“คุณลุงมาทำอะไรที่นี่!”
เจ้าของเสียงหวานทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองร้องใส่เขาจนแทบจะเป็นตะโกนด้วยความไม่พอใจ ขณะที่แอชตันจ้องมองคนที่ปล่อยผมยาวสยายที่ช่วงปลายดัดเป็นลอนม้วนใหญ่ ผมบางส่วนละผ่านไหล่บอบบางเปลือยเปล่าปกปิดทรวงอกอิ่มซึ่งถูกปกปิดด้วยเกาะอกสีดำตัวเล็กความกว้างขนาดเท่าฝ่ามือของเขาเท่านั้น และกางเกงขาสั้นกุดที่โชว์เรียวขายาวสวยราวกับนางแบบของหญิงสาว ใบหน้ารูปหัวใจเล็กๆ นั้นตบแต่งเข้มจัด ขับให้เธอดูเป็นสาวสะพรั่งมากยิ่งขึ้น ความสวยอย่างลงตัวระหว่างสองเชื้อชาติขับเน้นให้หญิงสาวดูโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามอง และเขาก็เห็นสายตาของผู้ชายหลายคนในห้องที่จ้องมองเธอด้วยสายตาราวกับอยากจะกระโจนเข้าขย้ำกลืนกินเนื้อตัวของยายเด็กบ้านี่!
แอชตันสูดลมหายใจลึกด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในอก ดวงตาสีเขียวเข้มของเขาแข็งกร้าวเมื่อเห็นการแต่งกายของ หญิงสาวอย่างชัดตา ความไม่พอใจแล่นลิ่วอย่างยากที่จะระงับ ทว่าถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงรักษาท่าทางสงบนิ่งของตัวเองเอาไว้ได้
“ก็มาทำลายแหล่งมั่วสุมของเธอไงล่ะเด็กน้อย!”
มหาเศรษฐีหนุ่มตอบโต้เสียงเรียบ ขณะส่งสายตาไปรอบๆ เป็นเชิงไล่พวกที่ยังมุงอยู่ให้กลับไป
แต่การทำอย่างนั้นของเขากลายเป็นว่ากระตุ้นให้สริตาโกรธมากยิ่งขึ้น
“แหล่งมั่วสุมอะไร!” เจ้าหล่อนตะโกนใส่เขาเสียงดังมากกว่าเดิม “แล้วฉันไม่ต้อนรับคุณลุงด้วย! มาทางไหนไปทางนั้นเลย!” เธอชี้นิ้วไล่เขาอย่างไม่ไว้หน้า และแอชตันก็เกลียดการกระทำนี้ของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง
มหาเศรษฐีหนุ่มไม่ตอบอะไรเธอ แต่หันไปสั่งผู้ช่วยของเขาซึ่งกลับมายืนอยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเอาจริงว่า “นาธาน สั่งให้คนของเราเชิญแขกตัวน้อยๆ ออกไปให้หมด บอกพวกเขาว่าปาร์ตี้จบแล้ว กลับไปนอนบ้านได้!”
สริตาได้ยินที่แอชตันตอบโต้กลับมาอย่างนี้ก็แทบจะเต้นเร่าด้วยความไม่ชอบใจ “ลุงจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้” น้ำเสียงของเธอกราดเกรี้ยวในตอนที่ตะโกนใส่เขาอีกครั้ง แต่แอชตันไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขายื่นมือไปจับข้อมือเธอแน่นแล้วกระชากหญิงสาวให้เริ่มออกเดิน เพื่อหาสักห้องที่เงียบสงบให้เขาได้พูดกับเธอเป็นการส่วนตัวมากกว่านี้
“ฉันทำได้แน่แม่ตัวแสบ แล้วเรามีเรื่องต้องคุยกัน!”
“เราไม่มีเรื่องอะไรคุยกัน” สริตาพยายามจะต่อต้าน แต่เธอสู้แรงของเขาไม่ได้ “แล้วฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าลุงด้วย”
คนที่ทิ้งเธอไปหลังจากงานศพแล้วหายหน้าไปนานนับสามเดือนมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเธอกัน! อ้อ! หรือจะมาอ้างความเป็นผู้จัดการมรดกผู้ปกครองบ้าบออะไรนั่น อย่าฝันไปเลยว่าเธอจะเชื่อฟังเขา!
“งั้นก็ไม่ต้องมอง” แอชตันตอบขณะที่ดันร่างสริตาเข้าไปยังห้องนอนซึ่งเป็นห้องเดียวที่ไม่มีคนอยู่ในนั้น ก่อนจะปิดประตูตามหลังเสียงดังสนั่นหลังจากที่ผลักเธอเข้าไปสำเร็จ “แต่เธอก็ยังมีเรื่องต้องคุยกับฉันอยู่ดี!”
