พิมพ์พลอย...
เธอรู้สึกคุ้นชื่อนี้มากเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งใจนึกให้ดีว่าเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของผู้ชายคู่กรณีตรงหน้าก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พูดมาสิว่าเธอจะรับผิดชอบค่าเสียหายยังไง รู้เอาไว้ด้วยนะว่ารถคันนี้ฉันเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน แถมฉันยังขับรถคันนี้ยังไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ”
ดวงตาคู่สวยหันไปมองรถก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของรถอีกครั้ง รถของเขายังใหม่อยู่ก็จริง แต่ที่ว่าใช้งานยังไม่ถึงสิบครั้งน่าจะไม่ใช่ แต่ไม่ว่ายังไงคนผิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย และตอนนี้คนผิดก็คือเธอที่อาศัยร่างกายนี้อยู่
“ฉันจะรับผิดชอบค่าเสียหายให้คุณโดยการจ่ายค่าซ่อมรถให้คุณทั้งหมด เดี๋ยวฉันจะโทรให้อู่มาเอารถคุณไปซ่อม”
“กว่าช่างจะมา กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ ฉันมีนัดคุยงานสำคัญที่ Thewa Group ไม่มีเวลาว่างมารอเธอทั้งวัน จ่ายมาห้าแสนแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ”
“ห๊ะ! ห้าแสน?”
“ใช่ จ่ายมาห้าแสนแล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ”
“ห้าแสนมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอคะ ฉันคิดว่าค่าซ่อมรถไม่น่าจะแพงขนาดนั้น” เรียกมากขนาดนั้นทำไมไม่บอกให้เธอซื้อรถใหม่ให้เลยล่ะ
แบบนี้มันปล้นกันชัดๆ
“แค่ห้าแสนถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ หรือว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ นี่เธอคิดจะโกงฉันงั้นเหรอ!”
“โอ๊ย! คุณฉันเจ็บ” แรงบีบตรงข้อมือทำให้เธอเงยหน้าขึ้นไปพูดกับชายตรงหน้าเสียงสั่น แต่ทว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยมือเธอแล้ว เขายังเพิ่มน้ำหนักมือแรงยิ่งกว่าเดิม
“หรืออยากจะให้เรื่องนี้ถึงตำรวจ หึ! เธอคงไม่รู้ว่าหลานชายฉันเป็นตำรวจเขตพื้นที่นี้ ถ้าไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจก็จ่ายมาห้าแสนแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องเธอที่ขับรถประมาท”
“คุณปล่อยแขนฉันก่อนได้ไหม คุณบีบแขนฉันแรงมาก ฉันเจ็บ” เชื่อสิว่าข้อมือเธอจะต้องเป็นรอยแดงเถือกแน่ๆ
“ฉันปล่อยเธอแน่ แต่เธอต้องจ่ายค่าซ่อมรถฉันมาก่อน หรือว่าเธอไม่มีเงิน?”
“คุณ... ฉันเจ็บ ปล่อยแขนฉันก่อนได้ไหม”
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยก็พูดมาสิว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ฉันห้าแสนบาท ถ้าเธอไม่พูดฉันก็ไม่ปล่อย”
“ปล่อยแขนเธอซะ!”
“ปล่อยแขนเธอซะ!”
หล่อมาก!!!
หล่อวัวหายควายล้ม หล่อไม่บันยะบันยังไม่คิดเผื่อแผ่ความหล่อให้คนอื่น หล่อเหมือนลอยได้ หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อเหมือนไม่ใช่คน บรรพบุรุษของความหล่อ
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบสี่ปีกระทั่งตายจากโลกเดิมเธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อปะล้ำปะเหลือ หล่อเหลือกินเหลือใช้ หล่อเหลาเบ้าหน้าฟ้าประทานเหมือนผู้ชายคนนี้มาก่อน
รูปร่างสูงใหญ่อกกว้างไหล่ตึงไม่ต่างจากหุ่นนายแบบตัวท็อประดับโลก ใบหน้าคมคายมีรอยบุ๋มตรงคางเพิ่มเสน่ห์ชวนมอง คิ้วเข้มเรียวสวยเหมือนบรรจงเขียน ดวงตาคมกริบทอประกายว่างเปล่าน่าค้นหา จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา ริมฝีปากบางเฉียบน่าสัมผัส ทุกอย่างที่ประกอบเป็นผู้ชายคนนี้คือความลงตัวราวกับประติมากรรมชั้นเลิศระดับโลก
นอกจากความหล่อก็คือความมีน้ำใจของเขาที่ทำให้เธอซาบซึ้งจนต้องหันไปส่งยิ้มกว้างขอบคุณ แต่ทว่านอกจากเธอจะไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับ ผู้ชายหล่อเหลาที่เธอยิ้มให้ยังมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ ไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยที่เขากำลังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ดวงตาคมกริบสีนิลทอประกายว่างเปล่าของเขาทำเธอสะอึก แต่เธอก็ยังพยายามฝืนยิ้มก่อนจะยิ้มค้างให้กับคำพูดประโยคต่อมาของเขาที่พูดตอกหน้าคู่กรณีของเธอที่ยังบีบกระชับแขนเล็กของเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่เคยมีใครสั่งใครสอนเหรอว่าห้ามทำร้ายร่างกายผู้หญิง หรือว่าสมองกลวงโง่จนจำไม่ได้ว่าใครสอนอะไรบ้าง”
“ไอ้งั่งเอ้ย! นี่มึงกล้าด่ากูเหรอ!” อธิปถึงขั้นเลือดขึ้นหน้าโกรธจนคุมสติไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่ด่าตัวเองว่าโง่ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าก็ยิ่งโมโห ตั้งใจจะพุ่งเข้าไปเอาเรื่องเต็มที่ แต่เมื่อเห็นรูปร่างสูงใหญ่กอปรกับดวงตาคมกริบที่มีรังสีความเยือกเย็นเปล่งประกายออกมาก็ต้องหยุดตัวเองเอาไว้ มองชายหนุ่มอายุน้อยกว่าตรงหน้าด้วยสายตาเลิ่กลั่กทว่าก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดข่มขู่ไม่หยุด
“ไม่ใช่เรื่องของมึง อยากเสือก! ส่วนเธอพูดมาว่าจะรับผิดชอบยังไง จะจ่ายห้าแสนหรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจ ถ้าฉันแจ้งตำรวจเรื่องมันไม่จบแค่ห้าแสนแน่ เธอรู้ไหมว่ารถฉันราคาเท่าไหร่? หึ... ไม่รู้สินะ อย่างเธอทำงานทั้งชีวิตก็ไม่รู้จะมีปัญญาดาวน์รถคันนี้ได้หรือเปล่า”
หญิงสาวอ้าปากค้างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดูถูกกันแรงขนาดนี้ แต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรออกไป ผู้ชายคนเดิมที่เธอยกให้เขาเป็นอัศวินขี่ม้าขาวก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“เศษเหล็กคันนั้นน่ะเหรอรถ?”
ดวงตาคมกริบทอประกายเย็นชาและการแสยะยิ้มของอัศวินขี่ม้าขาวทำเธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีทั้งที่เธอไม่ใช่คนที่ถูกเขามองและแสยะยิ้มใส่ ถึงจะสะใจที่เขาด่าผู้ชายคนนั้นว่าโง่ทว่าเธอก็ไม่เห็นด้วยเรื่องที่เขาบอกว่ารถหรูของผู้ชายคนนั้นคือเศษเหล็ก
ถ้าบอกว่ารถคันนั้นคือเศษเหล็ก รถคันที่เธอขับมาก็คงเป็นซากปรักหักพังของวิญญาณเศษเหล็กล่ะมั้ง
“เศษเหล็กงั้นเหรอ? มึงกล้าดียังไงมาว่ารถกูเป็นเศษเหล็ก อ่อ... คงจะเป็นพวกเดียวกันสินะ เกิดมาคงจะไม่เคยมีรถแพงๆขับก็เลยไม่รู้ว่ารถรุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ พวกจนไม่เจียมกะลาหัว!”
“หึ”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนกล้าดียังไงมาแสยะยิ้มใส่หน้ากู มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนอย่าอวดเก่งให้มันมาก หรือว่ามึงอยากจะมีเรื่องกับกูอีกคน”
“ผมว่าคุณใจเย็นๆก่อนดีกว่าครับ ถ้าใช้แต่อารมณ์คุยกันเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ” การันต์ที่รอจังหวะอยู่นานรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที รู้ดีว่าถ้าตนไม่รีบเข้ามาแทรกกลางอาจมีคนถูกหามส่งโรงพยาบาลก็เป็นได้
ซึ่งคนที่จะถูกหามส่งโรงพยาบาลก็คงไม่พ้นคนที่กำลังโวยวายอยู่ตอนนี้
“แล้วคุณเป็นใคร เป็นพวกเดียวกันกับสองคนนี้งั้นเหรอ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” เพราะถูกฝึกให้ใจเย็นและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้ช่วยมือฉมังควบตำแหน่งเลขานุการของท่านรองประธานกรรมการใหญ่จะยังคงใจเย็น ซึ่งต่างจากคนเป็นเจ้านายที่พร้อมระเบิดทุกอย่างได้ทุกเมื่อตามประสาคนที่ถูกตามใจจนเคยตัว “เจ้านายผมเป็นเพื่อนกับคุณผู้หญิงท่านนี้ ค่าเสียหายทั้งหมดเจ้านายผมจะเป็นคนรับผิดชอบ”
เมื่ออีกฝ่ายพูดจาดีอธิปก็เริ่มใจเย็น ที่สำคัญเขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้มาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน “ผมว่าผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณมาก? ผมไม่แน่ใจว่าเราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”
“ผมชื่อการันต์ครับ ทำงานที่ Thewa Group ถ้าคุณบอกว่ากำลังจะไปคุยงานที่ Thewa Group เราสองคนอาจจะเคยติดต่อธุระกันมาก่อน ผมเองก็จำไม่ค่อยได้เพราะวันๆหนึ่งมีคนติดต่อเข้ามาหาเจ้านายผมเยอะมากจริงๆ”
“คุณบอกว่าคุณทำงานที่ Thewa Group? ส่วนผู้ชายคนนั้นคือเจ้านายคุณ?”
“ครับ ‘คุณคิณณ์ณภัทร บริภัทรเทวาพิมุข’ คือเจ้านายของผม”