“ชีวิตคนเรามันมีทางเลือกไม่มากหรอกเจ้าช่อ พ่ออุ๊ยก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่การที่เป็นหลานพ่ออุ๊ย พ่ออุ๊ยอยากให้เจ้าเสียสละได้มั้ยลูก” พ่ออุ๊ยคำปันกล่าวพร้อมกับใบหน้าหม่นหมอง ท่านรู้ว่านี่คือความสุขทั้งชีวิตของหลานสาวท่าน แต่ท่านก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน
“ในเมื่อพ่ออุ๊ยต้องการให้หนูเสียสละ หนูก็จะทำ แต่ต่อไปอย่าไปบังคับใครเขาทำแบบนี้อีกนะจ๊ะ” ช่อเอื้องกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้พ่ออุ๊ยคำปันนั่งจมอยู่กับความเสียใจ ไม่ใช่ท่านไม่รู้ว่าหลานสาวรู้สึกเสียใจเพียงใด แต่เพื่อความถูกต้องแล้ว ช่อเอื้องต้องยอมเสียสละแต่งงานกับผู้ชายนิรนามคนนั้น
หลังจากที่หลบออกมาจากพ่ออุ๊ยคำปัน หญิงสาวก็มานั่งร้องไห้อยู่ที่ลำธาร เธอไม่โทษผู้ชายคนนั้นที่ต้องมาแต่งงานกับเธอ เพราะเขาก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเธอเช่นกัน ช่อเอื้องนั่งอยู่ที่ลำธารจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอลืมไปเลยว่าเธอต้องกลับไปดูแลชายหนุ่ม ที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเลย จนกระทั่งชายหนุ่มนิรนามคนนั้นมานั่งอยู่ที่ข้างเธอ ช่อเอื้องหันไปมองใบหน้าซีดเผือดของชายหนุ่มด้วยความตกใจ
“คุณมาที่นี่ทำไมคุณป่วยแบบนี้แล้วยังออกมาไกลขนาดนี้ รู้มั้ยว่ามันไม่ดีต่อร่างกายของคุณเอง” ช่อเอื้องหันไปเอ็ดตะโรใส่ชายหนุ่ม พร้อมกันนั้นยังรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อสักครู่
“คุณคงเครียดมากสินะ ผมก็เครียดไม่ต่างจากคุณหรอก ฮึ....ชื่อตัวเองก็ยังไม่รู้เลย” ชายหนุ่มนิรนามกล่าวออกมาด้วยความเศร้าใจ
“คุณจะไปจากที่นี่มั้ยล่ะ ฉันช่วยคุณได้นะ” ช่อเอื้องสงสารชายหนุ่มตรงหน้า เธอยอมถูกลงโทษจากชนเผ่า แล้วปล่อยชายหนุ่มให้กลับไปยังโลกของเขา
“ผมจะไปไหนได้ล่ะคุณ แม้แต่ชื่อตัวเองผมยังไม่รู้จักเลย แล้วอีกอย่างถ้าผมไปจากที่นี่ คุณเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย” ชายหนุ่มนิรนามยังคงเป็นห่วงผู้มีบุณคุณของเขา
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ถ้าคุณอยากออกไป ฉันจะพาไปส่งที่สถานีตำรวจแล้วให้เขาช่วยตามหาญาติให้คุณ” ช่อเอื้องยังคงเสนอความช่วยเหลือให้กับชายหนุ่ม เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาต้องมาแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร
“ตอนนี้คุณยังจำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าความทรงจำของคุณกลับมา แล้วคุณอาจจะเสียใจก็ได้ที่ต้องแต่งงานกับฉัน” ช่อเอื้องกล่าวตามความจริง แม้แต่ตัวเขาเองเขายังจำไม่ได้ แล้วนี่เขาจะมาแต่งงานกับเธอแบบนี้ เธอมองว่ามันไม่ถูกต้อง
“ถึงผมจะไม่รู้อดีตที่ผ่านมาของผม แต่ถ้าคนที่ช่วยเหลือผมต้องเดือดร้อน ผมก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน” ชายหนุ่มนิรนามยังคงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง