เวลาผ่านไปสี่ทุ่ม ฉันเดินมายังหน้าบาร์แต่ไม่มีที่ว่าง จึงคิดบางอย่างก่อนจะกระซิบสาวชุดสีขาว
"สวัสดีค่ะ หนูทราบว่าพี่ชื่อไทเกอร์อายุยี่สิบห้าปี ส่วนหนูชื่อเยลลี่อายุสิบเก้าปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสองคณะมนุษยศาสตร์" ฉันมั่นหน้าแนะนำตัว "และที่สำคัญโสดนะคะ"
"ก็ไม่แปลกใจ ผู้หญิงอย่างเธอใครจะเอา"
"แรงอยู่นะพี่ ฮ่าๆ"
"แล้วเมื่อตะกี้เธอกระซิบอะไรกับลูกค้าของฉัน"
ท่าทางเยลลี่เลิ่กลั่ก เธอนิ่งไปสักพักเพื่อตัดสินใจ
"ตอบมา!" ผมเห็นท่าทางของเด็กนี่คงจะใช่ย่อยแต่ก็คงไม่พ้นการใช้เงินฟาดหัวคนอื่นล่ะมั้ง
"บอกว่าถ้าให้หนูนั่งตรงนี้ก็รับเงินไปเลยห้าพัน พอยัดใส่มือเขาก็ลุกออกไปงงมาก อิอิ"
"เป็นลูกคนรวยที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยสินะแถมยังทำตัวไร้สาระ"
"หนูแค่อยากจะมาขอบคุณพี่ที่ช่วยเหลือเมื่อคืน อีกอย่างพี่ต้องรับผิดชอบด้วยนะคะ"
"รับผิดชอบทำไม"
พึก!
ไทเกอร์โยนผ้าเช็ดบาร์ทิ้งเพื่อแสดงอาการหงุดหงิดใส่ แต่ใบหน้านี้กลับไม่สะทกสะท้านแถมยังดูร่าเริงสดใสผิดปกติ
"ก็เมื่อคืนพี่พาหนูกลับและพนักงานต้อนรับแคชเชียร์บอกว่าพี่จอดมอเตอร์ไซค์เอาไว้" จะพูดก็อายแต่ก็นะ "แสดงว่าหนูต้องนั่งซ้อนท้ายแล้วเมื่อคืนหนูใส่ชุดโป๊ หน่มน๊มของหนูก็คง..ชิดติดแผ่นหลังของพี่ หนูเสียหายนะคะ"
"ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียหายหรอกนะ"
"แปลว่าพี่จะรับผิดชอบ"
"เปล่า! เพราะของเธอมันเล็กจนฉันไม่รู้สึกอะไร อ๋อ..ที่จริงเธอต้องจ่ายเงินให้ฉันถึงจะถูก อย่าเรียกสองเต้านั้นว่านมเลย ให้เรียกว่ากระดูกงอกดีกว่า ทั้งแข็งทั้งน้อยนิด"
เหมือนกับโลกนี้ถูกสกัดแช่แข็ง เยลลี่แน่นิ่งจนไม่ไหวติงสักเล็กน้อย ผู้คนนั่งรอบข้างก็ขำกันคิกคัก
"พี่หยาบคายชะมัด! ชิ! งั้นหนูขอพูดตามตรงว่าหนูชอบพี่ค่ะ" เป็นไงเป็นกันฉันจะสู้ให้ถึงที่สุด
"ไปซะอย่าเสียเวลาเลย"
"ทำไมล่ะคะ?"
"เพราะการโดนไล่จับมันไม่สนุก"
"แล้วทำยังไงหนูถึงจะโดนพี่จีบ"
ฉันยังคงตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในร้านที่ดังกึกก้อง ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงชงค็อกเทลส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ และแทบไม่มองหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันส่งสายตากดดันจ้องรอคำตอบ รอแล้วรอเล่ากระทั่ง ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
"อย่ามานั่งจ้องหน้าฉันแบบนี้รำคาญ" ผมพูดอย่างหงุดหงิด
"ถ้าอย่างนั้นพี่ไทเกอร์ก็ตอบมาก่อนสิว่าต้องทำยังไงหนูถึงจะโดนพี่จีบ!"
