองอยากจะรู้นักว่าเขาจะรู้ไหมว่าแม่ของตน เป็นบุคคลที่น่ากลัวแค่ไหน และเขาได้รับเชื้อหรือพลังอันใดจากแม่เขามาหรือเปล่า
“ดะ..ได้ หนูเต้นได้”
กระนั้นเธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นระริก เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนรดรินอยู่ไม่ห่าง ใจของเธอเริ่มเต้นระรัวเร็ว
หรือเขาจะมีมนต์มายาที่สามารถล่อลวงเธอได้
ทั้งๆที่เขาไม่ได้มีท่าทีจะลวนลามเธอแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับดูนิ่งสงบ จนแทบมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แม้ตอนนี้ร่างของเธอกำลังบดเบียดนัวเนียเขาอยู่ก็ตาม
“งั้นก็เต้นเลยซิ”
นัยน์ตาคมเข้มของเขาจับจ้องเธอนิ่ง มือหนากระชับเอวเธอแน่นเข้า แต่ไม่ยอมขยับร่างออกห่าง
“ไม่มีดนตรีจะให้หนูเต้นได้ยังไง”
“เดี๋ยวข้าเปิดให้”
ร่างหนาเดินไปยังมุมบ้านชั้นล่างแล้วเปิดวิทยุที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นเพลงจังหวะชะๆช่าๆ แบบที่เธอเต้นอยู่ที่เวที ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เอน และมองมาทางเธอ
“...”
ดาวเรืองยืนขวยเขินอยู่เพียงครู่ แม้จะรู้ว่าตัวเองจะต้องทำตามที่ได้รับปากเขาไว้ แต่ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นหนูเต้นเลยนะจ้ะ”
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นมืออาชีพพอ เมื่อบอกว่าจะทำก็ต้องทำ จึงเริ่มแอ่นสะโพกโยกย้ายเอวตามจังหวะเสียงเพลงที่เริ่มบรรเลง เหมือนอย่างที่ทำตอนอยู่บนเวทีหมอลำ
“เดี๋ยว”
เสียงเขาปรามเบาๆ ทำให้เธอชะงักเล็กน้อย
“หือ”
ร่างหนาเอนหลังกับพนักเก้าอี้ และมองร่างอรชรของเธออย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะตบมือลงบนหน้าขาของตัวเอง
“ไม่ต้องยืนเต้นตรงนั้น ...มาเต้นบนตักข้าดีกว่า”
*****************