ชีวิตฉันวนลูปอยู่ที่เดิมซ้ำไปมา หลังจากที่ไอ้ปั้นกับไอ้ปัณณ์เพื่อนรักเพื่อนชั่วดีกันแล้ว เพื่อนเหี้ย ๆ อย่างฉันก็หมาเหมือนเคย
“ไอ้ปัณณ์มึงดูนั่น...อย่างแจ่มเลย...ไฟหน้าสูงด้วย”
ไอ้ไฟหน้าสูงนี่มันใช้เรียกผู้หญิงนมใหญ่ซึ่งฉันทำหน้าเอือม ๆ เพราะวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ได้พัก ก่อนจะต้องไปทำแลปที่มหาวิทยาลัยมันเลยชวนกันมานั่งดริ้งฟังเพลง ชิลล์ ๆ และเมื่อสองเพื่อนรักดีกัน เรื่องน้องแก้มหอมที่โดนเททิ้งไม่ไยดี ฉันเห็นน้องโพสต์เศร้าอยู่สองวัน เพราะแค่ไอ้ปั้นคุยด้วยน้องก็กดติดตามฉันทันที ฉันก็ติดตามกลับไม่ใช่เป็นมารยาท แต่เสือกเรื่องของน้องกับไอ้ปั้นคนที่ฉันคิดเกินเพื่อนอยู่นี่ไง
สุดท้ายไอ้ปั้นบล็อกน้องไม่ติดต่อกลับน้องก็เฮิร์ตหนัก กินเหล้าทุกวัน แต่ฉันรู้นั่นแหละ เด็กไอ้ปั้นก็ทรงนี้ทุกคน ตอนคุยน่ารักน่าทะนุถนอม แต่พอได้กันเสร็จก็เทเลย
แม้จะรู้ว่าเป็นข้อตกลงของไอ้ปั้นที่จะไม่กินผู้หญิงซ้ำ เพราะมันบอกว่าไม่เลือกใคร ดังนั้นเมื่อได้กินแล้วมันจะบล็อกทันที เดือดร้อนฉันเนี่ยแหละที่ต้องเป็นสนามอารมณ์ของผู้หญิงของมัน
นี่ไอ้สองตัวนั่นไปหลีหญิงอีกแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นนักศึกษาในมอเราแน่นอนที่มาบาร์นั่งชิลล์นี้คงเป็นที่ไหนไม่ได้หรอก ท่าทางคงจะไม่นักศึกษาคณะบริหาร หรือพยาบาลอ่ะ ทรงน่ารักแต่ร้ายลึกแบบนี้สเปกไอ้ปั้น แล้วก็ไอ้ปัณณ์ที่คั่วชั่วคราวแบบไม่ค้างคืนก็เดินไปชนแก้ว ฉันก็หันมาจิบเบา ๆ เพราะวันนี้สั่งคอกเทล ไม่อยากดื่มแรง ๆ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา แค่คืนนี้ก็ซัดเต็มที่รู้สึกร่างจะพัง
แต่ผ่านไปสิบห้านาทีโดยที่ฉันไม่ได้มองไปทางไอ้สองตัวนั้นก็เห็นไอ้ปัณณ์เดินกลับมาด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ
“ทำไม?” ไอ้ปุณณ์ถาม
“ไอ้ปั้นหิ้วหญิงกลับไปแล้ว”
เชี่ย...ดีลแค่สิบห้านาทีมันหิ้วกลับไปกินแล้ว เสือของจริง ฉันก็ถอนหายใจก่อนที่ไอ้ปัณณ์จะมาตบไหล่ฉันเบา ๆ
“ยังไงมึง”
“กลับดิ...กูง่วงแล้ว” นี่เพิ่งเที่ยงคืนซึ่งฉันบ่นง่วง แต่ปกตินอนเกือบเช้าทุกวัน แน่นอนเหตุผลควาย ๆ ของฉันเอง พยายามส่องกระจกทุกวัน ไอ้หุ่นแบบฉันหน้าแบบฉันนี่แม่งไม่ใช่สเปกไอ้ปั้นบ้างเลยหรือไงวะ
“มึงง่วง...แต่ไอ้ปั้นไปแง๊นน ๆ กับสาวแล้ว”
“เออ” ฉันว่าแล้วไอ้ปุณณ์ก็พาฉันสองคนกลับ เพราะวันนี้มันเป็นเวรขับรถไม่ดื่ม ซึ่งเป็นปกติเพราะสามคนนี้จะพลัดเวรกันขับรถถ้าดื่ม โดยจะมีหนึ่งคนคอยเก็บศพ
ฉันค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อเดินมาถึงรถไอ้ปุณณ์แล้วมองไปยังรถของไอ้ปั้นที่จอดถัดออกไปสองล็อกแล้วเห็นมันกำลังนัวเนียกันอยู่ในรถยังไม่ออกไปไหน
“เชี่ย...โรงแรมก็แค่นี้มั้ง” ฉันบ่นแล้วก็นั่งหน้าหงิกข้างไอ้ปุณณ์
“มึงบ่นทำไม มันก็ปกติ” ปุณณ์ว่า
เออ...ปกติทุกคนยกเว้นกูเนี่ยแหละไม่ปกติ เฮ้อ...เบื่อตัวเองวะ
ฉันกลับถึงคอนโดแยกจากไอ้สองคนนั้น เพราะมันอยู่ชั้นสูงกว่าเปิดเข้าห้องแล้วก็เดินไปล้างหน้าเช็ดเครื่องสำอางจากนั้นก็นอนดูทีวีบนเตียงแล้วก็หลับไป จนกระทั่งรู้สึกตัวเหมือนมีอะไรขยุกขยิกอยู่ข้าง ๆ จนสะดุ้ง
“เฮ้ย!”
