“มันเป็นอุบัติเหตุนะครับคุณเดือน ผมเองก็เสียใจมาก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากแลกชีวิตกับพรด้วยซ้ำ” น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาราวกับสายน้ำก็ไม่ปาน
“อย่ามาแก้ตัว สุดท้ายคนอย่างแกมันก็ไม่มีปัญญาดูแลน้องสาวฉัน เหมือนอย่างที่ฉันเคยมองแกไว้ไม่ผิดเลยสักนิด” เอื้อมเดือนเหยียดหยามชัชวาลย์ไม่จบไม่สิ้น เธอให้คนพาตัวเด็กชายชวกรออกไปจากบริเวณนั้น เพื่อไม่ให้เขารู้เรื่องบทสนทนาระหว่างเธอและชัชวาลย์
“ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับ ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ” นายชัชวาลย์ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เอื้อมเดือนฟังด้วยซ้ำ แต่เพราะความเกรงใจที่พรากน้องสาวของเธอมา ทำให้เขายังไม่กล้าเถียงเธอออกไป
“ถ้าเสียใจจริงก็ปล่อยปล่อยตากรให้ไปมีอนาคตที่ดี ไม่ใช่มาจมปลักกับคนที่ไม่มีอนาคตอย่างแก” เสียงของเอื้อมเดือนยังคงไว้ซึ่งความดูถูก
“หมายความว่ายังไงครับ” ชัชวาลย์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เอื้อมเดือนเอ่ย
“ให้ตากรไปอยู่กับฉัน ยกให้ตากรเป็นลูกบุญธรรมของฉัน แล้วฉันจะให้ทุกอย่างกับตากรในฐานะทายาทของฉัน” เอื้อมเดือนกล่าวเสียงเยือกเย็น
“ตากรเป็นลูกผม จะยากดีมีจนผมก็ไม่มีวันทิ้งลูกของผมเด็ดขาด” ชัชวาลย์โวยวายขึ้นมาอย่างเหลืออด ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรของเธออยู่ เขาเพิ่งจะสูญเสียหญิงอันเป็นที่รักไป แต่ตอนนี้เธอกลับจะมาพรากบุตรชายไปจากเขาอีกคน
“แล้วแกจะมีปัญญาให้อนาคตที่ดีกับหลานฉันเหรอ ดูสารรูปแกสิ แค่มีเงินกินให้พ้นเดือนฉันก็ว่าน่าจะหรูแล้ว” ความเกลียดชังทำให้เอื้อมเดือนดูถูกความเป็นคนของชัชวาลย์มากขึ้นเรื่อยๆ
“ถึงผมไม่มีปัญญาหาเงินได้มากมาย แต่ผมก็จะพยายามเลี้ยงตากรให้ดีที่สุด” ชัชวาลย์ยังดึงดันที่จะเลี้ยงบุตรชายด้วยตนเอง แม้จะลำบากอย่างไรเขาก็ไม่มีวันคิดจะทิ้งบุตรชาย
“คิดดูให้ดีนะว่าสิ่งที่แกกำลังทำอยู่นั่นคือความรักหรือความเห็นแก่ตัว” เมื่อเห็นว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล เอื้อมเดือนจึงเริ่มอ่อนลง เพราะเธอไม่ต้องการให้หลานของเธอเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
“ผมรักลูก ผมอยากดูแลลูก และที่สำคัญตากรคือตัวแทนความรักระหว่างผมและพร คุณได้โปรดกลับไปเถอะครับ” นายชัชวาลย์น้ำตาไหลเมื่อเอ่ยถึงเอื้อมพร เขาไม่อยากยอมรับความจริง ในสิ่งที่เอื้อมเดือนกำลังกล่าวอยู่
“ฉันรู้ว่าแกรักลูก แต่จะดีกว่านี้มั้ย ถ้าแกเห็นตากรมีอนาคตที่สดใส ได้เป็นทายาทเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคล้อยตาม เอื้อมเดือนก็เริ่มเดินเกมอย่างต่อเนื่อง
“ผมอยากอยู่กับลูก...” ชัชวาลย์เอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วเขาก็เงียบไป ทุกอย่างที่เอื้อมเดือนกล่าวมาล้วนเป็นประโยชน์กับบุตรชายทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้เขาจะเห็นแก่ตัวกอดบุตรชายไว้กับตน แต่ไม่มีอนาคตได้อย่างไร
“เริ่มเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดแล้วสินะ ยกตากรให้เป็นบุตรบุญธรรมของฉัน แล้วฉันจะให้เงินแกไปตั้งตัวก้อนใหญ่ แบบที่แกไม่มีวันจะหาได้เลยล่ะ” เสียงของเอื้อมเดือนตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกินสำหรับชัชวาลย์
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน ผมแค่ต้องการให้คุณดูแลตากรให้ดีที่สุด และให้การศึกษาเขาสูงสุดเท่าที่เขาต้องการ” ชัชวาลย์เอ่ยอย่างตัดสินใจ เขาไม่ควรจะรั้งบุตรชายไว้กับอนาคตที่ไม่แน่นอนของตน เขาควรจะปล่อยบุตรชายไปตามทางเดินที่มันจะนำพาชีวิตสูงส่งไปกว่านี้ แต่เขาลืมไปว่าบางทีเด็กน้อยอาจจะต้องการเพียงอ้อมกอดอุ่นของบิดามารดาเท่านั้น
“แกไม่ต้องห่วง นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว แกแค่เซ็นเอกสารยกตากรให้ฉันแค่นั้นพอ ส่วนเรื่องเงิน ในเมื่อฉันได้บอกแกไปแล้ว แกจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ช่าง ฉันก็จะให้มันกับแกเหมือนเดิม” เอื้อมเดือนกล่าวย้ำอีกครั้ง
“ตกลง ผมจะยกตากรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคุณ” แม้ว่าจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ ทิ้งลูกให้คนอื่นดูแล แต่ชัชวาลย์ก็จะน้อมรับมันแต่โดยดีเพื่ออนาคตที่ดีของชวกร