ตอนที่ 5 ไม่รู้อะไรเสียเลย

1098 Words
“เมืองเยี่ยนจือคังตีแตกพ่าย อีกทั้งแคว้นเจ้าไท่ฟู่ทรงนำชัยชนะมาสู่แคว้นเรา ตอนนี้มีศึกตีขนาบอีกทางตอนใต้ ข้าควรให้ใครไป ไหนพวกท่านลองบอกข้าหน่อยสิ” ต้าหวาง ทรงตรัสด้วยสุรเสียงเป็นกังวล “แคว้นเจียนอยู่ทางตอนเหนือทุรกันดาน เป็นหุบเขาทะเลทราย เจ้าแคว้นซีเยี่ยน่าจะนำทัพไป เพราะท่านคุ้นชินกับทะเลทราย” “ไม่ได้ๆ เจ้าแคว้นทรงทำศึกมามาก ตอนนี้ควรหยุดพักบ้าง” “ใต้เท้าเซี่ยท่านอย่าดูถูกข้า ข้ายังแข็งแรง สามารถต่อกรกับทัพข้าศึกได้” “ต้าหวางข้าขออาสา” ชายหนุ่มพูดขึ้น นามว่ามู่ซือเอ่ยขึ้น “ข้าอนุมัติให้ มู่ซือนำทัพไปโจมตีแคว้นซีเยี่ย เจ้าอยู่กับฟู่จวินที่เป็นเจ้าแคว้นตลอด เจ้าน่าจะรู้ทางหนีทีไล่ทำให้ชนะศึกในครั้งนี้” ต้าหวางทรงตรัส “ขอบพระทัยที่ทรงวางใจ” มู่ซือคุกเข่าลงแล้วบังคม และลุกขึ้น “ให้เวลาเจ้าจัดทัพสามวัน พร้อมทหารห้าหมื่น ถ้าเจ้าทำสำเร็จข้าจะพระราชทานงานแต่งให้กับเจ้า” “ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ” มู่ซือรับพระบัญชาทันที จวนสกุลกงซุน ใต้เท้ากงซุนหม่าได้เชิญใต้เท้ามู่เซี่ย และมู่ซือเข้ามายังเรือนเพื่อปรึกษาหารือกลศึกระหว่างที่ออกไปรบ ใต้เท้ากงซุนจึงเปิดแผนที่บนผนังออก แล้วใช้ไม้ทองคำชี้ไปยังแคว้นจ้าวที่อยู่ติดทะเล และบอกแผนที่ “จู่โจมได้ทันท่วงทีคือการให้กองหน้าล้อมหน้าทะเลไว้ยิงปีนไฟไม่ให้ขาดสาย ส่วนอีกครึ่งให้เข้าหลังเขาปีนขึ้นกำแพง อย่างรวดเร็วควรใช้ทหารสักร้อยคน เพราะด้านหลังคงไม่มีคนเฝ้ามากนัก ให้เข้าไปในวังและสังหารทหารทิ้งชะ แล้วจับเจ้าแคว้น และให้เหล่าทหารได้เห็นว่าเจ้าแคว้นเป็นตัวประกัน ทุกคนจึงจะทิ้งอาวุธรับความพ่ายแพ้” กงซุนหม่าเอ่ยบอก “ขอรับข้าท่านอา จะทำตามที่ท่านสั่งสอน และอาจเสียไพร่น้อยที่สุด ถือเป็นการดีต่อฝ่ายเรา” มู่ซือเอ่ยขึ้น “สิ่งสำคัญคือ เจ้าแคว้นจ้าวมันฆ่าทหารจงรักภักดีไม่รู้จักกี่คน ความโง่ของมัน อาจทำให้เราชนะในศึกครั้งนี้” มู่เซี่ยเอ่ยขึ้น “เจ้าต้องระวังตัวให้ดี” กงซุนหม่าเอ่ยกำชับ “ขอรับ” มู่ซือรับคำ สองวันผ่านมา ผิงถิงไม่ได้เจอมู่ซืเพราะเขาต้องเข้าไปตรวจดูกำลังทหาร จึงไม่มีเวลามาหานาง นางจึงเลือกไปดูการย้อมไหมที่โรงย้อม นางกลับพบว่ามู่ซือยู่ที่นั้นด้วยเขาใส่ชุดสีดำแดง เนื้อผ้าชั้นดีลายปักงดงาม ตามภาษาของบุตรเจ้าครองแคว้น เขาจึงชักชวนผิงถิงมทพูดคุยที่เนินเขา เขาจึงจับมือนางไว้ทั้งสองมือแล้วเอ่ยขึ้น “ผิงถิง” “มีอะไร ทำไมต้องลับลมคมในด้วย มีอะไรก็พูดมาเถิด เราเป็นสหายกันอย่าได้เกรงใจ” ผิงถิงกล่าวเช่นนี้ เขารู้สึกนางทำตัวเหินห่าง เขารู้สึกว่านางลากตนลงหลุมลึกจนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาได้ เขาเห็นผิงถิงมาแต่เล็กเป็นเพื่อนกับนางมานาน ไม่ว่านานเท่าไรนางก็เห็นตนเป็นแค่สหาย “มู่ซือ มู่ซือ” ผิงถิงเรียกสติเขา เขาจึงยิ้มให้แก่นาง “ข้าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ข้าคิดว่าหลังจากรบชนะมา ข้าอยากให้เจ้าครองตัวเป็นโสด ข้าจะมาสู่ขอเจ้าไปฟูเหรินของข้า เจ้าจะรับปากได้หรือไม่” ผิงถิงมองเขาด้วยตากลมโตด้วยความตกใจ แต่ในใจคิดกับเขาเป็นแค่สหายมาตลอด แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นฟูเหริน ฟูจวินกันคงแปลกน่าดู แต่เหตุใดทำไมเหมือนเส้นบางๆ ขวางกัน ให้ยังคิดว่าเขาเป็นแค่สหาย ทั้งที่เขาเองเป็นคนดีตามคำบอกเล่าของฟู่จวินเคยเล่าบอกเอาไว้ อีกทั้งเขายังเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าแคว้น แต่นางเองหาสนใจตำแหน่งนายหญิงในอนาคต ถ้าเป็นหญิงอื่นคงวิ่งเข้าใส่อย่างไม่รั้งรอในคำขอของเขาไปแล้ว “ผิงถิง ข้าชอบเจ้า” ไม่ทันให้นางได้พูดสิ่งใด เขากลับโอบกอดนางทันที งุนงงกับการกระทำของเขา ทว่าผิงถิงดันเขาให้ออกจากอ้อมกอด เขาจึงปล่อยให้นางเป็นอิสระทันที “ข้า…คือ…ข้า” ผิงถิงนางไม่รู้จะเอ่ยคำใดให้ดูดีได้ ในหัวของนางมีเพียงคำว่าสหายให้เขาเพียงคำเดียวเท่านั้น ไม่อาจเป็นอื่นได้ “เจ้าไม่ต้องบอกว่าชอบข้าหรือไม่ ในตอนนี้ รอข้ากลับมาเจ้าค่อยบอกข้าก็แล้วกันน่ะผิงถิง” เขาเอ่ยเช่นนี้ แล้วส่งของให้นางหนึ่งชิ้นที่อยู่ในถุงผ้าสีแดง ผิงถิงจึงรับไว้แล้วเปิดออกดูเป็นกำไลหยกสีขาว ดูมีค่าเพราะดูแล้วน่าจะเป็นของเก่าแก่ เขาจึงเอ่ยต่อ “ของชิ้นนี้เป็นของเหนียงชินของข้า ข้าขอฝากเจ้าไว้ เมื่อข้ากลับมา ข้าจะมาเอาจากเจ้า” “ข้าเก็บของมีค่าขนาดนี้ไม่ได้หรอก” ผิงถิงใส่ห่เช่นเดิม แล้วยืนคืนให้เขา เขาจึงดันให้นางรับไว้แล้วเอ่ยกล่าว “เก็บไว้ แล้วข้าจะมาเอาคืน” มู่ซือเอ่ย แล้วจึงเดินไปขึ้นม้า ออกจากตรงนั้นไปทิ้งให้ผิงถิงดูกำไลหยกเพียงลำพัง ผิงถิงนั่งอยู่หน้าคันฉ่อง นางมองใบหน้าของตน และเอาแป้งสีชาด แต่งแต้มแก้มของตน สาวใช้นามเยี่ยลี่กำลังมวยผมประดับปิ่นให้นาง “ใต้เท้ามู่ซือมาไวไปไว อีกเป็นปี อาจสองปีถึงจะกลับมา” เยี่ยลี่เอ่ยขึ้น “ใช่ เขาเป็นเพื่อนที่ดีกับข้าเสมอมา ก่อนที่จะไปอยู่แคว้นซีเยี่ยกับใต้เท้ามู่” ผิงถิงเอ่ยขึ้น “คุณหนูไม่เคยชอบเขาหรือคะ” “ชอบสิ ชอบมาก เขาเป็นคนดี และข้าที่ชอบเขา เลยเป็นเพื่อนกันกับเขา” “คุณหนูท่านช่าง ไม่รู้อะไรเสียเสียเลย” “รู้อะไร” ผิงถิงเอ่ยถาด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เยี่ยลี่ถอนหายใจกับความใสซื่อของคุณหนูของนาง ทั้งที่น่าจะดูออกว่าใต้เท้ามู่ซือมีใจให้นาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD