ตอนที่ 6 การทวงคืน

1472 Words
ควีน ณพงศ์ น้ำตาของควีนยังคงรินไหลจวนแทบจะหมดตัวเพื่อรอใครคนนั้นที่เขาต้องการทุกวินาที นับตั้งแต่วันที่เขมก้าวขาออกจากบ้านของเจ๊หยก ผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในอารมณ์ของความรู้สึกสูญเสียคนที่ไว้ใจและรู้ใจเขามากที่สุดไปยังคงตกอยู่ในภวังค์ของความเศร้าหมอง ในทุกๆ วันเจ๊หยกจะนำอาหารพร้อมน้ำดื่มและขนมที่โปรดปรานขึ้นมาป้อนจนไม่เป็นอันทำงานอย่างอื่น เธอยังทำหน้าที่แม่ที่ดีแต่คนเป็นแม่ก็ถูกลูกชายปฏิเสธความหวังดีจากเธอโดยสิ้นเชิง อาการที่ดูเศร้าหมองของควีนยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังไม่ยอมแตะอาหารเลยแม้แต่น้ำที่เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มกินได้ง่ายก็ยังปฏิเสธ เป็นเวลาเกือบ 4 วันเต็มที่เขาไม่ยอมทำอะไรเอาแต่พร่ำเพ้อถึงเขมเพียงคนเดียว ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารและหดหู่ใจเหลือเกินสำหรับคนเป็นแม่ เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกชายได้ เจ๊หยกร้องไห้ทุกครั้งที่ขึ้นมาพบกับสภาพของควีน วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอนำอาหารขึ้นมาให้ลูกตามปกติ ลูกชายของเธอยังคงมีอาการเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงแต่อย่างใด สำหรับวันนี้ควีนดูอ่อนแรงลงมากเพราะขาดอาหารและน้ำที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อร่างกาย เมื่อคนเป็นแม่ได้เห็นสภาพที่ลูกชายทนทุกข์ทรมานต่อหน้าต่อตาก่อนที่เธอจะโผเข้าสวมกอดลูกชายด้วยความสงสาร แต่เธอกลับต้องชะงักกับท่าทีของลูกชายที่ถือรูปของใครสักคนหนึ่งอยู่ในมือ พอเธอตั้งใจดูให้ดีก็ทราบว่าเป็นรูปของลูกจ้างคนที่เพิ่งลาออกไปนั่นเอง แต่รูปใบนั้นเป็นรูปคู่ระหว่างลูกชายของเธอกับลูกจ้างหนุ่ม ที่ในรูปแสดงถึงความน่ารักความทะเล้นของเด็กหนุ่มทั้งสองคน ควีนเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดระยะเวลาสี่วันที่ผ่านมา สีหน้าแววตาของลูกชายเธอเริ่มมีประกายที่บ่งบอกถึงความสุข ขณะที่เธอกำลังชื่นใจและกำลังจะมีรอยยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้กับลูกชายอยู่นั้น ควีนกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหันจนเธอรู้สึกหวาดกลัวในแววตาดุดันที่ยังจับจ้องรูปในมืออย่างไม่ละสายตาพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวจนเธอผงะและรีบดึงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงของลูกชายทันที เธอรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้นไม่ใช่ลูกชายที่เธอคุ้นเคยอีกแล้ว  "แม่เป็นอะไรหรอครับ ทำไมทำท่าทางเหมือนกลัวผมแบบนั้น?" น้ำเสียงเข้มบวกกับสายตาดุดันมองมาที่เธอและเอ่ยถามเธอที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัวไม่หาย  "เปล่าจ้ะ แม่เพียงรู้สึกตกใจเท่านั้น หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมองแม่แบบนั้น" ความน่ากลัวของลูกชายเธอทำให้เจ๊หยกกลับมาพูดสำเนียงภาษาไทยอย่างชัดเจนไม่หลงเหลือสำเนียงจีนสักคำ "หนูไม่เป็นอะไรหรอกครับ แม่เอาข้าวขึ้นมาให้หนูใช่ไหม พอดีเลยหนูกำลังหิว ขอบคุณแม่มากนะครับ" เจ๊หยกไม่ทันได้พูดโต้ตอบอะไรลูกชายก็ถูกมือทั้งสองของลูกชายยื่นมารับสำรับข้าวที่วางอยู่ข้างโต๊ะหัวเตียงขึ้นไปตักกินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยงไปในพริบตา ควีนยังถามถึงอาหารเพิ่มอีก เจ๊หยกจึงรีบลงไปจัดแจงอาหารอีกสำรับขึ้นมาให้กับลูกชายได้กินต่อด้วยความแปลกใจระคนสงสัยและมีข้อกังขาอีกมากมายภายในใจของเธอ แต่ไม่สามารถที่จะถามลูกชายในสิ่งที่เธอเห็นอยู่นี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเธอกันแน่ หลังจากที่ควีนทานอาหารสำรับที่สองเสร็จเรียบร้อย ไม่นานเจ๊หยกก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อควีนลงมาจากชั้นบนด้วยชุดไปรเวทสบายๆ พร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังหนึ่งใบ "ควีนจะไปไหนลูก