ขณะที่คุณชายกำลังยืนแอบมองแม่นมและพ่อบ้านหนุ่มสวมกอดกันร่ำไห้อยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา
"แม่นมครับ!!”
ทำให้คนทั้งสามตกใจหันมามองทางหน้าประตูห้องครัวพร้อมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
"คุณชาย!!"
แม่นมและพ่อบ้านหนุ่มร้องเรียกเขาแทบจะพร้อมกัน ทำให้ไมล์มีสีหน้าตื่นตกใจแต่ต้องรักษามาดของความเป็นคุณชายไว้ รีบเอื้อมมือคว้าหยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่ใกล้มือตรงทางเข้าห้องมาถือด้วยความไว แต่ก็ไม่ไวกว่าสายตาของทั้งคู่ไปได้
"คุณชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมว่าถามลุงคนขับรถดีกว่านะครับ ว่ามีเรื่องอะไรถึงเข้ามาถึงห้องครัวแบบนี้ ว่าไงครับลุง?" นับเป็นการดึงความสนใจของคนสองวัยได้เป็นอย่างดี
"มีอะไรหรือจ๊ะพี่แช่ม"
"คือตอนนี้ที่หน้าบ้านมีทหารจำนวนมากมายืนออ เพื่อขอพบพ่อบ้านครับแม่นม" พ่อบ้านหนุ่มได้ฟังถึงกับมีอาการตกใจตาโต
"ทหารหรอครับ!?”
ทันทีที่ปาร์วีนถามจบก็รีบวิ่งออกไปยังหน้าแบบไม่คิดชีวิต ทำให้ทุกคนดูตกใจกับพฤติกรรมก่อนจะเดินตามออกไปที่หน้าบ้าน เมื่อพ่อบ้านหนุ่มวิ่งมาถึงหน้าบ้าน ยิ่งทำให้เขาตกใจมากขึ้น ซึ่งเขาจำหัวหน้าองครักษ์และแม่นมผู้เป็นที่รักของเขาได้ดี
"ท่านชายของนม"
"แม่นม!" คนทั้งสองเข้าสวมกอดกันอย่างดีใจ
"มากันได้ยังไงครับ"
"คุณผู้ชายคนที่ท่านชายเคยไปทำงานด้วยบอกมาค่ะ วันนี้เขาก็มาด้วย นั่นไงคะ" หญิงชราชี้ไปทางนายใหญ่ของบ้านที่เขาเพิ่งลาออกมาได้ไม่กี่วัน
"สวัสดีครับนาย" ชายกลางคนรีบเดินเข้าไปจับมือของพ่อบ้านหนุ่มที่กำลังประนมมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น
"อย่าทำแบบนี้เลยครับท่านชาย ผมไม่อาจรับการไหว้จากท่านชายได้ครับ"
พ่อบ้านหนุ่มประคองนายเก่าของเขาให้ลุกขึ้นก่อนที่จะมีใครในบ้านออกมาเห็น
"เอาละ ถ้าอย่างนั้นเราขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ช่วยทำตัวเป็นปกติกับเราเหมือนเราเป็นลูกเป็นหลานเท่านั้นก็พอ จะได้ไหม? ถือว่าเราขอร้อง.."
"ท่านชายคะ แต่นมว่าการทำแบบนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติของราชสกุลนะคะ พวกเราทำไม่ได้หรอกค่ะ เหลืออีกไม่ถึงปีท่านชายก็ต้องกลับไปดำรงตำแหน่งท่านชายผู้สูงเกียรติตามเดิมแล้วนะคะ พวกเรามาที่นี่เพื่อจะเชิญท่านชายกลับไปกับพวกเราค่ะ"
"ทำไมหรอ ที่วังยังมีท่านน้าอยู่นี่ นมจะให้เรากลับไปทำไม?"
"ท่านหญิงสิ้นด้วยโรคประจำตัวแล้วค่ะ นมทราบข่าวเมื่อวานเลยพาองครักษ์มารับท่านชายกลับวังค่ะ เพราะตอนนี้ราชสกุลของท่านชายก็เหลือเพียงท่านชายเพียงคนเดียวค่ะ"
"โธ่ ท่านน้า ไม่น่าด่วนจากไปแบบนี้เลย ถึงท่านน้าจะทำไม่ดีกับเราไว้มากเพียงใด แต่เราก็ให้ท่านน้าอภัยนะ เพราะถึงอย่างน้อยท่านน้าก็เป็นน้องแท้ๆ ของท่านแม่เรา ตกลงเราต้องไปจริงๆ หรอเนี่ยแม่นม?..." พ่อบ้านหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
"จริงค่ะ ตามพินัยกรรมท่านหญิงดวงดารากล่าวว่า ให้ท่านชายสืบราชสกุลได้ก็ต่อเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือเกิดเหตุจำเป็นนั่นคือ ท่านหญิงดวงรัศมีสิ้นเท่านั้นค่ะ" ขณะที่แม่นมกำลังกล่าวกับท่านชายอันเป็นที่รัก คนในบ้านใหญ่ได้ออกมาได้ยินเรื่องราวพอดีแต่ยังไม่เข้าใจมากนัก
"พวกคุณเป็นใครกันแน่ ถึงมาพูดจาแปลกๆ กับพ่อบ้านของผม!"
