“ฉันบอกเธอไปแล้วว่าเราจะไปหาแด๊ดกับ...พี่ชายของเธอ”
น้ำเสียงของเขาตอนท้ายมีความลังเล ทว่าคนตัวเล็กกว่าไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะความจริงที่รออยู่ข้างหน้านั้นน่ากลัวมากพออยู่แล้ว
“มันเป็น...” เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่แอชตันรู้สึกกระอักกระอ่วนกับการพูดกับผู้หญิง และครั้งสุดท้ายที่รู้สึกอย่างนี้คือการพูดกับภรรยาของเอเดรียนที่ตอนนี้คืนดีกับพี่ชายของเขาแล้ว “...เรื่องที่ยากจะพูดออกมาได้”
“คงไม่ยากเกินกว่าที่คนอย่างแอชตัน แอดดิสันต้องทำหรอกมั้ง”
คำพูดเกือบกึ่งจะเหน็บแนมด้วยความฉุนเฉียวของ เด็กสาวทำให้แอชตันถอนหายใจยาว และเลือกจะให้อภัยเธอมากกว่าต่อปากต่อคำอย่างที่เขาทำเป็นประจำ
“มันก็มีบางเรื่องที่คนอย่างแอชตัน แอดดิสันรู้สึกว่ายากเหมือนกัน”
โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ และเขาต้องพาเด็กสาวคนนี้ผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่าเธอสูญเสียอะไรไปบ้างในค่ำคืนนี้ไปพบกับความจริง
“งั้นก็พูดมันออกมา” สริตาเค้นเสียงถามเขา เธอคิดว่าเธอคงจะพูดอย่างเข้มแข็ง แต่แอชตันก็จับได้ถึงความกลัวของเธอ
คนไม่โง่ย่อมรับรู้ถึงความผิดปกติพวกนี้อย่างชัดเจน และเขาดีใจที่เธอไม่โง่เพราะเขาไม่ได้อยากเป็นคนบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ เขาอาจจะเป็นคนใจดำคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่อาจทนสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว และใกล้มากๆ อย่างสริตาได้
“รอให้ถึงโรงพยาบาลก่อนแล้วกัน”
เขาตัดบทแค่นั้น ก่อนจะมุ่งมั่นกับการขับรถ ขณะที่สริตาซึ่งทำท่าเก่งกล้าก็ห่อตัวเองลงกับเบาะหนังและเสื้อโค้ตตัวใหญ่
เขาว่าเธอรู้เหมือนกับที่เขารู้...เพียงแต่เธอยังไม่ยอมรับความจริง หรือไม่เธอก็คาดหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด...
-----------------
โรงพยาบาลค่อนข้างสงบในยามค่ำคืน แอชตันจอดรถแล้วก้าวลงไปขณะที่สริตาก็ก้าวตามเขา ชายหนุ่มเดินตรงไปยังอาคารกลางเก่ากลางใหม่ของโรงพยาบาลขณะที่ผู้ช่วยคนสนิทของเขาก็ก้าวตรงมาหาเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างรวดเร็ว
“เจ้านายมาถึงแล้ว”
‘ซัมเมอร์ โฮป’ ผู้ช่วยสาวทรงประสิทธิภาพก้าวตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เธออายุเท่ากับเอเดรียนพี่ชายคนโตของเขา ซัมเมอร์เป็นผู้หญิงไม่กี่คนที่ไม่ได้มองเขาด้วยสายตาที่จ้องจะเขมือบกลืนกิน และเขาก็สบายใจที่ทำงานร่วมกับเธอ เขาชอบทำงานกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จึงได้เลือกซัมเมอร์มาเป็นผู้ช่วยคนสนิท ในบรรดาทีมผู้ช่วยสี่ห้าคนของเขาเพราะซัมเมอร์รับมือกับเรื่องจุกจิกกวนใจอื่นๆ ของเขาได้ดีกว่าผู้ชาย ซึ่งเรื่องจุกจิกพวกนี้ก็หมายถึงเหล่าสาวๆ นั่นแหละ
