@ผับ Y 🍻
ในค่ำคืนที่แสงไฟสลัว ผู้คนมากมาย ในสถานที่ของนักท่องราตรี บรรยากาศภายในครึกครื้นเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสี เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่านักเที่ยวกลางคืนเป็นอย่างมาก แสงแฟลชจากเครื่องส่องไฟเวทีไล่สาดแสงผ่านหมอกควันบาง ๆ ที่ลอยคลุ้งทั่วผับ กลิ่นแอลกอฮอล์เจือควันบุหรี่แตะปลายจมูกอย่างจาง ๆ เสียงหัวเราะ แว่วเสียงแก้วกระทบกันประปราย สอดประสานกับจังหวะบีทของดนตรีที่ดังกระแทกหัวใจ พื้นด้านล่างเบียดเสียดด้วยผู้คนที่โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ขณะที่แสงไฟสีน้ำเงิน แดง เขียว กระพริบไล่สลับอย่างบ้าคลั่ง บ่งบอกถึงความร้อนแรงของค่ำคืนที่ยังไม่มีท่าทีจะจบลงง่าย ๆ
สามหนุ่มหล่อนั่งอยู่บนชั้นสองของผับ โซนวีไอพีที่มีเฉพาะคนรวยระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะเข้ามายังพื้นที่ส่วนนี้ได้ โต๊ะวีไอพีตั้งอยู่ในมุมสูง มองเห็นภาพเบื้องล่างได้ถนัดเหมือนจุดสังเกตการณ์ พนักงานสาวในชุดเดรสสีดำสุดหรูผลัดกันเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยท่าทีเคารพและเกรงใจ โต๊ะหน้ากระจกใสสะท้อนเงาของพวกเขาอย่างน่าเกรงขาม แววตาของแต่ละคนฉายแววเฉยชาแต่ทรงอำนาจ ขณะนั่งพิงพนักโซฟาหนังแท้ สองขาขัดกันอย่างสบาย ๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจทุกกระเบียดนิ้ว บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยออร่าที่ใครก็สัมผัสได้ว่า คนเหล่านี้...ไม่ธรรมดา และแน่นอนพวกเขาสี่คน เฮียพีช เฮียโย เฮียฟาร์ และเฮียไปร้ท คือบุคคลที่สามารถเข้าออกพื้นที่นี้ได้โดยไม่ต้องขอนุญาตใคร เพียงแค่ปรากฏตัวในโซนวีไอพี พนักงานทั้งหมดก็ขยับตัวอย่างรู้หน้าที่ ผู้จัดการผับยังต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง เพราะเฮียพีชถือหุ้นของผับนี้อยู่ห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีกสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นของเฮียฟาร์ เมื่อเจ้าของผับมานั่งเอง ความเคลื่อนไหวของพนักงานก็ดูเร่งเร้าขึ้นอย่างมีนัย พวกเขาคืออำนาจในค่ำคืนนี้ เป็นคนที่ผับทั้งผับต้องเงี่ยหูฟังและยอมก้มหัวให้
🍻 : Past >> เฮียพีช
"แม่ง..ผู้หญิงสวยๆสดๆซิงๆหายไปไหนหมดวะ เจอแต่พวกของมือสอง โคตรเซง"
เสียงเปิดประตูดังเบา ๆ ก่อนที่ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนจะก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่ติดตัว สายตากวาดมองรอบห้องด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด ขอบตาคล้ำเล็กน้อยเพราะเที่ยวหนัก สไปร้ททรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้มารยาท มือเสยผมลวก ๆ ก่อนโยนตัวพิงพนักด้วยท่าทางหงุดหงิด ใบหน้าเหยเกแสดงความเซ็งขั้นสุด
"หึ...ตอนเอาไม่เห็นมึงจะเลือก เอาเสร็จเสือกทำเป็นบ่น ไอ้เชี้ย !!
ทันทีที่มาถึงผับแทนที่มันจะตรงมาหาเพื่อน ไอ้เพื่อนตัวดีกลับเอาแต่เตาะสาวหมวยในผับ ไม่ถึงห้านาทีก็ปิดจ้อบ จับสาวสวยไปกระแทกในห้องน้ำชั้นสอง ก่อนจะเดินออกมาอย่างหมดอารมณ์ เมื่อผู้หญิงที่มันเอาทั้งหลวมทั้งย่าน วาสนาของมันเจอแต่ของมือสองที่แทบจะหมดสภาพการใช้งาน โคตรน่าเวทนา ถึงอย่างนั้นมันก็ยังกินไม่เลือก ขอแค่เป็นผู้หญิง โสด ไม่มีเจ้าของ และพร้อมจะไปกับมัน มันเอาได้หมด ครั้งเดียวจบ ไม่มีการสานสัมพันธ์ต่อ น้ำแตกก็แยกย้าย
ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ชั่วครู่ ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะหยันของฟาร์ เสียงเพลงเบื้องล่างยังคงดังทะลุกระจกขึ้นมาเป็นจังหวะกลบคำพูดหยาบของพวกเขา กลิ่นเหล้าแรง ๆ ลอยตลบอยู่ทั่วห้องผสมกับกลิ่นเครื่องปรับอากาศราคาแพงจนรู้สึกวูบวาบในโพรงจมูก
"แล้วเป็นไง...จัดไปกี่น้ำ" เสียงทุ้มของใครสักคนถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจมากนัก พลางยกแก้วดื่มไปด้วยดวงตาที่มองอย่างขำขัน
"ไอ้เชี้ย..มึงก็รู้ว่ากูไม่ซ้ำ...แค่น้ำเดียวยังไม่แตกเลย โคตรหลวมเลยว่ะ แม่ง ! เห็นหน้าตาซื่อซื่อ ไม่ซื่อเหมือนหน้าเลยสักนิด กูก็ว่าล่ะ...ทำไมเตาะติดเร็วนัก ที่แท้ก็เป็นงานอยู่แล้วนี่เอง"
น้ำเสียงของสไปร้ทขุ่นเคืองอย่างชัดเจน มือขยี้ผมแรง ๆ ด้วยอารมณ์ที่ยังค้างคา จนเส้นผมยุ่งเหยิงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาขุ่นมัวด้วยความผิดหวังและโมโหเจือกันปนเป
"ทีหลังมึงจะกินอะไรก็หัดเลือกบ้างดิวะ ไม่ใช่เห็นใครอ้าขาให้ก็เอาหมด" จาร์ฟาร์พูดพลางยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น สายตาจิกใส่เพื่อนอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอนหลังพิงเบาะ มือวางแก้วเหล้าลงอย่างใจเย็นแต่แฝงแววปราม
"ก็เขาเสนอ กูก็แค่สนอง สงสารน้องเขา..."