ท่าทางเดือดจัดของเขาไม่ได้ทำให้สริตากลัวแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นเขาเธอก็ยิ่งโมโห แถมตอนนี้ในร่างกายเธอก็มีแอลกอฮอล์อยู่พอสมควรจนไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
“ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย”
หญิงสาวตอบเสียงสะบัด พลางยกมือขึ้นกอดอกเมื่อ แอชตันปล่อยข้อมือเธอแล้ว
ทว่าประโยคที่ไม่สำนึกอะไรทั้งสิ้นของหญิงสาวก็ทำให้คนที่พยายามจะอดทนอดกลั้นกับเธอสติขาดผึงไปจนได้ การเดินทางนับสิบชั่วโมงก็ทำให้เขาเพลียมากพอแล้ว แต่การที่ต้องมาทนดูเด็กสาวตรงหน้าไม่สำนึกอะไรเลยก็ทำให้เขาหมดสิ้นความอดทนที่มีต่อเธอในที่สุด ชายหนุ่มก้าวตรงไปหาหญิงสาวอย่างคุกคาม ดวงตาของเขาตอนนี้ลุกเรืองไปด้วยไฟโทสะเสียจนทำให้คนที่กรึ่มไปด้วยแอลกอฮอล์เผลอก้าวถอยหลังหนี แล้วห่อตัวเองด้วยความสะท้านเยือกกับอารมณ์กรุ่นโกรธของชายหนุ่มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขาอาจจะเคยโมโหเธอ หัวเสียใส่เธอแต่ไม่เคยโกรธรุนแรงถึงเพียงนี้!
“เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ หา! สริตา!” แอชตันที่ไล่ต้อนเด็กสาวจนเธอจนมุมตะคอกใส่เธอดังลั่น “สมองเธอกลวงหรือไงถึงได้คิดอะไรบ้าบอออกมาได้!”
สริตาแม้จะกลัวจนตัวสั่น แต่กลับไม่ยอมแพ้ ยังคงตอบโต้คนตัวโตกว่าอย่างฉะฉานเก่งกล้าต่อไป
“คุณลุงหมายถึงเรื่องอะไร”
แอชตันนึกอยากจะเขย่าคอยายเด็กบ้าตรงหน้านี่นักที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเอาเสียเลย!
“ก็เรื่องที่เธอทำตัวเหลวแหลกช่วงนี้ยังไงล่ะ!”
เธอจะพังชีวิตตัวเองไปถึงไหนกัน คิดจะท้าทายเขาใช่ไหมถึงได้ทำอย่างนี้!
“อะไรที่เรียกว่าเหลวแหลกกัน” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบโต้ “ฉันกำลังเศร้าอยู่นะ อย่าลืมสิ ฉันต้องการการปลอบโยนทางจิตใจ”
มหาเศรษฐีหนุ่มถึงกับแสยะยิ้มออกมาเมื่อฟังข้อกล่าวอ้างที่หญิงสาวใช้แก้ตัวให้ตัวเอง การปลอบโยนทางจิตใจบ้าบออะไรกัน! เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!
“เธออย่าหาข้ออ้าง ถ้าต้องการความปลอบโยนอะไรนั่นเธอควรไปพบจิตแพทย์!” ชายหนุ่มตอกใส่หน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างรู้เท่าทัน “แต่เธอกำลังท้าทายฉันด้วยการทำตัวสมองกลวง! ขาดเรียน! มั่วปาร์ตี้! และอาจจะมั่วเซ็กซ์ด้วย!”
ข้อปรามาสสุดท้ายนั้นทำให้คนฟังหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แม้ใบหน้านั้นจะหนาเตอะไปด้วยเครื่องสำอางก็ตาม
“ลุง!” ดวงตาของเด็กสาววาววับขึ้นมาทันที “มันชักจะเกินไปแล้วนะ!”
“ไม่เกินไปหรอก” แอชตันสวนกลับทันควัน “ฉันจับตาดูเธอมาตลอดสามเดือน!” เขาชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วแล้วยื่นไปตรงหน้าเธอจนแทบจะเป็นทิ่มใบหน้าเล็กๆ รูปหัวใจนั้นอย่างดุดัน “และเป็นสามเดือนที่เธอทำตัวดิ่งลงเหวลงเรื่อยๆ อย่างคนไร้สมอง! หรือเพราะพ่อกับพี่ชายไม่อยู่แล้วเลยคิดว่าเป็นอิสระแล้ว ซึ่งฉันขอบอกว่าเธอคิดผิด!”
สริตาคลายริมฝีปากที่ขบแน่นออก “แล้วจะทำไม ลุงจะทำอะไรได้!” ตอนท้ายเธอเชิดหน้าถามอย่างท้าทาย