“นี่หลานสาวน้าเองค่ะ ชื่อพลอยค่ะเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ แล้วก็มาเปิดร้านนี้แหละค่ะ” น้าอัมพรแนะนำเพิ่มด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพลอย” นายหัวธนธรรศเอ่ยทักทายเสียงอีกครั้ง
“นายหัวเรียกพลอยเฉยๆ ก็ได้ค่ะ วันนี้จะมาซื้ออะไรดีคะ”
“ยังไม่รู้เลยขอเดินดูก่อนนะ”
นายหัวหนุ่มเดินสำรวจสินค้าไปทั่วราวกับมาซื้อของจริงจัง แต่เดินวนอยู่นานก็ยังไม่รู้จะซื้ออะไรเพาะปกติแล้วไม่ค่อยซื้อของใช้เข้าบ้างเองและคนที่ซื้อก็คือน้าอัมพร แต่ถ้าหากไม่ซื้อก็คงไม่ดีแน่สุดท้ายเลยซื้อเบียร์แบบกระป๋องและกาแฟอย่างละถาดเพราะเป็นสองสิ่งที่น้าอัมพรไม่เคยซื้อให้
“นายหัวจะจ่ายเป็นเงินสดหรือสแกนคะ” พิมพ์พลอยวางแผ่นอะคริลิคขนาดครึ่งเอสี่ที่ด้านในเธอปริ้นคิวอาร์โค้ตสำหรับชำระเงินไว้
“สะดวกดีเหมือนกันนะที่มีบริการสแกนสำหรับจ่ายเงินแต่คงไม่มีคนใช้บ่อยไหม”
“ค่ะ ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะจ่ายเป็นเงินสด”
“ที่นี่ก็แบบนี้แหละครับ เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาหมดไปกับงานตลอดทั้งวันเลยไม่มีใครสนใจใช้โทรศัพท์มือถือเท่าไหร่”
“นายหัวก็จ่ายเงินค่าจ้างเป็นเงินสดเหรอคะ”
“ก็ส่วนใหญ่นะ แต่ก็มีบ้างที่โอนเข้าบัญชี”
นายหัวหนุ่มจ่ายเงินค่าเบียร์และกาแฟจากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นหลังรถกระบะแล้วขับออกไป
พิมพ์พลอยนึกอะไรบางอย่างออก ถึงคนที่นี่จะใช้เงินสดแต่ก็คงมีบ้างที่พวกเขาเขาอยากจะโอนเงินหรือซื้อของออนไลน์
“น้าอัมพรคะ พลอยมีอะไรจะถามค่ะ” หญิงสาวถือขวดน้ำมาส่งให้น้าสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าทีวีในมุมของร้าน
“เกี่ยวกับนายหัวหรือเปล่า” เพราะเห็นว่าหลานสาวคุยกับนายหัวธนธรรศอยู่นานก็เลยคิดว่าเรื่องที่จะถามต้องเกี่ยวกับเขา
“ไม่ใช่เรื่องนายหัวค่ะ แต่เป็นเรื่องที่คุยกับนายหัวค่ะ นายหัวบอกว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ” น้าอัมพรยังไม่เข้าใจว่าพิมพ์พลอยกำลังคิดจะทำอะไรแต่เห็นววตาของหลานสาวแล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังสนุกกับการทำงานที่ร้านของตัวเอง
“แล้วถ้าเกิดพวกเขาอยากจะโอนเงินไปให้คนอื่นเช่นลูกที่ไปเรียนในเมืองหรือซื้อของออนไลน์สักชิ้นพวกเขาจะทำยังไงคะ” เธอนึกภาพตัวเองเวลาไม่มีแอปพลิเคชั่นธนาคารสำหรับโอนเงินหรือการไม่ซื้อของออนไลน์ไม่ออกเลยเพราะมันเป็นมากสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
“ก็เข้าไปโอนที่ธนาคารในเมืองจ้ะ”
“แบบนี้ไม่ลำบากแย่เหรอคะ”
“ก็นิดหน่อยจ้ะ พลอยถามทำไมเหรอหนูกำลังคิดจะทำอะไรหรือเปล่า”
“หนูคิดว่าจะเปิดบริการรับโอนเงินค่ะ หรือใครอยากสั่งของออนไลน์ก็ได้ให้เขามาส่งที่ร้านเพราะพวกเขาไม่ค่อยอยู่บ้านกันใช่ไหม”
“เงินผ่านบัญชีเยอะๆ หนูไม่กลัวเรื่องภาษีเหรอ”
“น้าอัมพรคะหนูทำงานด้านบัญชีมาก่อนนะคะเรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ”
“ถ้าพลอยอยากทำก็ลงมือเลยจ้ะ ทำป้ายตัวโตๆ ติดไว้ด้วยดีไหมแล้วน้าก็จะให้น้าประทีปช่วยบอกคนงานด้วยอีกแรง”
“ขอบคุณมากค่ะ พลอยว่าอยู่ที่นี่มีอะไรสนุกๆ ให้พลอยทำเยอะเลยค่ะ”
“น้าดีใจนะที่พลอยอยู่ที่นี่แล้วมีความสุข”
“พลอยก็ไม่คิดเหมือนกันคะว่าร้านเล็กๆ ของพลอยมันจะทำให้พลอยมีความสุขมากขนาดนี้ พลอยขอบคุณยาอัมพรกับน้าประทีปนะคะถ้าไม่น้าสองคนคอยช่วยพลอยก็คงแย่เหมือนกัน”
“น้างสองคนยินดีช่วยค่ะ ที่ทำก็หวังว่าพอแก่ไปพลอยจะไม่ทิ้งน้าสองคนนะ” น้าอัมพรพูดติดตลก
“ใครจะทิ้งคนที่เหมือนเป็นพ่อกับแม่ของพลอยล่ะคะ” พิมพ์พลอยพูดพลางกอดน้าสาวไว้แน่น บิดามารดาของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้วเธอก็มีแค่น้าสองคนที่เป็นญาติสนิท ส่วนน้าอัมพรและน้าประทีปพวกเขาก็ไม่มีลูกพวกเขาก็เลยรักพิมพ์พลอยเหมือนกันลูก
ครบสองสัปดาห์แล้วที่พิมพ์พลอยเปิดร้านขายของชำ หญิงสาวปรับตัวเข้ากับการชีวิตในชนบทได้มากขึ้น เธอเริ่มชินกับการตื่นเช้ามาเตรียมเปิดร้านและยิ้มทักทายลูกค้าขาประจำที่แวะเวียนมาอุดหนุน แต่สิ่งหนึ่งที่พิมพ์พลอยยังคงรู้สึกรำคาญใจอยู่เสมอคือ กลุ่มคนงานในสวนปาล์มและสวนยาง ที่มักจะมานั่งดื่มยาดองกันที่ร้านยาดองของลุงชมที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่คูหาในทุกๆ เย็น
พิมพ์พลอยกำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงบุหรี่บนชั้นวางของ หลังจากที่ลูกค้าคนหนึ่งเพิ่งเดินออกไป
ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายและเสียงหัวเราะครึกครื้นก็ดังลอดเข้ามาในร้านเป็นสัญญาณว่าตอนนี้วงยาดองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“วันนี้แม่ค้าคนสวยจะเปิดร้านถึงกี่ทุ่มน้า.....” เสียงแหบห้าวของชายฉกรรจ์คนหนึ่งดังขึ้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ
พิมพ์พลอยชะงักมือเล็กน้อยเธอพยายามเก็บสีหน้าและทำเป็นไม่ได้ยิน หญิงสาวพยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงแซวเหล่านั้น
“แม่ค้าครับ ผมอยากเห็นหน้าหวานๆ ของแม่ค้าจังเลย เลย มานี่หน่อยได้ไหมค้าบบบ” เสียงแซวอีกคนดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงผิวปากล้อเลียน
ใบหน้าสวยหวานเริ่มบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อยด้วยความเบื่อหน่าย แต่เธอก็ยังคงอดทน พยายามไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา เพราะเธอรู้ดีว่าการต่อปากต่อคำกับคนพวกนี้ไม่เคยนำมาซึ่งผลดี
"ว้า..... แม่ค้าคนสวยไม่สนใจพวกเราเลยว่ะ” ชายคนหนึ่งบ่นเสียงดังปนหัวเราะ
“สงสัยแม่ค้าแกจะชอบคนเงียบๆ ว่ะเลยไม่ชอบคนพูดมากอย่างพวกเรา”
“เอ๊ะ หรือว่าแม่ค้าคนสวยจะมีผัวแล้วนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เสียงหัวเราะของชายพวกนั้นดังระงมกว่าเดิม
พิมพ์พลอยกำผ้าเช็ดเคาน์เตอร์แน่นตอนนี้ความโกรธกำลังจะถึงขีดสุด เธออยากเดินไปบอกผู้ชายพวกนั้นให้หุบปากแต่พวกนั้นก็มีกันหลายคนและกำลังเมาได้ที่
“ช่างมันเถอะพลอย... ช่างมัน... อย่าไปสนใจ” พิมพ์พลอยพูดกับตัวเอง
หญิงสาวทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนั้นพูด แต่ทว่าสายตาของพิมพ์พลอยก็เหลือบไปเห็นคนงานรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำแดด แววตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นกำลังเดินตรงมาที่ร้านของเธอ
“แม่ค้าคนสวยคร้าบ...ปิดร้านแล้วไม่นั่งกินยาดองด้วยกันไหม พวกเราอยากทำความรู้สึกแม่ค้าสักหน่อย”
“ขอบคุณที่ชวนค่ะ แต่ฉันไม่ชอบกินเหล้า”
“มันเหล้าที่ล่ะคนสวย มันคือยาสมุนไพรนะ กินแล้วซู่ซ่ากระชุ่มกระชวยดีนะครับ”
“ไม่ล่ะค่ะ ถอยไปหน่อยได้ไหมคะฉันจะปิดร้านแล้วค่ะ” หญิงสาวดึงประตูเหล็กด้านหนึ่งมาจนสุดแต่อีกด้านหนึ่งชายคนนั้นเอามือดันไว้
“ปิดไปก็ต้องนอนเหงาอยู่คนเดียวไปสนุกกันดีกว่าน่า” ชายคนเดิมพูดด้วยเสียงดังทำให้พวกที่นั่งอยู่ที่ร้านยาดองพากันผิวปากแซวเสียงดังลั่น
“ถ้านายไม่ได้มาซื้อของก็ให้เธอปิดร้านเถอะนายหมาย”
พิมพ์พลอยหันไปตามเสียงแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่พูดนั้นคือนายหัวธนธรรศ