สริตาเม้มปากอย่างไม่พอใจกับคำตอบกวนของเขา “ไหนยายเลขาฯ นั่นบอกว่าลุงไปเอธิโอเปีย”
ตั้งแต่แอชตันเป็นผู้ปกครองของเธอ มีแค่เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขาโผล่มาพังงานปาร์ตี้ของเธอที่เธอได้เห็นตัวเป็นๆ ส่วนใหญ่เป็นซัมเมอร์ เลขาฯ สาวหุ่นยนต์เอไอที่ไม่ยอมตอบสนองอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากคำสั่งของเขาเท่านั้นแหละที่ติดต่อกับเธอ และก่อนที่เธอจะกล้าท้าทายแอชตัน อีกฝ่ายก็บอกเธอว่าแอชตันต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเธอก็ไม่คิดจะใช้เซลล์สมองอันมีค่าของเธอไปจดจำอย่างเด็ดขาดว่าแอชตันจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหน เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย!
“ฉันไปฝรั่งเศสต่างหาก” แอชตันขมวดคิ้วพลางเอ่ยแก้ “และตอนนี้ก็กลับมาแล้วไง”
สริตาเบ้ปากใส่เขา นึกอยากตอบโต้ว่าเธอไม่ได้ตาบอดที่เห็นว่าเขากลับมาแล้ว แต่ก็ห้ามปากตัวเองเอาไว้ ทำเพียงส่งเสียงในลำคออย่างไม่ชอบใจเท่านั้น
“เชอะ”
พอเห็นว่าหญิงสาวไม่ต่อปากต่อคำแอชตันจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น”
ก่อนจะเข้ามาเขาเห็นสริตากำลังอาละวาดใส่พนักงานอยู่พอดี
ซึ่งพอถามเขาไปอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าก็ฉวยโอกาสต่อว่าเขาอย่างรวดเร็วและใส่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะมากกว่าที่ใช้จิกพนักงานสาวผู้น่าสงสารเมื่อครู่นี้เสียอีก
“อ้อ ลืมไปเลย ร้านที่นี่ห่วยแตก” เธอเน้นคำว่าห่วยแตกเสียงดัง “เครื่องเสียก็หาว่าบัตรเครดิตของฉันมีปัญหา มันจะมีปัญหาได้ยังไงเพราะมันไม่เคยมีปัญหา!”
ตอนท้ายเธอยืนยันอย่างมั่นใจ ตระกูลพาวเวลล์นี่หรือมีปัญหาเรื่องเงิน!
บอกได้เลยว่ากับอีแค่เงินไม่กี่หมื่นนี่มัน-เป็น-ไป-ไม่-ได้!
เธอสามารถเหมาทั้งช็อปและอย่างละห้าคู่ได้ด้วยซ้ำไปถ้าเธอต้องการ บัตรของเธอวงเงินถึงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะมาโทษว่าปัญหาเกิดจากบัตรของเธอมันเป็นไปไม่ได้!
นี่คือเรื่องตลกที่สุดในรอบปีเลย!
ทว่าแอชตันที่เป็นเจ้าของห้างจะไม่สะดุ้งสะเทือนกับ คอมเพลนท์อันดุดันของลูกค้าสาวเลยแม้แต่น้อย
“ปัญหาอะไร”
เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่ยากจะคาดเดา
พนักงานของร้านหน้าซีด ก่อนจะค่อยๆ ชี้แจงออกมาอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าตนเองจะถูกตำหนิว่า
“บัตรของมิสพาวเวลล์ไม่ผ่านน่ะค่ะ ซึ่งดิฉันคิดว่า...”
“อ้อ” แอชตันร้องออกมาอย่างเข้าใจแล้ว พร้อมกับโบกมือให้อีกฝ่ายหยุดพูด “ไม่เป็นไร ต้องขอโทษคุณด้วยนะ...” เขาก้มมองป้ายชื่อของพนักงานสาว “...ซูซี่ เด็กในปกครองของผมเธออารมณ์ไม่ดีไปหน่อยน่ะ” เขาเอ่ยจบพลางส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้อีกฝ่ายราวกับจะปลอบใจ
“ค่ะ”
“คุณไปทำงานต่อเถอะ ผมจะอธิบายกับเธอเอง”
พนักงานสาวมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเมื่อตนเองไม่โดนตำหนิ ก็รีบฉวยโอกาสนี้ออกไปจากวงสนทนาอันดุเดือดนี้ทันที แม้ใจอยากจะดูสักหน่อยว่า ‘ผู้ปกครอง’ กับ ‘เด็กในปกครอง’ ที่เป็นข่าวดังที่สุดเมื่อสามเดือนก่อนนั้นจะปะทะคารมกันอย่างดุเดือดแค่ไหน แต่ความรักตัวเองมีมากกว่าจะไปอยู่กลางสงครามน้ำลายอันน่ากดดันของคนรวยนั้นก็ทำให้เธอปลีกตัวออกไปอย่างว่องไง
“นี่มันอะไรกัน” สริตาเอะอะอย่างโมโห “ลุงรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับบัตรของฉัน”
เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ขณะที่ในใจชักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
แอชตันยิ้มกว้างพลางพยักหน้าตอบรับอย่างแช่มชื่น “รู้สิ ก็ฉันจัดการเองนี่นา”
“ลุงทำอะไรกับบัตรของฉัน!” คราวนี้เจ้าของบัตรถึงกับตาลุกวาวด้วยความกราดเกรี้ยว
แต่แอชตันนอกจากจะไม่สะทกสะท้าน ยังยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ ก่อนจะบอกหญิงสาวไปตามตรงว่า
“ฉันสั่งระงับมันเอง...ทุกใบ”
“หา!”
สริตาอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก ขณะที่มหาเศรษฐีหนุ่มก็เอ่ยต่อไปว่า
“รวมถึงจำกัดเงินเดือนของเธอด้วย จนกว่าเธอจะทำตัวดีขึ้น”
“ลุงทำอย่างนี้ได้ยังไง!”
หญิงสาวโวยวายดังลั่น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก เมื่อแอชตันแปรเปลี่ยนสีหน้าเย้ยหยันของเขาเป็นสีหน้าเยียบเย็น และดวงตาของเขาก็ฉายแววโทสะที่มากกว่าเธอเสียอีกจนสริตาที่จำดวงตาของสัตว์ป่ากระหายเลือดนั้นได้ดีถึงกับหุบปากฉับ แล้วถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
“คงต้องขอบอกว่าฉันทำได้...เพราะฉันเป็นผู้ปกครองของเธอ”
“…”
“รวมถึงทรัพย์สินของเธอด้วยนะสาวน้อย...”