“กูเอง”
เสียงนุ่มของคนคุ้นเคยดังขึ้น
ฉันถอนหายใจโล่งอก นึกว่าขโมยเข้าห้อง แต่ก็ลืมไปว่าที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก แล้วก็มีแค่ไอ้สามตัวที่เข้าห้องฉันได้ แต่วันนี้ไอ้ปั้นมาแปลกเสือกมานอนกับฉันหลังไปแดกหญิงจนอิ่มท้อง ฉันยกเท้าขึ้นถีบด้วยความโมโห
ปั่ก! ตุ้บ!
ไอ้ปั้นกลิ้งตกเตียงนอนไปก้นกระแทกพื้น
“ไอ้เหี้ยริน...ถีบกูเพื่อ” ไอ้ปั้นโวยวายแล้วฉันเห็นนาฬิกาดิจิตอลบนหัวนอนบอกเวลาตีสี่
“แดกกับหญิงอิ่มแล้วมานอนบนเตียงกูสกปรก...ไปนอนที่อื่น” ฉันด่ามันแล้วก็หงุดหงิดเรื่องมันอยู่แล้วเลยหาเรื่องตอนตีสี่เนี่ยแหละ
มันลุกขึ้นก่อนจะหน้ามึนเข้ามานอนเหมือนเดิมแล้วลากฉันลงไปนอน จากนั้นก็กอดเอาไว้
ไอ้เชี่ย...ไอ้ปั้นทำเชี่ยอะไรวะ!
“มึงกอดกูทำไม” ฉันดิ้น...เพราะมันไม่ค่อยเป็นแบบนี้เท่าไหร่ วันนี้มันมาแปลก
“กูก็กอดมึงเหมือนที่มึงละเมอกอดกูทุกคืน”
“....”!
ฉิบหาย...มันรู้เหรอไงวะ นี่ก็เนียนมาตลอดนะ ก็มันหลับทุกทีนี่หว่าตอนที่แอบกอดมัน หรือว่ามันรู้ตัวมาตลอด
“มึงอย่ามามั่ว...กูไม่เคยกอดมึง”
“หึ...กูมีหลักฐาน”
ฉิบหาย...เสียงหัวเราะคำหนึ่งในลำคอนั่นคืออะไร เพราะตื่นมาฉันก็ตื่นปกติ มันก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วท่าทางของมันที่ยกยิ้มแบบกวนตีนแบบนี้หมายความว่าไง
“มึงอย่ามา” ฉันว่าพลางผลักมันออก แต่ทว่ามันกระซิบข้างหูเสียงแผ่ว
“ถ้ากูมีหลักฐานจริง...มึงจะให้อะไรกู”
“หื๋ยยย...อย่ามากระซิบแบบนี้ กูเสี่ยว...เดี๋ยวผีผลัก” ฉันทำท่ารังเกียจมันก่อนจะหันไปอีกฝั่งพร้อมกับหลบหน้าที่เห่อร้อน ไปอีกทางไม่ให้มันเห็น
ไอ้เวร...ไม่คิดอะไรก็ขยันทำให้กูหวั่นไหว ยิ่งนอนใกล้ใจยิ่งสั่นนะ...
“ทำไม...มองหน้าหล่อ ๆ ของกูแล้วหวั่นไหวหรือไง”
อยากตอบเออ...กูหวั่นไหวมานานแล้ว แต่แม่งก็ต้องกัดฟันเอาไว้แล้วเงียบแกล้งหลับ จนกระทั่งมันเลิกตอแยฉันแล้วหันไปนอนเหมือนเดิม แต่พอจะตั้งใจหลับมันกลับพูดมาหนึ่งคำ
“กูไม่ได้นอนกับใคร...เหมือนมึงนะ”
หมายความว่าไง...ไม่ได้นอนกับใครเหมือนฉัน...หมายถึงนอนเฉย ๆ จับมืองี้เหรอ...นี่คือต้องให้คิดยังไงอ่ะ แม่งพูดมาไม่เคลียร์ แต่พอหันหน้าจะไปเคลียร์มันกลับหันหน้ามาแล้วยิ้มตาใส ราวกับรู้อยู่แล้วว่าฉันจะหันมา
“กูไม่ได้เอากับใครนานแล้ว”
“....”
“ไม่เคยไปค้างกับใครยันเช้าเหมือนที่ค้างกับมึง”
“....”
“แล้วก็ไม่ได้มั่วด้วย...เพราะฉะนั้นกูไม่ได้สกปรก”
“....”
ช็อตไปสามรอบ แม่งกะเอาให้ตายเลยหรือไงวะ ไอ้ปั้นมันชอบเล่นกับใจฉันจริง ๆ นะ บางทีก็ทำเหมือนแคร์และใส่ใจ แต่บางทีก็เหมือนไม่คิดอะไรเลย จนทำให้ฉันไม่กล้าที่จะไปต่อ
สุดท้ายฉันก็จ้องเข้าไปในดวงตามันแต่กลับสู้สายตาหวาน ๆ ของมันไม่ไหวแล้วก็หลบตาไปเอง ก่อนจะหันไปอีกทางแล้วก็พูดกับมัน
“เรื่องของมึงดิ...บอกกูทำไม”
มันหัวเราะหึมาหนึ่งคำแล้วก็ดึงฉันไปกอด แม้จะดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุดสุดท้ายก็ต้องยอมให้มันนอนกอด โดยที่แอบยิ้มอยู่ในความสลัวของห้อง
มาให้ความหวังทำไมวะ