“แล้วนายต้องการอะไรกับฉัน ต้องทำยังไงนายถึงจะเลิกตอแย”
เขายิ้มมุมปาก หลังได้ยินคำถาม
“ฉันจะต้องการอะไรจากเธอละ แค่สมเพชอยากช่วยค่าเทอม ฉันบอกเธอหลายรอบแล้วนะ”
ตาคุมดุมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน เขาคงสะใจไม่น้อย ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้
“ที่ผ่านมาถ้าฉันเคยทำให้นายโกรธ เอาเป็นว่าฉันขอโทษ ขอให้เลิกแล้วต่อกันจะได้มั้ย”
เธอรู้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะเขาเคยผิดหวังที่สารภาพรักกับเธอ แล้วโดนเธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่นั่นมันก็เรื่องหลายปีมาแล้ว ให้กลับไปแก้ไขอะไรคงไม่ได้แล้ว
“ไม่มีอะไรชดใช้ความเจ็บปวดของฉันได้ นอกจากเห็นเธอทรมานเหมือนที่ฉันเคยเป็น”
คราวนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนฟังถึงกับเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วโยนเงินใส่หน้าเธอ
พรึบ!!
และเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ผ้าแพรเม้มปากไว้แน่น หรือจะบอกเขาเรื่องทางบ้านเธอดี เผื่อเขาจะเกลียดเธอน้อยลงบ้าง
ปึก
“โธ่เว้ย!!หายไปตั้งหลายปี ยังจะกลับมาทำไมอีกวะ”
ปกป้องเคาะพวงมาลัยอย่างแรง เหมือนเขาจะเกลียดเธอไปแล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นหน้าเธออยู่ อยากเย้ยหยันเธอที่ตกอับแบบนี้ เขาไม่ได้กลับคอนโด แต่เลือกที่จะจอดอยู่อย่างนั้น จนเห็นเธอเดินออกมาจากผับ และเรียกแท็กซี่กลับไป เขาจึงขับตามไปช้าๆ จนถึงอพาร์ทเม้นที่เธอพัก
ซึ่งเป็นอพาร์เม้นกลางเก่ากลางใหม่ ที่มีความสูงแค่6ชั้น เธอจนจริงไม่ได้แสร้งทำ จากนั้นเขาก็ขับรถกลับคอนโดตัวเองไป
ซ่า!!!
เขาอาบน้ำชำระร่างกาย เผื่อจิตใจจะสงบบ้าง
แต่ไม่เลย หน้าเธอยังคงลอยวนเวียนในสมองเขาไม่เลิก ทั้งที่มึนขนาดนี้แต่ก็ยังลืมหน้าผู้หญิงใจร้ายคนนั้นไม่ได้ซักที
เช้าที่มหาลัย
“ผ้าแพร ใบพัด ทำไมพวกแกหักโหมแบบนี้วะ
ดูสภาพแกสองคนดิ อิดโรยมาก”
พอมาถึงมหาลัย พวกเราสองคนก็เอาแต่ง่วงหงาวหาวนอน ตามประสาคนพักผ่อนไม่เพียงพอนั่นแหละ
“อีก3วันต้องจ่ายค่าเทอมแล้วอะ เงินฉันยังไม่พอเลย”
ฉันรีบสารภาพกับเพื่อนไปตามตรงนั่นแหละ ขี้เกียจฟังพู่กันบ่น
“ก็ฉันบอกแล้วไง ถ้าขาดเหลืออะไรบอกฉัน ฉันให้แกยืมก่อน แต่ถ้าแกไม่มีคืนเอาไปเลยก็ได้”
ฉันเข้าใจนะว่าเพื่อนอยากช่วย แต่ฉันหาด้วยตัวเองมันสบายใจกว่า
“พู่กัน แกฟังฉันนะ ฉันอยากยืนด้วยลำแข้งตัวเอง จะให้ฉันมาอาศัยเพื่อนตลอด มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าฉันตันจริงๆยังไงฉันนึกถึงแกแน่”
เพื่อนฉันพร้อมช่วยเหลือตลอด แต่ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองว่าฉันคบเพื่อนเพราะเงิน
“กาแฟมาแล้วค้าบสาวๆ ”
สิงหาเพื่อนอีกคนในกลุ่มหิ้วกาแฟมาให้ และก็เป็นแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ
“ผ้าแพร ทำไมทำงานหนักแบบนี้หละ ใบพัดก็ด้วย เราควรหาวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเองบ้างนะ”
สิงหาพูดอย่างเป็นห่วง
“นายไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเงินพอจ่ายค่าเทอมเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราสี่คนไปเที่ยวกัน โอเคป่ะ”
ฉันรีบเสนอเรื่องเที่ยว เพราะไม่อยากให้เพื่อนพูดเรื่องนี้อีก
“ดี/ดี”
สองสาวยิ้มกว้างเห็นด้วย ส่วนสิงหาก็พยักหน้ารับ
“เออเดี๋ยวเที่ยงไปกินข้าวร้านเปิดใหม่กัน อยู่ฝั่งนู้นอะ เห็นไอ้พวกนั้นมันบอกอาหารอร่อย”
สิงหาเอ่ยชวน
“แล้วจะไปกันยังไงอะ รถพู่กันนั่งได้แค่2คน ส่วนรถสิงหาก็บิ๊กไบค์ ”
ใบพัดพูดขึ้น
“งั้นเดี๋ยวแกไปกับพู่กัน ฉันซ้อนท้ายสิงหาก็ได้”
ฉันไม่ได้ติดอะไร เพราะเคยซ้อนท้ายสิงหาบ่อยๆ ถึงมันจะสูงมากๆก็เถอะ
“โอเคตามนั้น งั้นพวกเราไปเรียนกัน”
เมื่อตกลงกันได้ พวกเราก็เข้าเรียนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็นตัวฉันนี่แหละ ที่เอาแต่นึกถึงหน้าปกป้อง ทั้งที่พยายามหลีกหนีเขามาตลอด ไม่อยากให้เขาพบเจอ ไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันอยู่ที่ไทย แต่ในเมื่อเขารู้แล้ว ต่อไปคงต้องเผชิญหน้ากับเขาบ่อยๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนเจ้าของผับหนิเนาะ หลีกเลี่ยงยังไงได้
“ผ้าแพร ผ้าแพร ยัยผ้าแพร”
“ห๊ะ!!แกเรียกทำไมเสียงดังพู่กัน ฉันตกใจหมดเลย”
ฉันรีบเอามือทาบที่อก เมื่อเพื่อนเรียกฉันเสียงดังมาก
“ฉันเรียกแกหลายรอบแล้วต่างหาก แกนั่นแหละ
เหม่ออะไร”
นั่นนะสิฉันเหม่ออะไร
“เปล่าซะหน่อย ฉันน่าจะเบลอเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอต่างหาก”
ฉันรีบแก้ต่างกับเพื่อน
“หรือว่าแกจะเหม่อหาพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นน้า”
อยู่ๆพัดก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนฉันต้องรีบเอามือปิดปากพัดไว้
“ใครผ้าแพร ”
เสียงเข้มของสิงหาเอ่ยถาม จ้องฉันตาเขมงเพื่อรอคำตอบ
“ไม่มีหรอก ใบพัดพูดเล่นหนะ ใช่ไหมใบพัด”
ฉันถามใบพัดทั้งที่ยังเอามือปิดปากอยู่
“อื้ม”
ใบพัดรีบพยักหน้า ฉันก็เลยปล่อยให้ใบพัดเป็นอิสระ
“แน่นะ รู้ใช้ไหมว่าฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเธอ เธอคือเพื่อนที่เราห่วงและก็หวง ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ดีจริง เราไม่ยอมให้เธอคบกับใครหน้าไหนทั้งนั้น ”
สิงหาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนฉันกับใบพัดถึงกับหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าสิงหาจะโกรธมากขนาดนี้
“อื้ม เข้าใจอยู่แล้ว นายอะคิดมาก”
เราสามคนลอบมองหน้ากัน นับวันสิงหายิ่งแสดงออกกับฉันมากกว่าเพื่อน และเรา3คนก็รู้มาตลอดนั่นแหละ
“งั้นไปกันเถอะหิวแล้ว”
พู่กันรีบตัดบท และเราก็แยกกัน ใบพัดไปกับพู่กัน ส่วนฉันไปบิ๊กไบค์กับสิงหา ตามที่เราได้คุยกันไว้นั่นแหละ
“มานี่ใส่หมวกกันน็อคก่อน”
