ปัณณ์ : โทรมาทำอะไรแต่เช้าไอ้เหี้ยริน
ริน : โถ...ไอ้คนดี...ซื้อข้าวมาให้กูแดกด้วย มึงอยู่ไหน พี่ชายมึงทำหน้าส้นตีนใส่กู เล่ามาเรื่องอะไร
ปัณณ์ : เรื่องมันยาว
ริน : กูสอบเสร็จค้า...แล้วว่างฟัง
ปัณณ์ : เหี้ย!
ริน : เหี้ยเต็มห้องกูแล้วเดี๋ยวกูต้องไปซื้อโครงไก่มาทำให้เหี้ยอย่างพวกมึงด้วย จะพูดได้ยัง
ปัณณ์ : กูอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วยกัน
ไอ้ปัณณ์วางสายไปแล้วก็ทิ้งความสงสัยเอาไว้ให้ฉัน สุดท้ายไม่อยากเจอหน้าไอ้ปั้น ยังนอยเรื่องเมื่อคืนอยู่ก็เลยส่งข้อความบอกมันว่าจะไปหาอะไรกินกับไอ้ปัณณ์มันจะไปไหม
แต่...เงียบ!
ช่องแชตตัวแสบ!
@ปั้น กูจะไปกินข้าวกับไอ้ปัณณ์มึงจะไปไหม
‘ปั้นอ่านแล้ว’
ไอ้เหี้ยนี่เป็นอะไรอ่านแล้วไม่ตอบ แต่ช่างแม่งเหอะ ปล่อยให้ติสไป สงสัยเมื่อคืนอาจจะอดเลยงุ่นง่าน ฉันเลยลงไปกินข้าวกับไอ้ปัณณ์ ซึ่งคอนโดเราอยู่ที่เดียวกันเพียงแค่คนละชั้น
ของไอ้สองแฝดอยู่ชั้นยี่สิบสาม ส่วนของชั้นอยู่ชั้นยี่สิบซึ่งฉันก็ไปนั่งรอมันที่หน้าล็อบบี้ ซึ่งเป็นปกติที่ฉันไปรอเพราะพวกมันมักจะนัดกันที่นี่
แต่เมื่อลงมาเจอไอ้ปัณณ์แค่คนเดียว ไอ้แฝดพี่หายหัว ส่วนไอ้ปั้นนอนที่ห้องฉันจนฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ แล้วไอ้สามตัวนี่เป็นอะไรกัน
ฉันเปิดประตูไปนั่งในรถบีเอ็มสีดำของไอ้ปัณณ์ ปกติไปไหนมาไหนฉันจะติดรถไอ้ปั้นไป มันสามตัวมีรถคนละคัน มีคอนโดนับไม่ถ้วน แค่ไอ้ปั้นไม่ได้มีคอนโดที่นี่ แต่อยู่ตึก ข้าง ๆ ที่แพงกว่า แต่นั่นก็ทำให้พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันสะดวก และก็ตัวติดกันตลอดแทบไม่ได้แยกจากกันเลยตั้งแต่เรียน ม.5
ครั้งนี้แทบจะเป็นครั้งแรกที่พวกเราแยกกัน ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ
“พวกมึงมีอะไร” ฉันถามขึ้นหลังคาดเบลต์เสร็จยังไงวันนี้ต้องรู้ให้ได้
“กินข้าวเสร็จค่อยเล่าได้ไหมล่ะ” ไอ้ปัณณ์ทำเสียงหงุดหงิด
“ทำไม...พวกมึงตกลงกันไม่ได้หรือไงว่าใครก่อนใครหลัง...หรือยังไง”
“ก่อนหลังอะไรของมึง” ไอ้ปัณณ์ถาม
“ก็แบบ...ฟีดสองต่อหนึ่งไง”
“เหี้ยแล้ว...มึงไปเอามาจากไหน” ไอ้ปัณณ์ถามพลางทำหน้าสงสัย
เอ้า...ไม่ใช่เหรอ...ก็ไอ้ปั้นมันบอกไอ้ปัณณ์ไม่โอเค
เดี๋ยวนะ...นี่อะไรกันวะ และฉันก็เก็บความสงสัยเอาไว้จนกระทั่งถึงร้านข้าวเจ้าประจำที่เป็นร้านข้างทางเนี่ยแหละ แต่ร่มรื่น ทำกะเพราหมูกรอบอร่อย ซึ่งพวกมันไม่ค่อยชอบร้านที่ไม่มีแอร์กันหรอก แต่ฉันชอบก็เลยจบพวกมันเลยตามใจ แต่เมื่อลองร้านข้างทางติดใจไอ้รถหรู ๆ ของพวกมันก็แวะแต่ร้านนี้
“ป้าเอากะเพราหมูกรอบสองจาน เกาเหลาเนื้อตุ๋นอีกสองค่ะ” ฉันเป็นคนสั่ง จากนั้นเดินไปหยิบน้ำอัดลมขวดแก้วแช่เย็นเจี๊ยบมาเปิดแล้วก็เทใส่แก้วน้ำแข็งที่ไอ้ปัณณ์เป็นคนเดินไปตักมาให้
“มึงจะเล่าได้ยัง” ฉันถามขณะที่มันยังหน้าบูดเหมือนตูดหมาที่ท้องผูกเบ่งไม่ออก
“เออ...กูทะเลาะกับไอ้ปั้นนิดหน่อย”
“เรื่อง?”
