บทที่ 2
“…”
หลังจากที่ฉันเรียกชื่อพี่เธียรไปก่อนหน้านี้ ไม่นานใบหน้าหล่อเหลาของพี่เธียรก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากความมืดจนฉันสามารถเห็นหน้าหล่อๆ ของเขาได้ชัด
และมันก็ชัดมากจนทำให้ฉันยืนนิ่งตาค้างเลยทีเดียว อารมณ์คล้ายๆ เหมือนสมองถูกปิดสวิตช์ไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นพี่เธียรจริงๆ
แล้ว…เอ๋อ ฉันควรทำยังไงดีละ ฉันควรหนีสิถูกไหม ใช่ ฉันควรไปจากตรงนี้
หมับ!
“จะไปไหน”
“เอ่อ…สวยต้องกลับแล้วค่ะ” ฉันรีบตอบโดยที่ไม่มองหน้าพี่เธียรแม่แต่นิดเดียว
“ฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันสวนกลับทันควันพร้อมกับเตรียมตัวจะเดินออกมาอีกครั้ง แต่…
พรึบ!
เฮือก!
จู่ ๆ พี่เธียรก็กระชากแขนฉันกลับแล้วดันหลังฉันให้ติดกับผนังปูนด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแต่แฝงความหงุดหงิดเอาไว้อีกครั้ง ทำเอาฉันเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว แต่อาการทำตัวไม่ถูกของฉันก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีกเมื่อพี่เธียรลดใบหน้าลงมาเสมอกับใบหน้าของฉันจนปลายจมูกเกือบจะชนกันแล้วถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เธอจะหนีหน้าฉันไปถึงไหน”
“ส…สวยไม่รู้”
“เหอะ ไม่รู้…” พี่เธียรยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเสมองไปอีกทางพร้อมกับสีหน้าที่ดูหงุดหงิดใช่ย่อย
“เธอจะยั่วโมโหฉันไปถึงไหน” น้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิดถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาพร้อมกับสายตาคมดุที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันอย่างเขม็งเกลียว พี่เธียรเขาดูโมโหมากในขณะที่ฉันเองก็กลัวเขามากเช่นกัน สายตาคมดุนั้นถ้ามองนานอีกนิดร่างกายของฉันคงได้ฉีกขาดแน่แถมสายตานั้นก็ทำให้ปากฉันสั่นจนไม่กล้าจะเอ่ยตอบเขาด้วย
"ส...สวยไม่ได้ยั่วนะ"
“งั้นก็ตอบมา ว่าหนีหน้าฉันทำไม”
“สวยไม่ได้หนี สวยแค่ไม่อยากเจอพี่”
“แล้วทำไมถึงไม่อยากเจอฉัน”
“แล้วพี่อยากเจอสวยนักหรือไง” ฉันสวนกลับทันทีอย่างโมโห นึกโมโหที่จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามไม่หยุด ต้อนให้ฉันจนมุมอยู่ได้ ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่อยากเจอ แล้วทำไมต้องถามหาเหตุผลด้วยล่ะ
“อยาก…ฉันอยากเจอเธอที่สุด” แต่คำตอบของพี่เธียรก็ทำเอาฉันชะงัก ทำเอาหัวใจของฉันเต้นแรงพร้อมกับขนลุกซู่ไปทั้งตัวและมันก็ทำให้ฉันไปต่อไม่ถูกเพราะสายตาของเขาที่เปลี่ยนไป
“สวยว่าพี่เมาแล้วละ”
“คนเมาที่ไหนจะยืนจ้องหน้าเธอได้ขนาดนี้สวย” เฮ้อ! จะเอาให้ได้เลยใช่ไหม
“สวยไม่ตลกนะพี่เธียร”
“แล้วหน้าฉันตอนพูดมันตลกว่างั้นเถอะ…” พี่เธียรพูดจบก็ยืดตัวออกจากฉันก่อนจะยืนตรงมองหน้าฉันนิ่ง และเป็นการนิ่งที่ทำเอาฉันหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าพี่เธียรกำลังจะพูดบางอย่างกับฉัน “ยังจำได้อยู่ใช่ไหมที่ฉันเคยบอกว่าอย่าให้เจอกันอีก เพราะฉะนั้น...เตรียมตัวให้ดีละกัน”
พูดจบพี่เขาก็เดินหน้านิ่งจากไปทันที ทิ้งให้ฉันยืนตาค้างเหมือนคนโดนผีอำอยู่ที่เดิมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงราวกับกลองสามช้าอย่างบ้าคลั่ง!
