“คุณแสนคะนึงคะ คุณหญิงเนื้อทองต้องการพบที่ห้องท่านประธานค่ะ”
แสนคะนึงที่เพิ่งจะกลับมาทำงานวันแรกเงยหน้าจากกองเอกสาร ทำหน้างงๆ ไม่คุ้นเคยกับชื่อที่ผู้ช่วยเลขาเอ่ยออกมาเลยสักนิด เธอถามย้ำว่า
“ใครนะคะ?”
“คุณหญิงเนื้อทองค่ะ”
หญิงสาวคิดทบทวน แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร อยากจะอ้าปากถามผู้ช่วยเลขาสาว แต่ก็ถูกหล่อนพูดตัดหน้าก่อนว่า
“รีบตามฉันมาเถอะค่ะ
แสนคะนึงมองสีหน้ารีบร้อนของหล่อนแล้วได้แต่คิดว่า คนที่ต้องการพบเธอคงเป็นคนสำคัญในบริษัทนี้ อาจเป็นผู้บริหารระดับสูงคนใดคนหนึ่งก็ได้ ถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากพบเธอด้วยเหตุใด แต่เธอก็พยักหน้ารับแล้วเดินตามหลังผู้ช่วยเลขาไปโดยดี ทันทีที่ประตูห้องทำงานห้องท่านประธานเปิดออก เธอขมวดคิ้วมองนางแบบสาวคนดังที่นั่งไขว่ห้างเป็นนางพญาอยู่บนโซฟารับแขก ข้างๆ กันเป็นหญิงวัยห้าสิบปลายๆ รุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของรัญชนา แต่ไม่ใช่
แม้จะไม่รู้จักมักจี่และไม่ทราบว่าหญิงชราคนนี้เป็นใคร แต่แสนคะนึงก็เอ่ยถามตามหน้าที่ว่า
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงเรียกพบดิฉันด้วยธุระอะไรหรือคะ”
เนื้อทองที่นั่งเชิดคอมองเหยียดลูกสะใภ้ตัวจริงนิ่วหน้ากับสรรพนาม และคำพูดที่ฟังดูราวกับคนไม่รู้จักกัน ปกติแสนคะนึงจะเรียกนางว่า ‘คุณแม่’ อย่างนอบน้อมทุกคำ ไม่ใช่คำที่หางเหินดูเป็นทางการอย่าง ‘คุณผู้หญิง’
“หล่อนคิดจะมารยาสาไถยอะไรอีก จะแกล้งประชดทำเป็นไม่รู้จักฉันยังงั้นหรือ”
“เปล่าค่ะ แต่ดิฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอกำลังจะบอกว่าเธอไม่สนใจและไม่เคารพคุณแม่สามีของตัวเองอย่างนั้นเหรอ” รัญชนาจงใจยั่วยุอารมณ์โกรธของเนื้อทองให้โหมกระพือ แสดงท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางเต็มที่
เนื้อทองยิ่งขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจอย่างหนักที่สะใภ้แสนชังริจะหัวแข็งต่อต้านนาง
“มันจะมากเกินไปแล้วนะแม่แสนคะนึง นับวันหล่อนจะยิ่งกำเริบเสิบสาน คอยดูเถอะ...ฉันจะสั่งให้ตาแทนหย่ากับหล่อนแล้วเฉดหัวทิ้งซะ!”
แสนคะนึงเลิกคิ้ว ไม่ได้ตกใจกับคำขู่ของนาง แต่เพิ่งถึงบางอ้อก็ตอนที่รัญชนาบอกว่าเนื้อทองเป็น ‘แม่สามี’ ของเธอนี่แหละ ดูเหมือนนอกจากเธอจะลืมแทนชนม์แล้ว คนรอบตัวเขาเธอก็พลอยลืมไปด้วย ยกเว้นว่าคนๆ นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับเธอเหมือนกัน เธอถึงจะจำได้
แสนคะนึงลอบสังเกตท่าทีสนิทสนมของสองสาวต่างวัย ท่าทางแม่ผัวของเธอดูร้าย เจ้ายศเจ้าอย่างน่าดู มองจิกเธอด้วยหางตาอยู่ตลอด
สรุปสั้นๆ ได้ว่าแม่สามีไม่ชอบหน้าเธอสักเท่าไร
คงอยากได้รัญชนามาเป็นศรีสะใภ้มากกว่า อาจเป็นเพราะชนชั้นวรรณะและความแตกต่างกันที่มากเกินไประหว่างตัวเธอกับลูกชายนาง ทำให้ครอบครัวฝ่ายชายนึกรังเกียจเดียดฉันท์
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร...
อดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาแสนคะนึงคนก่อนต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอคงทุกข์ระทมจมอยู่กับคราบน้ำตาและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก สามีที่หวงพึ่งพิงก็นอกใจ ส่วนแม่สามีที่ควรเห็นใจให้ความยุติธรรมกับเธอ ยิ่งเป็นตัวตั้งตัวตียุให้ลูกชายหย่าขาดจากเธอเร็วๆ คงเป็นเพราะเหตุนี้เธอจึงเลือกจะลืมทุกคนที่ทำร้ายกัน ลืมทั้งสามี ชู้รักของเขา รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย
“คุณผู้หญิงเรียกดิฉันมาพบเพราะเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยคะ” แสนคะนึงยังคงเรียกนางเช่นเดิม ในเมื่อเธอหย่ากับแทนชนม์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องนับญาติกัน
“คุณแม่ดูสิคะ ผู้หญิงคนนี้จงใจกวนประสาทคุณแม่ชัดๆ คงจะถือตัวว่าเป็นภรรยาของแทน เลยไม่เห็นหัวใคร” รัญชนายังคงใส่ไคล้โหมไฟให้ยิ่งลุกโชน แถมยังออกโรงปกป้องนางอย่างออกนอกหน้าอีกว่า “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวรัญชน์จะช่วยสั่งสอนผู้หญิงไร้มารยาทคนนี้แทนคุณแม่เอง คุณแม่จะได้ไม่ต้องเสียมือ”
แสนคะนึงแอบขำ นึกว่ากำลังดูละครเวทีบรอดเวย์อยู่ แอกติงของรัญชนาเทียบชั้นระดับฮอลลิวูดจริงๆ หล่อนแสดงเก่งขนาดนี้ น่าจะไปเอาดีด้านการแสดงแทนที่จะเป็นนางแบบนะ เอาเถอะ...รัญชนาอุตส่าห์เล่นใหญ่ขนาดนี้ เธอจะช่วยให้ความร่วมมือกับหล่อนก็แล้วกัน อยากประจบเอาใจแม่ผัวขนาดไหนเชิญตามสบาย เธอจะถือเสียว่าเป็นการทำบุญสร้างกุศลอย่างหนึ่ง