“เด็กมัน”
“แล้ว”
“ก็เด็กมันร่าน...กูไม่ได้จะด่าผู้หญิง แต่เกินไปไอ้สัตว์ ลับหลังไอ้ปั้นก็หลีไอ้ปุณณ์ มึงก็รู้ไอ้ปุณณ์หื่นเกิดหน้ามืดตามัวขึ้นมาทำไง...ถ้าเด็กนั่นอ่อยใครสักคนกูจะไม่ว่าเลย นี่กะเหมา”
อ้อที่แท้ก็อย่างนี้เอง
“กูว่าน้องเขาก็คิดดีนะ...กำไรเห็น ๆ ได้กับหนุ่มหล่ออย่างพวกมึง คงตั้งใจเรียนน่าดู ไม่จัดให้น้องเขาล่ะ” ฉันแซวมันขำ ๆ เห็นท่าทางมันจริงจังโคตร ๆ ผิดกับนิสัยเลว ๆ อย่างมันที่ทิ้งหญิงเป็นว่าเล่น
“มึงลองไหมล่ะ”
“...”
อื้ม...สะอึกไปเลยฉัน...มันให้ฉันลองเสียอย่างนั้น
“มึงก็เลยหึงไอ้ปั้น?” ฉันยกยิ้มกวนตีนส่งไปหนึ่งกรุบแต่มันเอามือมาตีหน้าผากฉันหนึ่งที
แปะ!
“ไอ้เหี้ยปัณณ์มึงนะ...กูปวดหัวอยู่เดี๋ยวแม่งจะกลับไปนอน นี่ข้าวมื้อแรกในรอบสองวันของกูเลย” ฉันด่ามันที่มันมาตีหน้าผากฉัน
“ก็ไม่แปลก”
“ไม่แปลกเหี้ยไรพูดดี ๆ นะสัดเดี๋ยวกูจับแทงด้วยส้อม” ฉันว่าพลางหยิบส้อมมาถือ
“ปกติแดกหญ้า”
“เหี้ย!” ฉันด่าไปหนึ่งคำ
กินข้าวเสร็จก็บ่ายสองแล้ว ฉันเดินอย่างขี้เกียจขึ้นมาบนห้อง จากนั้นก็วางข้าวไว้ที่โต๊ะกินข้าวในครัวแล้วก็เดินเข้าไปเรียกไอ้ปั้นที่ทำตัวติสแตกเหมือนอกหักในห้อง
“ไอ้ปั้นไปแดกข้าว...แดกหญ้ามาเยอะแล้วกินข้าวมั่ง” ไอ้ปัณณ์ด่ามาเลยต้องหาที่ลง และแน่นอนไอ้ปั้นเป็นที่ลงชั้นดีให้ฉันระบายอารมณ์
“ไอ้สัดริน”
มันด่าได้แล้วคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แล้วก็เริ่มคุยทันที
“เรื่องไอ้ปัณณ์มึงไม่ต้องห่วงนะ กูคุยแล้วถ้ามึงจะคบน้องต่อมันไม่ได้ติดอะไร เรื่องของมึง”
ใช่มันไม่ติด ติดที่กูเนี่ยไม่โอเคเลยถ้าไอ้ปั้นมีแฟน
เฮ้อ...Friend Zone
“ทำไมต้องคบ”
“เอ้าไอ้นี่...เสือกมาถามกู ไม่ใช่เพราะทำหน้าเหมือนส้นตีนเป็นตาปลาเพราะเครียดเรื่องน้องแก้มหอมหรือไง”
นี่กัดฟันพูดแล้วนะ ทั้งที่แม่งในใจเจ็บไปหมด
เหี้ยเอ้ย...ต้องมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องหัวใจให้คนที่แอบชอบ เหี้ยฉิบหาย
“ก็มึงไม่ได้เสียใจอยู่เหรอ”
“กูกับน้องแก้มหอมไม่เคยคบกัน”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
มันตอบหน้านิ่งแต่ฉันใจเต้นตุบตับ เต้นแรงมากเหมือนจะหลุดจากอก อยากจับมันมาหอมแก้มจังเลยโว้ย
“ไอ้สัดริน...ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้น กูบอกแล้วไงกูไม่เลือกใครทั้งนั้น” แม่งเจอคำพูดนี้เหมือนแผลกลัดหนองกำเริบเลย
ไม่เลือกใครไม่พอไม่เลือกกูด้วย!