.
.
หลายนาทีต่อมา…
“สวย มึงยังโอเคอยู่ใช่มั้ย กูถามจริงเถอะมึงไปเจออะไรในห้องน้ำวะถึงได้กลับมาหากูสภาพนี้ แล้วนี่มึงเดินขึ้นห้องไหวปะ ให้กูขึ้นไปส่งมั้ย” ยัยพริกไทยที่ขับรถมาส่งฉันที่คอนโดยิงคำถามรัวๆ ใส่ฉัน
แต่ฉันที่ยังตกใจกับคำพูดของพี่เธียรอยู่ ยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยเหมือนคนโดนของเหมือนเดิม
ใช่ หลังจากที่ฉันเดินกลับไปหายัยพริกที่บาร์ ฉันก็บอกมันว่าอยากกลับคอนโดแต่สภาพที่ไปบอกมันคือเหม่อลอยจนน่าเป็นห่วง มันเลยรีบพาฉันมาส่งคอนโด ซึ่งระหว่างทางมันก็คอยเหลือบมองฉันเป็นระยะๆ ไป จนขับมาถึงคอนโดมันถึงได้ถามฉันออกมา
“พริก มึงเคยโดนผู้ชายจีบมั้ย” ฉันถามยัยพริกไทยขณะที่สายตายังเหม่อลอยไปข้างหน้า ฉันแค่อยากรู้ว่าอาการของผู้หญิงเวลาที่โดนผู้ชายจีบมันเป็นยังไง
มันจะเหมือนฉันตอนนี้ไหม?
“เคยนะแต่เขาไม่ใช่สเปกกูอะ กูเลยเท มึงถามทำไมวะ…หรือว่าที่มึงอยู่ในสภาพนี้เพราะมีผู้ชายดักจีบเหรอ ใครวะหล่อปะ”
“มึง…” ฉันหันไปเรียกยัยพริกไทยทำท่าเหมือนจะพูดกับมันแต่สุดท้ายฉันก็ไม่พูด เลือกที่จะเก็บสิ่งที่อยากปรึกษาเพื่อนไว้ จนเพื่อนอย่างยัยพริกไทยเลิกคิ้วรอจนงง
“เรียกกูแต่เงียบ มึงเป็นไรปะ”
“เปล่า กูขึ้นห้องก่อนนะ” ว่าจบฉันก็หันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวขาลงจากรถเดินเข้าไปในคอนโดในที่สุด ทิ้งความสงสัยต่างๆ นานา ไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากมานั่งคิดให้ปวดหัว
หลังจากที่ฉันขึ้นห้องมาแล้ว ฉันก็รีบซอยเท้าวิ่งเข้าไปในห้องนอนถอดเสื้อผ้าออกเดินเข้าห้องน้ำต่อทันที ก่อนจะรีบเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลสัมผัสเรือนร่างอย่างเร่งรีบต้องการลบประโยคคำพูดจากพี่เธียรคนบ้านั้นออกไปให้หมด เพราะฉันไม่อยากประสาทเสียหลอนคำพูดของเขาจนต้องเอามือปิดหูแบบนี้!
“ให้ตายเถอะ แล้วฉันจะทำยังไงกับเสียงบ้านี้ล่ะ” ฉันพึมพำจบก็ยืนเท้าเอวใต้ฝักบัวด้วยสีหน้าเอาเรื่องตาบ้าพี่เธียร รู้สึกคับแค้นในใจจนอยากเอาเล็บขูดหน้านิ่งๆ นั้นที่ทำให้ฉันหลอนประโยคคำพูดของเขาได้ขนาดนี้
“ให้ฉันเตรียมตัวเหรอ คิดจะทำอะไร” โอ้ยเครียดโว้ย!