คุณชายกล่าวพร้อมเดินเข้ามากอดคอพ่อบ้านหนุ่มอย่างสนิทสนม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หัวหน้าองครักษ์เข้าจับตัวคุณชายที่ไม่ทันตั้งตัวกดลงนั่งคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าทุกคน
"นี่พวกคุณกำลังทำอะไรคุณชายคะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เสียงทรงอำนาจของแม่นมคุณชายไมล์ร้องถามขึ้นกับการกระทำของหัวหน้าองครักษ์
"เขาบังอาจเสียมารยาทกับท่านชายปริ้นซ์ ปาร์วีน ราชสกุลแห่งวังพงศ์เจริญ"
"ท่านชาย!!” แม่นมประจำบ้านคุณชายไมล์อุทานอย่างตกใจ
"ปล่อยเขาก่อนเถอะ เราขอ"
"แต่เขากำลังล่วงเกินเกียรติของท่านชายอยู่นะครับ"
"ปล่อยเถอะ!"
ท่านชายปริ้นซ์ยกมือห้าม ก่อนที่หัวหน้าองครักษ์จะปล่อยตัวคุณชายไมล์ตามคำสั่ง
"ตกลงเราต้องไปตอนนี้เลยใช่ไหมแม่นม?"
"ใช่ค่ะ"
สิ้นคำตอบจากหญิงชรา ท่านชายปริ้นซ์ก็เดินไปสวมกอดแม่นมประจำบ้านคุณชายไมล์ด้วยน้ำตานองหน้าอีกครั้ง
"แม่นมผมต้องไปแล้วนะ รักษาสุขภาพให้ดีนะครับ ผมรักแม่นมนะครับ หากมีโอกาสผมจะกลับมาหาใหม่"
ท่านชายกล่าวกับแม่นมโดยไม่เว้นช่องไฟให้แม่นมได้กล่าวอะไรกลับเลย แล้วค่อยๆ ปล่อยวงแขนจากตัวแม่นมที่ใบหน้ากำลังมีคำถามมากมายแต่ไม่มีโอกาสได้ถาม ท่านชายปริ้นซ์เดินเข้าหาคุณชายไมล์ก่อนจะจับมือทั้งสองขึ้นมาถือไว้
"คุณชายผมต้องไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ อย่าดื้อ อย่าเอาแต่ใจมากเกินไป สงสารแม่นมบ้างนะครับ ผมไปละ!!"
ท่านชายปล่อยมือของอีกฝ่ายลง แล้วเดินไปยังรถลีมูซีนคันงามที่จอดอยู่หน้าบ้าน โดยมีหัวหน้าองครักษ์เปิดและปิดประตูรถให้ก่อนจะโค้งคำนับคนในรถและแม่นมของท่านชายได้เดินอ้อมรถคันงามไปอีกด้านหนึ่งแล้วโค้งคำนับก่อนจะเปิดรถขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ จากนั้นรถคันงามก็ได้เคลื่อนตัวออกไปโดยมีรถยนต์อีกหลายคันขับตามเป็นขบวนได้สร้างความแปลกใจและสงสัยแก่คนทั้งสามที่ยืนมองอยู่หน้าบ้านเป็นตาเดียว
"ท่านชายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นหันไปมองคนเหล่านั้นตลอดที่ออกมาจากบ้านหลังนั้น"
"เรารู้สึกว่ามันกระชั้นชิดจนเราตั้งตัวไม่ทันน่ะแม่นม เลยทำให้รู้สึกใจหายแปลกๆ"
"ท่านชายคะ ท่านชายคงมีความผูกพันกับคนเหล่านั้นไม่น้อย โดยเฉพาะพ่อหนุ่มคนนั้น"
"อย่าเรียกเขาแบบนั้นนะครับ เขาเป็นถึงคุณชาย"
"ขออภัยค่ะ แต่ด้วยเกียรติและราชสกุล ท่านชายมีบรรดาศักดิ์ที่สูงกว่ามากนะคะ"
"เรารู้ แต่ถ้าไม่ได้เขาเราก็คงไม่มีงานทำ" ท่านชายกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความอาลัยและห่วงหาจนแม่นมล่วงรู้ในความรู้สึกลึกๆ ของท่านชายได้
"ท่านชายพึงใจในชายผู้นั้นใช่ไหมคะ?"
"แม่นมรู้ แต่ถึงยังไงก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี เราเข้าใจ"
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศภายในรถคันงาม ตลอดเส้นทางการเดินทางสู่วังพงศ์เจริญ ทิ้งไว้แต่เพียงความแปลกใจและความสงสัยในใจของคุณชายไมล์ที่ยังคงยืนนิ่งมองทางที่รถคันงามขับจากไปด้วยแววตาอาลัยอยู่นาน