ตอนที่ 4
แฟนคลับ
ฉันสะดุ้งตกใจพร้อมทั้งแหงนหน้ามองเจ้าของเสียงด้านบน เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ขึ้นมาทำความสะอาดชั้นสอง เธอมองหน้าฉันด้วยท่าทางของคนที่ไม่พอใจ ก่อนจะปรายตามองไปยังด้านล่างที่เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“นั่นใคร”
“พนักงานทำความสะอาดไง”
“แต่วันนี้คุณต้วนจ้างมาแค่คนเดียวนะ ทำไมถึงมีอีกคนหนึ่งมา”
“ก็คนนั้นคือพนักงานทำความสะอาดที่คุณต้วนอะไรของเธอจ้างมา”
“ถ้าคนนั้นเป็นพนักงานทำความสะอาด แล้วเธอเป็นใคร”
“ฉันก็เป็นแค่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วเจอผู้ชายที่ชื่อศิลาลากเข้ามานั่นไง เธอจำไม่ได้หรอ”
“แล้วเธอก็ยอมให้ฉันใช้เธอทำความสะอาดชั้นล่างเนี่ยนะ ไม่มีปากหรอก็ไม่ได้เป็นใบ้นิ”
“ก็.. อือ”
“เธอเป็นบ้าไปแล้วหรอ อยากเป็นแม่บ้านมากว่างั้น”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ฉันบอกตรง ๆ ที่ฉันมาที่นี่เพราะฉันอยากเจออี้เฉินเธอรู้จักใช่ปะ ฉันขอเข้าไปหาเขาได้ไหม”
“ประทานโทษนะคะคุณผู้หญิง เธอรู้ใช่ไหมว่าคุณอี้เฉินคือใคร แล้วเธอจะมาหาเขาในฐานะอะไรไม่ทราบ”
“แฟนคลับ”
“ต่อให้เธอจะเป็นแฟนคลับตัวยงหรืออะไรก็ช่าง แต่เวลานี้คือเวลาส่วนตัวคุณอี้เฉินไม่สะดวกให้พบ ถ้าเธอไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดก็ออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วก็หุบปากให้สนิทถ้าเรื่องรั่วออกไปว่าคุณอี้เฉินอยู่ที่ไหนเธอไม่ได้อยู่สงบสุขแน่!”
“ฉันไม่ปากมากหรอกน่า แต่ฉันขอแค่ได้เห็นสามีฉันสักนิดนึงก็ยังดี! นิดเดียวก็ได้! นิ๊ดดดดดเดียวก็ได้นะ นะ”
“นี่เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนเนี่ย! ไม่ได้!”
“นิดเดียว! แค่เห็นหน้านิดเดียวเอง~ สัญญาจะไม่บอกใคร นะ นะ”
“ถ้าเธอยังไม่ออกไปจากที่นี่! ตอนนี้! ฉันจะโทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก!”
///
“ข้างนอกมีอะไรกันหรอ”
ผมเอ่ยถามไอ้พี่ต้วนผู้ชายหน้าหล่อเจ้าของคลับที่เป็นเพื่อนสนิท เพราะว่าได้ยินเสียงโวยวายจากข้างนอกมาหลายรอบ และไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่าย ๆ
“ไม่มีอะไร เสียงของพนักงานทำความสะอาดที่จ้างมาชั่วคราวพูดคุยเสียงดังนิดหน่อย”
“กูว่าไม่หน่อยนะ มึงไม่ออกไปดูหน่อยหรอ”
“ก็กูออกไปดูเมื่อกี้แล้วไง ถ้ากูออกไปอีกรอบกูไล่ตะเพิดกลับบ้านหมดแน่”
‘นิดเดียวเอง~ ขอแค่เห็นหน้าของอี้เฉินนิดเดียวก็ได้’
ถึงแม้ว่าผมจะฟังภาษาไทยไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่เสียงที่ผมได้ยินอยู่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพูดถึงผมอย่างแน่นอน
ผมหันหน้ามองเพื่อนทั้งสามคนที่ยังนั่งกระดกน้ำสีอำพันเข้าปากด้วยท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนประดุจนั่งแดกเหล้าอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย
“กูมีเพื่อนเป็นดาราดังนี่กูก็ปวดหัวนะ ไหนมึงบอกว่าไม่มีใครรู้ว่ามึงมาไทยวันนี้ไง”
“กูเลื่อนไฟลต์บินกะทันหัน ไม่มีใครรู้แน่นอนว่ากูมาวันนี้”
“ไม่รู้ห่าอะไรล่ะ! ข้างนอกนั่นน่ะแฟนคลับมึงแน่นอน ไม่โผล่หน้าหล่อ ๆ ของมึงไปดูหน่อยหรอ”
“แฟนคลับ? ไม่ไหว ๆ ตามมาขนาดนี้กูไม่รู้เลยว่าแฟนคลับหรือโรคจิต! ถ้ากูถูกฉุดไปข่มขืนจะทำไง”
“โอ้โหไอ้คุณอี้! มึงช่างกล้าพูด”
ผมยักไหล่ส่งให้ไอ้พี่ศิลาอย่างขอไปที แม้ว่ามือจะหยิบแก้วเหล้ามากระดกเข้าปากแต่สายตาก็ยังมองออกไปข้างนอกไม่ละ ใครกันที่จะรู้ว่าผมอยู่ไทยทั้งที่ไม่มีในตารางงาน และไม่ได้ให้ผู้จัดการส่วนตัวเผยแพร่ออกไปด้วย ยิ่งเป็นที่ไทยด้วยแล้วไม่น่าจะมีคนรู้เร็วขนาดนี้
“มึงต้องไปเผลอเอาหน้าหล่อ ๆ ไปให้ใครที่ไหนเห็นแน่ ๆ ถึงได้ตามมึงมาขนาดนี้ ก่อนที่จะมาหาพวกกูวันนี้มึงไปไหนมาบ้างล่ะ”
“กูก็ไม่ได้ไปไหนนะ! กูลงเครื่องแล้วกูก็มาหาพวกมึงเลย.. ไม่สิ!”
ใช้ชีวิตแบบดาราดังอย่างผมก็น่าเบื่ออยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะขยับร่างกายไปทางไหนก็มีแต่เหล่าแฟนคลับห้อมล้อมจนแทบจะหายใจไม่ออก ถ้าถามว่าผมชอบไหมผมตอบเลยว่าชอบมากเพียงแต่ในบางเวลาผมก็ต้องการความเป็นส่วนตัวที่มากหน่อย แต่ผมกลับไม่เคยได้รับความรู้สึกนั้น
“ไม่? ไม่อะไรวะ”
“ก่อนมาหาพวกมึง กูไปร้านกาแฟร้านนึงแล้วเหมือนยัยพนักงานหน้าจืดนั่นจะรู้จักกูว่ะ หรือว่าเป็นยัยนั่น”
“มึงอยากรู้ก็ไปดูดิ! กระจกที่นี่มองมาจากข้างนอกไม่เห็นหรอก”
ทันทีที่ไอ้พี่ต้วนพูดมาแบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นยืนก้าวเท้ายาว ๆ เดินไปยืนกอดอกมองออกไปยังด้านนอก และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังหันหลังเดินลงไปจากชั้นสองพอดี
“ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่รู้ว่ะ มองไม่ทันลงไปแล้ว”
ผมเองก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าเรื่องวุ่นวายด้านนอกเงียบเสียงลงแล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่ แล้วกระดกแก้วของตัวเองต่อโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องข้างนอกอีก
เอาจริง ๆ การที่ผมโดนตามติดแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่ผมก้าวเข้าวงการจนมีชื่อเสียงมาทุกวันนี้ ความสงบสุขราบเรียบที่ผมฝันอยากจะได้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย ไม่ว่าจะอยู่ที่จีนหรืออยู่ที่ไทย
“แล้วมาครั้งนี้มึงมาจะอยู่นานแค่ไหน”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว.. ครั้งนี้มาเซ็นสัญญาเฉย ๆ”
“อีกไม่นานเทรนทวิตเตอร์ก็จะขึ้น #ประเทศไทยมีอี้เฉินแล้ว สินะ”
ผมเหลือบสายตามองไอ้หมอหน้าหล่อด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ ในลำคอส่งให้มัน
“ทำไมมึงหัวเราะยังงั้นวะ กูกลัวนะเว้ย”
“เหอะ ๆ”
“มึงก็จะไปแหย่ไอ้อี้มันเยอะไอ้คินน์.. แล้วนี่พักที่ไหน”
“คอนโด”
ผมตอบไอ้พี่ศิลาด้วยน้ำเสียงราบเรียบดังเดิม อาจจะเพราะว่าผมไม่ได้บอกไอ้พวกนี้ว่าก่อนมาที่นี่ผมจัดการซื้อคอนโดหรูไว้เรียบร้อยแล้วละมั้ง แต่มันก็ทำเพียงพยักหน้าส่งให้ไม่ได้คิดจะถามอะไรต่อ
///
“หงุดหงิดวุ้ย! อุตส่าห์ได้เข้าไปเกือบจะใกล้ชิดสนิทเหมือนแฟนกับสามีละ”
ฉันเดินมาที่รถเปิดประตูแล้วโยนกระเป๋าลงเบาะข้าง ยกแขนสองข้างขึ้นมากอดอกมองเข้าไปในคลับแห่งนี้อย่างไม่วางตา
ตึดึ๊ด!