หนูเพิ่งอาการดีขึ้นเองนะแม่ว่าหนูกลับขึ้นไปพักผ่อนดีกว่าจ้ะ" เจ๊หยกถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไรครับแม่ หนูมีธุระต้องทำและหนูต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้ แม่ไม่ต้องถามหนูหรอกนะว่าหนูจะไปไหน หนูจะไปทวงคนของหนูคืนไม่ว่าใครก็มาห้ามหนูไม่ได้ หมดข้อสงสัยแล้วใช่ไหมครับ ถ้างั้นหนูขอตัวนะครับแม่..." แต่เจ๊หยกก็ถูกลูกชายปฏิเสธขึ้นมาทันควันด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดุดันเช่นเดิม เธอกลับตกใจในคำพูดของลูกชายมากกว่าความน่ากลัวทางสีหน้าและน้ำเสียง ทำให้เธอต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของใครคนหนึ่งทันที หลังจากที่ลูกชายของเธอเดินก้าวออกจากประตูบ้านไปอย่างรวดเร็ว   "สวัสดีจ้าทิชา นี่พี่หยกเองนะ" "สวัสดีครับพี่หยกมีอะไรหรือเปล่าครับฟังเสียงไม่ค่อยดีเลย" "เขมอยู่กับทิชาใช่ไหมจ๊ะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหวาดกลัว  "ใช่ครับเขมอยู่กับผมเองมีอะไรหรือเปล่าครับพี่หยก" "ควีนกำลังไปตามตัวเขมที่บ้านของทิชาจ้ะ ถ้ายังไงฝากดูแลควีนด้วยนะเพราะเขาพูดจาแปลกๆ จนพี่รู้สึกกลัวมาก เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทิชาเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะ เขาน่ากลัวมากจริงๆ ฝากดูแลควีนด้วยนะ อย่ารุนแรงกับควีนนะพี่ขอร้อง ตอนนี้พี่กำลังจะขับรถตามเขาไปจ้ะ" ดาราหนุ่มเงียบไปสักครู่หนึ่งก่อนจะตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตึงเครียดเล็กน้อย  "ได้ครับพี่หยกไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลเขาเอง"  เจ๊หยกกดวางสายจากดาราหนุ่มแล้วรีบหยิบกระเป๋าถือวิ่งตรงไปที่โรงจอดรถของบ้าน ก่อนจะขับรถยนต์ส่วนตัวออกตามหาลูกชายด้วยความเป็นห่วง   ระหว่างเส้นทางจากบ้านของควีนไปที่บ้านของทิชา ซึ่งเป็นระยะทางกว่ายี่สิบกิโลเมตร แต่ความเร็วที่ควีนเหยียบคันเร่งอยู่เป็นระยะด้วยอารมณ์โกรธแค้น ส่งผลให้รถยนต์ส่วนตัวของควีนโลดแล่นอยู่กลางถนนด้วยความเร็วเกินมาตรฐานกฎหมายจราจรกำหนด ขณะที่ดวงตาคมบัดนี้มันได้แสดงถึงอารมณ์โกรธแค้นขุ่นเคืองแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตาอย่างไรอย่างนั้น  "เป็นเพราะแกคนเดียวอีทิชาแส่ไม่เข้าเรื่อง มีสิทธิ์อะไรมาพรากเขมไปจากฉัน วันนี้ฉันจะพาเขมกลับมาเป็นของฉันให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม แต่ถ้าแกไม่ยอมส่งเขมคืนให้ฉันหรือเขมไม่ยอมกลับไปพร้อมฉัน แกก็อย่าฝันว่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุขอีกต่อไป พี่จันทร์ของฉันแกก็เอาของฉันไป เขมคนที่ฉันขาดไม่ได้แกก็มาเอาเขาไปอีกคน แกนี่มันเลวจริงๆ ฉันจะทำให้แกจดจำฉันไปจนวันตายอีทิชา!!!" ควีนนั่งรำพันด้วยความเคียดแค้นไปตลอดทางก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านของดาราหนุ่มด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง อาฆาตพยาบาทที่กำลังรุมเร้าจิตใจของเขาอยู่ขณะนี้ก่อนที่เขาจะส่งสายตามองหาบ้านของดาราหนุ่มตาม GPS บอกทาง ในที่สุดก็มาถึงบ้านเป้าหมายอย่างปลอดภัย แล้วหามุมเปลี่ยวเพื่อจอดรถยนต์พร้อมทั้งหยิบกระเป๋าเป้สะพายขึ้นหลัง จากนั้นเขาก็แอบกระโดดข้ามรั้วบ้านใหญ่โดยที่ไม่มีใครสังเกต ควีนพยายามด้อมๆ มองๆ หาช่องทางเข้าไปภายในบ้านใหญ่ของดาราหนุ่มอย่างระมัดระวัง เนื่องจากแม่ของดาราหนุ่มได้จ้างบอดี้การ์ดเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของลูกชายคนเดียวที่เป็นความหวังไว้จำนวนหลายคน แต่เขาก็พบช่องทางเข้าไปด้านในตัวบ้านเป็นผลสำเร็จ ก่อนที่เขาจะแฝงตัวเข้าไปปะปนกับกลุ่มคนใช้ประจำบ้าน โดยควีนได้ขโมยเอาชุดของคนใช้มาสวมใส่และอำพรางใบหน้าด้วยการใส่หมวกคลุมศีรษะและหน้ากากอนามัยให้เหมือนกับคนใช้อีก 2 คนที่กำลังง่วนกับการทำอาหารในห้องครัว ซึ่งเป็นชุดในการประกอบอาหารของบ้านคุณนภาที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน โดยไม่มีใครทันสงสัยว่าบัดนี้ได้มีคนแปลกปลอมมาปะปนร่วมกับพวกเขาอยู่ภายในบ้าน  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD