ณ วังพงศ์เจริญ
"พวกหล่อนกำลังยืนมุงดูอะไรกัน การงานไม่มีทำหรือไร" เสียงหญิงชราดังขึ้นเมื่อพบเห็นเหล่าบรรดาสาวใช้ยืนมุงดูอะไรบางอย่าง
"มีค่ะ แต่ว่า..."
หนึ่งนางสาวใช้แห่งวังพงศ์เจริญค่อยๆ ชี้นิ้วไปทางห้องครัวที่ตอนนี้มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดจานชามกองเท่าภูเขาอยู่เพียงลำพัง ด้วยความคล่องแคล่วทะมัดทะแมง ก่อนที่หญิงชราจะรีบวิ่งเข้าไปห้ามปราม
"ท่านชายกำลังทำอะไรอยู่ หยุดเถอะค่ะอย่าทำแบบนี้ งานพวกนี้เป็นของสาวใช้นะคะ มันไม่คู่ควรกับเกียรติของท่านเลยสักนิด" หญิงชราคว้าจานจากมือท่านชายที่กำลังล้างด้วยความตั้งใจออกจากมือแล้ววางลงในอ่างล้างจานตามเดิม แล้วจับมือของท่านชายล้างน้ำเปล่าจนสะอาดหมดจด
"ทำไมเราจะล้างจานพวกนี้ไม่ได้หรอแม่นม เราเคยทำงานพวกนี้มาก่อน จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว หากเราไม่ได้ทำแล้วให้เราอยู่เฉยๆ เราคงอยู่ไม่ได้ เราเคยทำงานทุกวัน เคยปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาด ตัดแต่งต้นไม้ รดน้ำพรวดดินและอะไรอีกหลายอย่างที่คนเป็นพ่อบ้านต้องทำ เราอยู่กับสิ่งพวกนี้มานานหลายปี อย่าให้เราเลิกทำเลยนะ"
สีหน้าแววตาของท่านชายแสดงออกถึงความจริงใจและความรู้สึกทั้งหมดเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกต่อแม่นมคนที่เขารักและเคารพ ทำให้หญิงชราผู้เป็นแม่นมเก่าแก่ประจำวังต่างมีความเข้าใจในความรู้สึกท่านชายดี แล้วจับแขนท่านชายดึงเข้ามาโอบกอดด้วยความรัก ประคองท่านชายให้นั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกแล้วตนเองนั่งลงด้านข้างกายท่านชาย
"ท่านชายฟังนมนะ บัดนี้ท่านได้กลับสู่วังพงศ์เจริญเพื่อมาดำรงตำแหน่งรัชทายาทของท่านหญิงดวงดาราแห่งราชสกุลแล้วนะคะ สถานะในการเป็นพ่อบ้านหรือการใช้ชีวิตเช่นบุคคลปกติทั่วไปได้จบสิ้นลงแล้วค่ะ ตอนนี้ท่านคือ ท่านชายปริ้นซ์ ปาร์วีนแห่งราชสกุลและเป็นรัชทายาทของท่านหญิงดวงดารา จงลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดเถอะค่ะ จากนี้ท่านไม่ใช่พ่อบ้านหรือว่านายปาร์วีนอีกแล้ว งานพวกนี้ไม่คู่ควรกับเกียรติและศักดิ์ศรีของท่านชายค่ะ ที่สำคัญอีก 2 วันข้างหน้าจะมีการแต่งตั้งรัชทายาทผู้ครองวังพงศ์เจริญ จากนั้นก็จะมีพิธีการดูตัวบรรดาท่านหญิงและหญิงสาวที่มีราชสกุลเทียบเท่ากับท่านชายเพื่อการสมรสในเวลาต่อไป"
ท่านชายตั้งใจฟัง จากสิ่งที่แม่นมบอกเล่าอย่างตั้งใจ แต่ต้องตกใจตาโตกับประโยคท้ายสุดของแม่นม
"เลือกคู่แต่งงาน!!”