"แซ่บให้มากกว่านี้สิ เพราะดูๆ แล้วเธอก็เหมือนแกงจืดที่ลืมใส่คนอร์"
"โอ้โห!! พี่โคตรบูลลี่เลย"
คำตอบที่เจ็บทั้งใจเจ็บจี๊ดไปถึงทรวงใน ทำให้เยลลี่ยกมือขึ้นมากุมอกพร้อมกับหายใจหลายเฮือกเหมือนคล้ายจะเป็นลม
หมั๊บ!
ทันทีก็ถูกเพื่อนอีกสองคนลากกลับโต๊ะไปเพราะเห็นท่าทางที่โดนเหวี่ยงใส่
"พอเถอะเยลลี่" นินิวพูดปลอบใจ "บอกแล้วไงว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงแรงๆ พวกไปจีบก่อนถูกปัดร่วงทุกราย"
"คนใจร้าย"
อึก!อึก!
เยลลี่ยกแก้วเหล้าที่วางบนโต๊ะกระดกดื่มด้วยอารมณ์เหวี่ยง มีนเห็นท่าทีจึงรีบปลอบใจ
"เอาเถอะน่าเยลลี่ถือว่าไม่ใช่เนื้อคู่กัน"
"ไม่"
"หมายความว่าจะสู้ต่อเหรอ"
"ใช่! ผู้หญิงที่ชื่อเยลลี่คนนี้ไม่มีคำว่าถอย..ใส่เกียร์เดินหน้าเท่านั้นค่ะ จะเร่งเครื่องให้ไมล์พังเลยคอยดู"
แววตามุ่งมั่นทำให้เพื่อนทั้งสองเป็นห่วงแต่ก็ขัดใจอะไรไม่ได้ เยลลี่ ลูกของนักธุรกิจใหญ่ที่พ่อแม่ตั้งรกรากอยู่เยอรมัน เธอเติบโตมากับพี่เลี้ยงจึงมีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ทว่า..ความเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้ก็ทำให้เธอไม่คิดที่จะยอมแพ้กับปัญหาใด
หลายวันผ่านไป
วันแล้ววันเล่าที่สาวน้อยวัยสิบเก้าอย่างเธอเข้าออกคลับนี้เป็นว่าเล่น ที่ประจำคือหน้าบาร์เพื่อให้ได้เห็นลีลาเขย่าค็อกเทลของไทเกอร์อย่างชิดใกล้
"พี่เท่จังเลย" ฉันปรบมือให้ "ทั้งหล่อทั้งเก่ง"
"เคยมีใครบอกไหมว่าเธอน่ารำคาญแค่ไหน จะมาเฝ้ามองดูฉันทำงานทุกวันทำไม"
"ก็ที่หนูมาทุกวันพี่จะได้เห็นว่าหนูแซ่บขึ้นไหม วันนี้หนูใส่เกาะอกสีขาวแถมยัดซิลิโคนนมบึ้มๆ คนอื่นเขามองตาเป็นมันแต่พี่เบือนหน้าหนีหนูน้อยใจนะ"
พูดจบไทเกอร์ก็มองต่ำลง เขาจ้องตาเขม็งจดจ่อไปยังสองเต้าทะลัก แต่นั่น...ทำให้เยลลี่อายจนต้องรีบดึงมือขึ้นมาปกปิด
"พะ พี่มองอะไร" แววตานิ่งเรียบแต่เขาเป็นผู้ชายที่จ้องคล้ายจะสิง
"เห็นแล้วว่านมเธอใหญ่ขึ้น"
"แปลว่า..หนูแซ่บพอให้พี่จีบแล้วใช่ไหม?!"
"ที่ฉันบอกว่าแซ่บมันหมายถึงเอนเนอร์จี ไม่ใช่สไตล์แต่งตัว อย่างบางครั้งสั่งแกงเผ็ดแต่พอกินก็หวาดจัด"
"เขาใส่พริกน้อยหรือเปล่าคะ"
ท่าทางยียวนตอบโต้ยิ่งเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ
"ขอโทษทีค่ะมุกฝืด แต่ยังไงก็ไม่สนหรอกค่ะเพราะหนูถือคติที่ว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก" ไม่ยอมถอยฉันพูดต่ออย่างมุ่งมั่น
"ฉันก็ถือคติไม่ยึดติด ไม่ชอบตื้อ โดยเฉพาะเด็กดื้ออย่างเธอ"
"เป็นเด็กดื้อต้องโดนอะไรน้า..."
"โดนตีน!!!"
"พี่ไทเกอร์หยอกแรงตลอด ฮ่าๆ"
สองหนุ่มผู้ช่วยบาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่ด้วยถึงกับกลั้นขำไม่ไหวในความตลกและความกล้าแสดงออกของเยลลี่สาวน้อยหน้าใส คงมีเพียงไทเกอร์ที่ไม่ชอบใจ คิ้วหนาผูกปมจ้องดุดันใส่ก่อนจะสบถออกมา
"โคตรน่ารำคาญเลยว่ะ!!"
เวลาผ่านไปจนร้านเกือบจะปิด ผมสังเกตเห็นบางอย่างจึงเอ่ยถาม
"ทำไมเธอดื่มเหล้าน้อยผิดปกติ"
"ผิดปกติยังไงคะ?"
"ถ้าหากดื่มเหล้าผสมมิกเซอร์อาจจะใช้เวลาแต่เหล้าค็อกเทลดื่มแค่ไม่กี่แก้วก็คงจะมึน จากนั้นก็คงจะอยากดื่มต่อ แต่นี่เธอดื่มไปแค่สามแก้วเองล่ะมั้ง"
"อุ๊ยยย..พี่ใส่ใจหนู"
ดวงตาเล็กลุกวาวเปล่งประกาย ฉันทำท่าอมยิ้มก่อนที่จะขยับตัวลุกจากโต๊ะสูงหน้าบาร์เข้าไปใกล้ๆ
"พี่สนใจหนูแล้วล่ะสิ"
"เธอมานั่งตรงหน้าฉันแบบนี้ถ้าไม่ตาบอดก็คงจะมองเห็นแก้วเล็กใสที่วางอยู่"
"ชิ!! ขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยก็ไม่ได้"
"คออ่อนสินะถึงดื่มน้อย"
ผมเช็ดโต๊ะหน้าบาร์รีบเก็บแก้วมาไว้ในถังเพื่อรอให้พนักงานทำความสะอาดมาเก็บ ใบหน้าจัดจ้านที่แต่งเติมเครื่องสำอางดูโตเกินวัยของเด็กนี่แน่นิ่งไป แต่สักพักก็ตอบกลับ
"หนูแค่แพ้แอลกอฮอล์ หากดื่มเกินลิมิตร่างกายรับไม่ไหวหนูจะอาเจียนเป็นเลือด แต่หนูชอบดื่มนะเพราะมันทำให้รสชาติชีวิตที่แสนน่าเบื่อตลอดที่ผ่านมามีสีสัน"
"____"
"บางครั้งคนเราก็ต้องยอมแลกกับบางสิ่งเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง อาการเจ็บของหัวใจถูกแอลกอฮอล์ไหลผ่านลงคอเข้าไปล้างก็คงจะบรรเทาได้แม้จะระยะสั้นก็ตาม"
"อย่าบอกว่าอกหักมานะ"
เรื่องราวดูเหมือนจะเศร้าทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กน้อย ตอนนี้ยืนในบาร์รอลุ้นคำตอบ
"เปล่าหรอกพี่ หนูไม่เคยมีแฟนสักหน่อยแต่แค่ติดเอฟวิชาหลัก"
"วุ้ววว!! จะดึงไปเศร้าทำไมวะ"
"จะได้รู้ว่าพี่ห่วงใยหนูหรือเปล่า แต่พี่ตั้งใจฟังมากเลยนะ ใบหน้าของพี่ดูกังวลด้วย แสดงว่าพี่..เริ่มสนใจหนูแล้วล่ะสิ"
"!!!!"