หลังจากพิธีฝังศพเสร็จสิ้นไปแล้ว และผู้คนมากมายต่างก็เข้ามาแสดงความเสียใจกับเธออีกครั้งก่อนจะลากลับไป เธอได้แต่ทักทายและกล่าวล่ำลาคนเหล่านั้นไปตามมารยาท ขณะที่ปล่อยให้ตัวเองยืนอยู่ที่เดิมนิ่งนานจนมารู้ตัวอีกที ผู้คนมากมายก็ไม่เหลือแล้วนอกจากเธอ
สริตาหันหลังให้กับหลุมศพของบิดาและพี่ชาย เธอคงต้องกลับ แต่...เธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว ทุกวันนี้บ้านของเธอไม่ใช่บ้านอีกต่อไปเพราะไม่มีคนที่รักอยู่ที่นั่นอีกแล้ว หญิงสาวก้าวเดินพลางเงยหน้าขึ้นจากการเอาแต่ก้มมองปลายเท้าของตนเอง จึงได้เห็นตอนนี้เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
แอชตัน แอดดิสันยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างออกไปไม่กี่ฟุต
หัวใจของเธอไหววูบ น้ำตาที่เหือดแห้งคล้ายกับจะไหลรินออกมาอีกครั้ง ใครจะคาดคิดว่าช่วงเวลาที่เธอเจ็บปวดที่สุด เศร้าใจอย่างที่สุด และอยู่ในภาวะที่ดำมืดที่สุดของชีวิตราวกับว่าทั้งโลกใบนี้เธอไม่เหลือใคร แต่เมื่อมองตรงไปข้างหน้า เธอกลับเห็นคนที่เธอเกลียดที่สุดยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ ไม่เคยหายไปไหน
และการเข้ามาของเขาครั้งนี้ก็ทำให้ความรู้สึกที่เธอเคยชิงชังหวนกลับเข้ามาในใจอีกครั้ง จนเธอต้องตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเธอจะไม่โง่รู้สึกอะไรกับเขานอกเหนือไปจากความเกลียดอีกต่อไป
สริตารู้จักกับแอชตันมานานแล้ว เธอคุ้นเคยกับเขาเหมือนกับคนในครอบครัวคนหนึ่ง เพราะชายหนุ่มเป็นเพื่อนสนิทของคริสเตียนพี่ชายของเธอ ตอนยังเด็ก ยังไร้เดียงสาและค่อนข้างจะโง่งมอยู่บ้าง เธอยอมรับว่าเคยมีช่วงหนึ่งที่เธอหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขา แต่มันก็เป็นความตาบอดของเด็กสาววัยสิบสองสิบสามที่โลกทัศน์ยังคับแคบและตื้นเขินมากนักจึงได้มองผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าชาย จนกระทั่งต่อมาถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน
และเธอก็ทำมันได้ดีมาตลอดกับการไม่สนใจเขา และการก่อกวนโทสะของเขาไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนที่ทำให้เขาสติหลุดได้เธอก็ยินดีทำมัน และนั่นทำให้เธอค้นพบว่าแอชตันเกลียดสรรพนามที่เธอใช้เรียกเขามากแค่ไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้นจะหุบลงทันทีเมื่อเธอเรียกเขาว่า ‘คุณลุง’ และตั้งแต่นั้นมาเธอก็เรียกเขาอย่างนั้นมาตลอด อาจจะเว้นต่อหน้าบิดาบ้างถ้าเธอควบคุมมันได้
“เธอจะกลับตอนไหน”
แอชตันเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพลางเอ่ยถาม ชายหนุ่มใช้ดวงตาสีเขียวราวกับใบไม้อ่อนคู่นั้นจ้องมองเธอนิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเป็นคนเดียวที่เธออยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด แม้ไม่อยากจะยอมรับกับตัวเองเท่าไรนักก็ตาม
เพราะเธอไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าเขาหรือต้องทนฟังคำพูดปลอบประโลมที่เธอไม่อยากจะได้ยินเพราะมันเอาแต่ตอกย้ำให้เธอรับรู้ว่าเธอสูญเสียบิดากับพี่ชายไปแล้ว เนื่องจากแอชตันไม่เคยพูดคำเหล่านั้นออกมาสักครั้ง
เขาทำเหมือนทุกอย่างปกติสำหรับเขา แม้กระทั่งการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพของบิดาและพี่ชายของเธอเขาก็ทำมันด้วยท่าทีเรียบนิ่ง จนแทบไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อาจจะมีเพียงเธอคนเดียวที่ได้เห็นความเสียใจในดวงตาของเขาในวันแรก ทว่าหลังจากนั้นมันไม่เคยปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายทรงเสน่ห์อีกเลย
“ทำไมคุณลุงยังอยู่อีก”
สริตาเอ่ยถามเขาอย่างแปลกใจ แม้จะรู้สึกอบอุ่นใจที่ชายหนุ่มยังอยู่ที่นี่ก็ตาม ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องบอกให้เขารู้เสียหน่อย
และดูเหมือนเธอจะเผลอกวนโทสะเขาด้วยความเคยชินเสียแล้ว เพราะคนตรงหน้ามีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาฉับพลัน คิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาคมซึ่งมักจะมีรอยยิ้มนั้นกลับขมวดมุ่นเข้าหากัน ร่องรอยของความอารมณ์ดีหายไปจากดวงตาของเขา เปลี่ยนเป็นจ้องมองเธออย่างดุดันแทน
และนั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจคลายตัวจนเริ่มผ่อนคลาย...
“มีมารยาทหน่อยสริตา...”
สริตามองคนตรงหน้าที่ปรามเธอเสียงหนัก เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเธอก็ขี้เกียจนับ ก่อนจะถามเขาเสียงราบเรียบว่า “คุณควรจะกลับไปได้แล้วคุณ... มิสเตอร์แอดดิสัน” เธอยอมเปลี่ยนใจไม่เรียกเขาว่า ‘คุณลุง’ อย่างเมื่อครู่นี้เพราะสายตาดุดันที่จ้องมองมา
อีกฝ่ายลดแขนที่กอดประสานกับอกลง แล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงเดียวกันว่า
“ฉันจะรอกลับพร้อมเธอ สาวน้อย”
คนตัวเล็กกว่านิ่วหน้ากับสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอ “ฉันไม่ใช่สาวน้อยนะ”
หญิงสาวปฏิเสธ ตอนนี้เธอโตเกินกว่าที่เขาจะมาเรียกว่า ‘สาวน้อย’ อย่างตอนที่เธอเก้าขวบอีกต่อไปแล้ว!
แต่ดูเหมือนแอชตันจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ เพราะเขาโต้แย้งหน้าตาเฉย “เธออายุสิบเก้า ยังไงก็ดูเป็นสาวน้อยในสายตาของฉัน และหลังจากนี้เรามีธุระต้องไปต่อ” ตอนท้ายชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างกะทันหัน แล้วทำท่าหมุนตัวเดินนำเธอออกไป
ทว่าสริตาไม่ได้เดินตามเขา เธอยังหยุดอยู่ที่เดิมในตอนที่ร้องถามชายหนุ่มเสียงดังอย่างไม่ชอบใจกับความเจ้ากี้เจ้าการที่เริ่มมากเกินไปของเขา
“ธุระอะไรกัน แต่ถึงจะยังไม่รู้ฉันก็คิดว่ามันคงไม่เกี่ยวกับคุณ”
ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นใส่เธอราวกับไม่ชอบใจที่เธอไม่ทำตามที่เขาสั่ง
“อ้อ เกี่ยวแน่” แอชตันตอบกลับเสียงสูง “ทนายของเธอแจ้งฉันว่าฉันกับเธอต้องไปหาเขาด้วยกัน”
คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับครางในลำคอด้วยความแปลกใจ “หืม?”