‘เจอมั้ย’
‘ไม่เจอ’
‘อ่าว.. ทำไมไม่เจอวะ กูส่งโลให้ถูกละนะเว้ย’
‘กูเจอสถานที่ กูรู้ว่าคนอยู่ที่นี่! แต่แค่ไม่เจอคน’
‘งั้นไม่เกี่ยวกับกูละ บาย’
ฉันมองหน้าจอที่เป็นข้อความสุดท้ายของไอ้ไวเปอร์ด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใจมันแต่หงุดหงิดทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่
“ถ้านั่งรอจนคลับปิดจะเจอมั้ยนะ”
“แล้วถ้าเรารออยู่ในนี้อี้เฉินไม่ได้ออกมาล่ะ”
“หรือว่าเราจะเข้าไปในฐานะนักเที่ยวดีนะ”
“ไม่ไหว ๆ เหล้าไม่เห็นจะอร่อยเลย ดูแล้วเสียงเพลงก็ดัง คนก็เยอะ ไม่ถูกใจเลยแฮะ”
ฉันยังคงนั่งกอดอกจ้องมองไปด้านในอย่างช่วยไม่ได้ รู้อยู่เต็มอกว่าพ่อรูปหล่อของฉันอยู่ในนั้น แต่กลับไม่สามารถหาทางเจอเขาได้
“เอาว่ะ!”
ฉันตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะต่อสายไปหายัยเพื่อนคนสวยอย่างปั้นแป้งทันที
‘ฮัลโหลว่าไง’
“ไอ้แป้ง~ ฉันอยากกินเหล้า~”
‘ไอ้ผิง! แกเป็นอะไร อยู่ไหน’
“อยู่ดีเอ็นดีคลับ~ มาหาหน่อย~”
‘รอแป๊บ’
ฉันทำเสียงยาน ๆ คราง ๆ เหมือนคนเมานิดหน่อยคุยกับเพื่อนสนิท ก่อนจะนั่งกอดอกมองเข้าไปด้านในตามเดิม ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งมองหน้าประตูนั้น จนรอบตัวมืดลงอย่างรวดเร็ว ไฟในร้านสว่างขึ้น เริ่มมีนักเที่ยวชายหญิงแต่งตัวสวยเดินเข้าไปในร้านอย่างคับคั่งในเวลาเพียงครู่เดียวหลังคลับเริ่มทำการ
ฉันมองผู้หญิงเหล่านั้นที่แต่งตัวสวยหรูดูดีก่อนจะปรายตามองชุดตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกที
ก๊อก! ก๊อก!
ฟืด~
“มาแล้วหรอ”
“จะเข้าไปหรอ”
ปั้นแป้งไม่ได้ตอบแต่ยิงคำถามมาที่ฉัน ก่อนจะเดินไปฝั่งข้างคนขับ เปิดประตูแล้วยัดตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนไม่ต่างกันเข้ามาในรถ
“อือ อี้เฉินอยู่ในนั้น”
“ยังไม่เจออีกหรอ”
“ยัง เจอแต่ตัวปัญหากับสามหนุ่มหล่อปานเทพบุตร แต่สามีฉันยังไม่เจอ”
“แกทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์ขึ้นทุกวันนะไอ้ผิง”
ปั้นแป้งบ่นอย่างไม่ได้จริงจังนัก ก่อนจะยื่นถุงกระดาษที่มันถือมาให้ถุงหนึ่ง ฉันเอื้อมมือไปรับมาเปิดดูพบว่าด้านในมีเสื้อผ้าที่น่าจะเหมาะกับสถานที่อยู่ชุดหนึ่ง
“ไอ้แป้ง~ ฉันรักแกที่สุดเลย”
ฉันหันไปมองหน้ามันก่อนจะยิ้มหวานส่งให้อย่างคนที่ดีใจ อย่างที่บอกนั่นแหละว่าฉันกับมันสนิทกันมาตั้งแต่มหาลัย มีหรอที่ฉันกับมันจะไม่เข้าใจกันและกัน
“ว่าแต่ไอ้ผิงเราจะไปเปลี่ยนที่ไหน”
“เปลี่ยนในนี้แหละ”
ฉันยักคิ้วให้มันก่อนจะจัดการถอดเสื้อยืดออกอย่างง่ายดาย เพื่อนรักอย่างปั้นแป้งเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น พวกเราต่างคนต่างจัดการกับเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วภายในเวลาที่เร่งด่วน
“ไอ้แป้ง แกแต่งหน้าหน่อยมั้ย”
“แกก็แต่งหน่อยเหอะ ว่าแต่ฉัน”
ฉันพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเล็กมาเปิดออก จัดการแต่งหน้าด้วยความเร็วแสง และในเวลาต่อมาก็แปลงโฉมจากมนุษย์ป้าเป็นสาวนักล่ายามราตรี
“ปะ!”