"ใช่แล้วค่ะ เลือกสาวงามเพื่อสมรสตามความประสงค์ของท่านหญิงดวงดาราในพินัยกรรม เพื่อสืบทอดรัชทายาทแห่งราชสกุล" แม่นมกล่าวอธิบายถึงเหตุผลที่ท่านชายของตนต้องเลือกคู่แต่งงาน
"แม่นม แม่นมเองก็รู้ว่าเราเป็นยังไง เราไม่อาจขัดความประสงค์ของท่านแม่ได้เลยหรอ?"
ท่านชายปริ้นซ์และแม่นมประจำวังพงศ์เจริญต่างสนทนาถึงประเด็นนี้อยู่นาน จนไม่สามารถหาข้อสรุปได้
ทางบ้านใหญ่คุณชายไมล์ วินด์แฮม มีการเกิดเหตุความวุ่นวายที่คุณชายไมล์ต้องการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านชายปริ้นซ์ขึ้นมา จึงให้แม่นมประจำบ้านเกณฑ์คนในบ้านทั้งหมดมาช่วยกันค้นหาข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทุกคนช่วยกันสืบค้นข้อมูลด้วยความตั้งใจ จนกระทั่ง…
"คุณชายคะนมเจอข้อมูลสำคัญแล้วค่ะ!!"
คุณชายรับโทรศัพท์จากแม่นมขึ้นอ่านข้อมูลที่เพิ่งค้นพบ นับว่าเป็นข้อมูลสำคัญจริงๆ ยิ่งทำให้เขาเกิดความตกใจกลัวกับการกระทำที่ตัวเขาเคยได้กระทำกับท่านชายไว้ ข้อมูลที่ทำให้เขาต้องตกใจมากกว่าเดิมคือ ท่านชายกำลังจะเลือกคู่แต่งงานเพื่อสืบทอดรัชทายาท
คุณชายไมล์ถึงกับล้มทั้งยืน ยังดีที่ลุงคนขับรถสามารถรับร่างคนที่กำลังล้มได้ทัน ก่อนจะประคองไปนอนบนโซฟาใหญ่
คุณชายไมล์มีอาการหัวใจเต้นแรง เหงื่อออกท่วมตัว แต่ยังพอมีสติ แม่นมประจำบ้านจึงรู้ได้ทันทีว่านี่คืออาการของโรคเก่าที่คุณชายเคยเป็นสมัยตอนเป็นเด็ก แต่มันได้หายไปนานแล้ว จู่ๆ คุณชายกลับมามีอาการอีกได้อย่างไร คุณชายพยายามพูดบางสิ่งกับแม่นมอย่างยากลำบาก
"แม่นมผมต้องไปหาปาร์วีน ต้องไปเดี๋ยวนี้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป"
แม่นมตั้งใจฟังในสิ่งที่คุณชายกำลังบอกด้วยความสงสาร
"ได้ค่ะ แต่คุณชายต้องรักษาอาการให้หายเป็นปกติก่อนนะคะ"
"ไม่ ผมจะไปหาปาร์วีนเดี๋ยวนี้!"
ทันทีที่คุณชายพูดจบก็พยายามลุกขึ้นมาเดินไปยังหน้าบ้าน โดยมีลุงคนขับรถและเด็กในบ้านบางคนช่วยกันห้ามปราม แต่คุณชายก็ไม่ได้เชื่อฟังคำห้ามของใครพยายามเดินไปยังรถทั้งที่ตนมีอาการกำเริบเก่าโรคเก่าอยู่
ทำให้แม่นมรีบตรวจสอบหาทางติดต่อท่านชายปริ้นซ์จนได้ข้อมูลในการติดต่อ ก่อนทำการรักษาพยาบาลเบื้องต้นจนอาการของคุณชายดีขึ้นและหายเป็นปกติตามลำดับ หลังได้เห็นสีหน้าแววตาของคุณชายที่มีความมุ่งมั่นจะไปพบท่านชายปริ้นซ์ จึงสั่งให้ลุงคนขับรถพาตนและคุณชายไมล์ไปยังสนามบินทันที
"แม่นมครับ ผมกำลังจะได้เจอหน้าปาร์วีนแล้วใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ คุณชายของนม เราจะไปหาท่านชายปริ้นซ์ด้วยกันค่ะ"
แม่นมประคองตัวคุณชายเข้ามากอดอย่างเอ็นดูและลูบศีรษะคนในอ้อมกอดจนหลับไป ความรักและความหวังดีของแม่นมที่มีต่อตัวคุณชาย ที่เธอเป็นผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกด้วยความรักและเป็นห่วง จึงตัดสินใจที่จะพาคุณชายของเธอไปยังวังพงศ์เจริญของท่านชายปริ้นซ์ ซึ่งตัวเธอเองไม่อาจจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอและคุณชายบ้าง เธอหวังเพียงอย่างเดียวว่า ขอให้คุณชายของเธอได้เจอกับท่านชายปริ้นซ์เป็นพอ
ใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เครื่องบินได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่โดยปลอดภัย ทุกคนมีท่าทีตื่นเต้นและรีบเร่งเพื่อจะไปพบท่านชายตามความตั้งใจ แต่คนที่ดูตื่นเต้นมากที่สุดน่าจะเป็น คุณชายไมล์ วินด์แฮม ซุ้มงามตา จนอาการโรคเก่ากำเริบเป็นระยะ ทำให้แม่นมประจำตัวต้องคอยเป็นพยาบาลจำเป็นตลอดการเดินทางบนเครื่องบิน
เมื่อทั้งสองลงจากเครื่องบินก็เดินตรงไปยังบริษัทที่ให้บริการรถเช่าพร้อมคนขับที่ชำนาญทางของสนามบิน การเดินทางมีความลำบากมากพอสมควร เพราต้องผ่านภูเขาหลายลูก ผ่านเหวหลายแห่ง ซ้ำยังมีโค้งอันตรายอีกนับร้อยโค้ง หากคนขับไม่มีความชำนาญทางจริงๆ อาจเกิดอุบัติเหตุไปนานแล้ว
"โห! พวกคุณเข้ามาทำอะไรในนี้ครับ เส้นทางลำบากมาก อีกอย่างผมก็ไม่เคยเข้ามาในนี้ด้วย" โซเฟอร์กล่าวถามด้วยความแปลกใจ แต่ทำให้คนทั้งสองต้องตกใจพอสมควร
"พี่โอเคใช่ไหมครับ ใกล้ถึงหรือยัง"
"อ๋อพอได้ครับ ผมเข้ามาส่งลูกค้าตามเผ่าต่างๆ บ่อยยิ่งกว่านี้ก็มี เชื่อมือผมเถอะครับ ถ้าดูตามแผนที่ ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงครับ"
เมื่อคุณชายไมล์และแม่นมได้ฟังเช่นนั้นก็จับมือกันด้วยความดีใจ
ขณะเดียวกัน ณ วังพงศ์เจริญเริ่มมีการจัดเตรียมสถานที่ในพิธีดูตัวของท่านชายปริ้นซ์ที่จะมีขึ้นในวันมะรืน บรรยากาศภายในวังดูวุ่นวายกับการสาละวนของสาวใช้ที่ช่วยกันตกแต่งประดับประดาดอกไม้ ผ้าแพร ตามจุดสำคัญในการต้อนรับแขกที่จะมาร่วมงาน ในห้องโถงซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีดูตัว แต่ความวุ่นวายดูเพิ่มขึ้นเมื่อทหารองครักษ์รีบวิ่งเข้ามารายงานหัวหน้าองครักษ์ที่กำลังตรวจดูความเรียบร้อยในห้องโถงใหญ่
"ท่านหัวหน้า มีรถคนแปลกหน้าเข้ามาในอาณาเขตวังพงศ์เจริญครับ เหลืออีก 5 กิโลเมตรน่าจะถึงหน้าวังครับ"
"จริงหรอ! มากันกี่คน"
"3 คนครับชาย 2 ผู้หญิง 1 ครับท่านหัวหน้า"
"นายไปดูสถานการณ์และเตรียมกำลังพลให้พร้อมเพื่อเป็นกลุ่มคนไม่ประสงค์ดี เพราะเขตนี้ไม่เคยมีใครเคยล่วงล้ำเข้ามาได้ เดี๋ยวเราไปรายงานท่านชายเอง"
"ครับท่านหัวหน้า"
ทหารองครักษ์รีบวิ่งกลับออกไปเตรียมกำลังทหารตามคำสั่งที่หน้าประตูวังพงศ์เจริญด้วยความเข้มแข็งและฮึกเหิม