สิงหาเอาหมวกกันน็อกที่มีแค่ใบเดียวมาใส่ให้ฉัน
“ทำไมนายไม่ใส่อะ ”
“มันร้อนเดี๋ยวผิวเธอเสีย”
พอได้ฟังคำตอบฉันก็ยิ้มให้เพื่อน เขาใส่ใจฉันแบบนี้มาตลอด เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอดเลย
“ขอบใจนะ”
สิงหายิ้มให้ฉัน และเราก็รีบไปกินข้าวที่ร้านเปิดใหม่กัน ก็ไกลจากมหาลัยเราออกไปอีก ไม่นานเราก็มาถึง แต่พระเจ้าคนเยอะมาก
“สิงหาทำไมคนเยอะแบบนี้ ”
ฉันมองไปรอบๆคนนั่งเต็มร้านไปหมด
“ ไม่ต้องห่วงหรอก เราโทรสั่งข้าวไว้แล้ว
และก็จองโต๊ะไว้แล้วนะ เข้าไปข้างในกัน”
พอเพื่อนพูดแบบนั้น ฉันก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย
นึกว่าจะต้องรอคิวนาน ถ้าแบบนั้นฉันคงไม่ได้งีบกันพอดี
“ ชื่อสิงหาครับที่สั่งไว้4จาน”
พอมาถึงที่ร้าน สิงหาก็รีบแจ้งที่เคาน์เตอร์
“ คุณสิงหาใช่ไหมคะ โต๊ะจะอยู่ทางด้านโน้นค่ะ
ที่ติดกับกลุ่มที่ใส่เสื้อช็อปสีแดง”
พอพนักงานแนะนำโต๊ะที่พวกเราจะนั่ง ฉันก็มองไปยังกลุ่มใส่เสื้อช็อปสีแดง ตามที่พนักงานบอก
เอาจริงก็ไม่ใช่สีแดงหรอก ก็ออกจะเป็นสีเลือดหมูนั่นแหละ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะที่สำคัญกว่านั้นก็คือ โต๊ะนั้นดันเป็นโต๊ะของคุณไดจิ เจ้านายฉันและที่สำคัญยังมีปกป้องนั่งอยู่ด้วย
คนที่ฉันไม่อยากเจอเลยสักนิด ทำไมโลกมันกลมแบบนี้
“ ผ้าแพรเป็นอะไร ไปนั่งที่โต๊ะได้แล้ว”
ฉันยังยืนใบ้อยู่นาน จนสิงหาดึงมือให้ฉันไปนั่งที่โต๊ะ ฉันนั่งลงด้วยใจที่เต้นระส่ำ เพราะกลัวว่าเขาจะพูดอะไรขึ้นมา
“ เดี๋ยวเธอนั่งรออยู่นี่นะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
และสิงหาก็ปล่อยให้ฉันนั่งรอที่โต๊ะคนเดียว และยังจะตรงข้ามกับนายนั่นอีก
“ อ้าวพี่ผ้าแพร มาทานข้าวร้านนี้เหมือนกันหรอคะ”
เสียงหวานของแฟนเจ้านายเอ่ยถาม
“ ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะคุณไดจิ น้องลินิณญ์”
ฉันสวัสดีเจ้านาย และก็พยักหน้าให้กับทุกคน
ที่มีทั้งผู้หญิงและก็ผู้ชาย ที่นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่
ยกเว้นปกป้องที่ฉันไม่แม้แต่จะมองหน้า
“ สวัสดีครับ”
และทุกคนก็พยักหน้าให้ฉันเหมือนกัน
“ ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ เมื่อคืนเธอยัง..”
พอฉันไม่สนใจ เขาก็เอ่ยถามฉันขึ้น
และยังเว้นท้ายประโยคไว้ ด้วยความน่าสงสัยให้คนอื่นคิดอีกด้วย
“ นี่นาย”
ฉันมองเขาตาขวาง ไม่อยากให้เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะพลอยทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมด
“เหอะ!”
และเขาก็ตอบกลับมา ด้วยเสียงหัวเราะอันเย้ยหยัน และรอยยิ้มที่ยียวนกวนประสาท
จนฉันต้องรีบหันหน้าไปทางอื่น เพราะเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน
“ โหคนเยอะมากเลยอ่ะผ้าแพร ดีนะที่โทรจองไว้ก่อน”
พอเพื่อนมาถึงบทสนทนาทุกอย่างก็จบลง ฉันไม่ได้หันไปสนใจปกป้องอีก และสิงหาก็เดินถือน้ำกลับมาพอดี