ฌอนทำหน้ายุ่งตั้งแต่ก้าวเท้าเขามาภายในสตูดิโอแห่งนี้ นี่ถ้าวันนี้เขาไม่มีงานถ่ายแบบของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งนะ เขาก็ไม่คิดจะแซะตัวเองออกมาจากเตียงในตอนนี้หรอก ฌอนคิดอย่างหงุดหงิด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มภายใต้แว่นกันแดดสีชาทอประกายหงุดหงิดจนคนที่เดินสวนกันมาไม่กล้าเอ่ยทัก เพราะออร่าอารณ์เสียของเขาแผ่ออกมาจากตัวฌอนจนใครๆ ก็สัมผัสได้
ฌอนเดินตรงมาจนถึงประตูห้องแต่งตัวของนายแบบ หากก็ต้องหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเจอหน้ากับเพื่อนสนิทที่เข้าวงการมาพร้อมๆ กัน และดีกรีความฮอตของพวกเขาก็ใกล้เคียงกัน ซึ่งคนตรงหน้าจะเป็นรองก็เพียงเขาเท่านั้นแหละ
“หน้าแกไปโดนอะไรมาน่ะฌอน”
ปรัญช์ถามเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนถนัดตา วันนี้ใบหน้าของไอ้คาสโนวาตัวร้ายก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิม แม้มันจะทำหน้าเหมือนมีใครเอารังแตนไปยัดใส่ปากสักสิบรังและมีรอยช้ำเป็นจ้ำสีม่วงบนหน้าผากก็ตามที
“ยุ่ง!”
ฌอนร้องเสียงดังใส่เพื่อนแล้วเบี่ยงตัวเดินเข้าไปด้านในของสตูดิโอ ปรัชญ์ไม่ถือสากลับหัวเราะแล้วก้าวเดินตามหลังเพื่อนเข้าไปแล้วเอ่ยต่อไปว่า
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง เมื่อวานได้พักตั้งหนึ่งวันเต็มๆ ไหงกลับมาถึงทำหน้าแบบนั้น แล้วหน้าแกอีกละ นี่ไปมีเรื่องกับใครมา”
“ก็บอกว่าอย่ายุ่ง!”
ฌอนไม่สนใจจะตอบคำถามของเพื่อน ใบหน้าคมคายด้วยความเป็นลูกครึ่งของเจ้าตัวกำลังหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงยัยตัวต้นเหตุที่ทำให้หน้าเขาเป็นแบบนี้แล้วยิ่งเจ็บใจ คนอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ ดันเอาขวดพลาสติกฟาดหน้าเขาเสียได้ นี่ดีนะที่ฟาดสูง ถ้าฟาดลงต่ำกว่านี้แล้วหน้าเขาเสียโฉมมากกว่านี้ใครจะรับผิดชอบไหว! อย่าให้ได้เจอหน้าอีกครั้งนะ พ่อจะสั่งสอนให้รู้ว่าอย่ามาแหยมคนอย่างฌอนเลยคอยดู!
“เฮ้...ใจเย็นๆ เพื่อน ฉันก็แค่ถามแค่นั้นแหละ แกไม่อยากบอกฉันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพี่วิทย์มาเห็นละก็ แกเอ๊ย แกโดนสวดสามวันไม่จบแน่ๆ”
“แกก็อย่าปากโป้งสิวะ”
ฌอนตัดบทด้วยความรู้สึกสยองยามเมื่อคิดถึงใบหน้าที่พูดได้เต็มปากว่าหล่อเหลาพอจะเป็นดาราได้สบายๆ (แต่น้อยกว่าเขา) ของผู้จัดการหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาหนึ่งปีคนนี้ก็อดที่จะขนลุกไม่ได้ รวีวิทย์อาจจะไม่ได้ดุด่าหรือทำอะไรรุนแรงกับพวกเขาก็จริง หากด้วยวาจาไม่กี่คำและมาดนิ่งๆ ของผู้จัดการส่วนตัวผู้นี้ก็ทำเอาเขาอดเกรงไม่ได้
ฌอนก้าวเข้ามาภายในวงการนายแบบของเมืองไทยเมื่อสองปีก่อนตามคำชวนของแมวมองชื่อดังคนหนึ่ง ด้วยความเบื่อหน่ายกับอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตทำให้เขายอมตกลง คิดว่าถ่ายสองสามชิ้นก็กะจะเลิก หากใครจะไปคิดว่าเขาจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ด้วยงานถ่ายแบบชิ้นแรกก็ดังเปรี้ยงปร้างชนิดเป็นที่กล่าวขวัญของสาวๆ ทั้งประเทศทำให้เขาถอนตัวได้ยาก หากฌอนก็ยังไม่คิดจะถอนตัวด้วยเช่นกันในยามนั้น
นั่นทำให้หลังจากที่เขาเข้าสังกัดของโมเดลลิ่งชื่อดังนั่นแล้ว ทางนั้นก็จัดรวีวิทย์มาให้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและปรัชญ์ที่ก้าวเข้าวงการพร้อมกันและดังด้วยการถ่ายแบบเซตเดียวกันนั้นเอง แถมแว่วมาว่ารวีวิทย์นั้นเป็นหุ้นส่วนของโมเดลลิ่งแห่งนี้ด้วยซ้ำไป
ด้วยความหล่อเหลาคนละแบบทำให้ทั้งคู่ต่างก็กำลังโด่งดังเป็นอย่างมาก งานของพวกเขาต่างก็มีเข้ามาไม่ขาดสาย ดูเหมือนตอนนี้ทั้งเขาและปรัชญ์จะโดนทาบทามให้ลงเล่นละครด้วยกันทั้งคู่ หากเขาปฏิเสธไปด้วยไม่คิดว่าจะอยู่ในวงการนี้ถาวร
ทุกวันนี้แค่ถ่ายแบบไปด้วยกับคุมกิจการในเครือพีกรุ๊ปก็งานหนักพอแล้ว เขาไม่คิดหาเหาใส่หัวเพิ่มไปกว่านี้เด็ดขาด!
“แล้วนี่พี่วิทย์ไปไหน”
นายแบบลูกครึ่งคนดังเอ่ยถามหลังจากที่ช่างแต่งหน้าซึ่งเป็นสาวประเภทสองจัดการกลบเกลื่อนรอยช้ำบนใบหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มชายตามองเพื่อนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเช่นกันผ่านกระจกบานใหญ่นั้น
“เห็นว่าไปทำบุญให้พ่อกับแม่มั้ง วันนี้ครบรอบวันตายของพ่อกับแม่พี่วิทย์นี่”
ปรัชย์ตอบในขณะที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากนิตยสารเกี่ยวกับรถยนต์ในมือ ฌอนพนักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มเหลือบตามองดูนาฬิกาที่ติดบนฝาผนัง...อีกไม่ถึงสามสิบนาทีก็จะเริ่มถ่ายกันแล้ว
“เยี่ยมมากเลยฌอน ปรัชญ์ พี่เชื่อว่าถ้าหนังสือเดือนนี้วางแผงเมื่อไรรับรองขายหมดเกลี้ยงแผงแน่ๆ เลย”
เสียงของช่างกล้องหนุ่มชื่อดังเอ่ยปากชม ตอนนี้เขารู้สึกพอใจมากกับผลงานที่ผ่านมา นายแบบหนุ่มชื่อดังทั้งคู่ทำให้เขารู้สึกไม่ผิดหวังด้วยจริงๆ ที่ได้ร่วมงาน
การถ่ายแบบเซตนี้เป็นแนวเทวดากับซาตาน เผยมุมของด้านมืดและด้านสว่างของแต่ละบุคคล เป็นคอนเซ็ปต์ที่เขาคิดว่ามันจะต้องเป็นที่ฮือฮามากแน่ๆ
“พี่ป๋องก็พูดเกินไปครับ ผมว่าที่ขายดีต้องเป็นเพราะไอ้ฌอนมากกว่า ก็เทวดาเล่นหล่อซะขนาดนี้”
ปรัชญ์ตอบในขณะที่มือก็ขยับเนคไทสีดำสนิทให้คลายออก ในการถ่ายแบบเซตนี้เขาได้รับคอนเซ็ปต์เป็นซาตาน ทั้งที่หากจะนับตามความเป็นจริงแล้ว เขาว่าคนที่สมควรจะได้คอนเซ็ปต์นี้เห็นจะเป็นไอ้ฌอนมากกว่า ก็นิสัยมันแบดบอยซะขนาดนั้น
ทางด้านฌอนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเปลือยแผ่นอกกว้างน่าซบตามคอนเซ็ปต์ของการถ่ายแบบนั้นก้าวมายืนเคียงข้างปรัชญ์ที่ยังอยู่ในชุดสีดำสนิท
“ผมกลับก่อนนะครับพี่ป๋อง พอดีวันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
“เอาสิ หรือจะให้พี่พาไปหาหมอไหม มิน่า...ตอนทำงานถึงไม่ค่อยพูด”
ตากล้องหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย เขาสนิทกับนายแบบหนุ่มสุดฮอตพอสมควร ถึงแม้ฌอนอาจจะไม่ได้ดูดีมากนักในสายตาของคนอื่นๆ ในด้านผู้หญิง แต่เขาว่านิสัยที่แท้จริงของนายแบบหนุ่มคนนี้นั้นน่าคบหาเกินกว่าจะสนใจในเรื่องส่วนตัวเช่นนั้น
“ขอบคุณมากครับพี่ป๋อง แต่ไม่เป็นไรหรอก พักวันเดียวก็หาย”
พูดจบฌอนก็เดินออกไป ทิ้งให้ปรัชญ์และป๋องยืนสบตากันอย่างงงๆ
นายแบบหนุ่มเกาหัวตนเองแกรกๆ
“ไอ้ฌอนมันเป็นอะไรวันนี้พี่ป๋อง หรือว่าเมื่อวานมันเที่ยวมากจนเพลียจัด”
ป๋องวาดขาเตะใส่นายแบบรุ่นน้องที่สนิทกันไม่แพ้ฌอนด้วยความหมั่นไส้ ทำเอาปรัชญ์กระโดดหลบแทบไม่ทัน
“ไอ้นี่! ข้าไม่รู้โว้ย! ก็อยู่ด้วยกันใครจะไปตรัสรู้ได้วะ?!”