“เป็นยังไงบ้าง”
แอชตันปรายตามองร่างเล็กที่ก้าวตามหลังเขามาติดๆ ด้วยความกังวล จงใจใช้คำพูดกำกวมเพื่อไม่ให้สริตาตื่นตระหนกเพราะเธอยังไม่ได้รู้อะไรอย่างชัดเจน
ซัมเมอร์รู้เท่าทัน หล่อนจึงเลี่ยงที่จะพูดตรงๆ เช่นเดียวกัน
“ค่อนข้างแน่ใจว่าใช่ค่ะ ส่วนอีกคนหาไม่พบ อากาศเลวร้ายมาก ทว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างลงความเห็นว่าน่าจะ...” หล่อนทำหน้าเศร้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ เป็นอันรับรู้กันว่า ‘ไม่รอด’
“ขอบคุณมากซัมเมอร์ งั้นผมจะพาเธอไปหาตำรวจก่อนแล้วกัน”
“ค่ะ พวกเขาอยากให้ยืนยันด้วยว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่า”
ไม่เพียงพูด เลขาฯ คนสนิทของแอชตันก็เหลือบมองร่างเล็กเบื้องหลังเจ้านายอย่างเห็นใจระคนสงสาร
“คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการต่อเอง”
“ฉันจัดการเรื่องอื่นๆ หมดแล้วค่ะ” ซัมเมอร์ตอบ “แต่ยังเหลือขั้นตอนสุดท้าย” ซึ่งก็คือการยืนยันตัวตน “ยังไงให้ฉันอยู่จัดการจนเสร็จไปเลยแล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้านาย เชิญทางนี้ค่ะ พวกเขากำลังรออยู่”
พูดจบเลขาฯ สาวก็เดินนำคนทั้งคู่ไป และจงใจทิ้งระยะห่างให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สริตาต้องการ เพราะเธอหันขวับไปทางแอชตันแล้วจ้องมองเขาเขม็งทันทีด้วย สีหน้าและสายตาคาดคั้น
“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะคุณลุง! ฉันต้องการรู้เรื่องเดี๋ยวนี้!”
แอชตันไม่ตอบ แต่เขาหยุดเดินและฉุดให้เธอหยุดตามเขาไปด้วย แล้วชายหนุ่มก็หันไปบอกกับซัมเมอร์ซึ่งเดินนำหน้าไปว่า “คุณไปก่อนเลยซัมเมอร์ ผมขอเวลาห้านาที”
เลขาฯ สาวไม่ตอบอะไร แต่อาการพยักหน้ารับและเดินต่อไปของเธอก็เป็นการตอบรับคำสั่งของแอชตันแล้ว
และเมื่อเหลือเพียงเธอกับเขา แอชตันจึงดึงเด็กสาวไปยังข้างทาง เพื่อไม่ให้ตอนนี้ตนเองและเธอเกะกะขวางทางเดิน
“ว่ายังไงล่ะ” สริตาคาดคั้นเขาเสียงกราดเกรี้ยว เมื่อความกลัวเริ่มทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ “หลังจากที่ อมพะนำมานาน คุณลุงจะบอกฉันได้หรือยังว่านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!”
ยิ่งได้พูดหญิงสาวก็ยิ่งเหมือนคนสติแตก เธอตัวสั่นเทาขึ้นมาเสียจนแอชตันต้องเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอเอาไว้ ทว่ามันกลับยิ่งทำให้หัวใจของเธอดิ่งวูบ ช่องท้องว่างโหวงขณะที่เริ่มปวดมวนในท้องด้วยความหวาดกลัวที่แล่นจับหัวใจ
แอชตัน แอดดิสันไม่ได้อ่อนโยนกับเธออย่างนี้มานานแล้วนับตั้งแต่คืนนั้นที่เธอค้นพบความลับของเขา และทำให้สถานะระหว่างเธอกับเขาเปลี่ยนไป!