สไปร้ทยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่เห็นว่ามีอะไรผิด หัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อนน้ำเสียงเหน็บแนมจากเพื่อน ดวงตายังมีแววเจ้าชู้กรุ้มกริ่มติดปลายนัยน์ตา
"..เกิดอยากเป็นคนจิตใจดีขึ้นมาซะงั้น ? กูขอเตือน มึงอย่าแรดให้มันมาก..ระวังจะมีปัญหากับแฟนในอนาคต
"ฟงแฟนอะไรกูไม่คิดจะมีอยู่แล้ว คงไม่ไหวจะเคลียร์กับสาวๆในสต็อค
"หึ...คนเรามันจะอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปคนเดียวตลอดชีวิตมันเป็นไปไม่ได้หรอก สักวันมึงก็ต้องหยุด
"อืม..แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้....เลิกพูดเรื่องนี้สักที พูดถึงแล้วมันเสียอารมณ์"
ระหว่างพูดคุย สลับกับกับดื่มแอลกอฮอล์ สองสายตาของสไปร้ท เหลือบมองไปเห็นสาวสวยที่คุ้นตา กำลังนั่งดื่มกินกันอยู่ชั้นล่าง โดยมีกลุ่มผู้ชายแปลกหน้านั่งรายล้อมอยู่รอบๆบริเวณ ขณะที่กำลังจะยกแก้วอีกครั้ง สายตาของเขาก็เหลือบลงไปยังโต๊ะด้านล่าง และแล้วหัวคิ้วก็ขมวดทันทีอย่างฉับพลัน เมื่อภาพของหญิงสาวสองคนสะดุดตา สไปร้ทยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพ่งให้แน่ใจ แววตาวูบวาบด้วยความสงสัยและไม่ไว้ใจ
"เห้ย ! พวกมึงช่วยกูดูหน่อยดิ้ สาวๆโต๊ะนั้นใช่แพรไหมกับเหมยหลินรึเปล่าวะ"
เขาหันขวับมาทางเพื่อน น้ำเสียงเร่งเร้า สีหน้าเริ่มเครียด ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงครู่ ก่อนที่ใครบางคนจะตอบสนองทันที
"......
"เชี้ยเอ่ย..."
วาโยหันไปมองตามคำบอกเล่าของสไปร้ทก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ด้วยท่าทางขึงขัง ใบหน้าบึ้งตึง สองเท้ามุ่งตรงไปยังชั้นล่างโซนที่แพรไหมนั่งอยู่ เขากำหมัดแน่น สายตาร้อนแรงด้วยความโกรธ ภาพที่เห็นมันสวนทางกับสิ่งที่เธอบอกไว้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ความไม่พอใจพวยพุ่งขึ้นมาจนแทบระเบิดออกจากแววตา ทุกย่างก้าวที่ย่างลงบันได เหมือนเปลวไฟกำลังคุกรุ่นอยู่ในอก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วยังคุยกันอยู่เลย ไหนเธอบอกจะดูซีรีส์รออยู่ที่ห้อง แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่ผับแห่งนี้ได้ นึกแล้วก็โมโห เมียลับ ในปกครองมันดื้อ คงต้องกำราบสักหน่อยแล้ว
"ไปไหนวะ ?
"เดี๋ยวกูมา"
"อะ..อ้าว ไอ้นี่อีกคน..
สไปร้ทได้แต่งุนงง เห็นวาโยลุกพรวดพราดขึ้น ท่าทีขึงขัง ก็ว่างงแล้ว แต่พอไอ้พีชลุกตามไปด้วยอีกคนยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก เขาเบิกตากว้าง มองสลับระหว่างสองคนที่เพิ่งเดินออกจากห้อง ทั้งมึน ทั้งสงสัย จนต้องยกแก้วกระดกอีกอึก หวังให้เหล้าเย็นจัดช่วยกลบความสับสนในหัว อะไรกันวะ...หรือมันจะหวงน้องสาว..ถึงได้เดินตามวาโยลงไปแบบนั้น เขาขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีใครตอบให้ได้
@โซน A 🍻🍻
"ไหนบอกจะดูซีรีส์อยู่ที่ห้องไง แล้วทำไมมาโผล่อยู่ที่ผับ !"
เสียงเข้มกังวานแทรกขึ้นเหนือเสียงดนตรีในผับ แววตาคมกริบของวาโยฉายชัดถึงความขุ่นเคือง เขาก้าวยาว ๆ ฝ่าฝูงชนตรงมายังโต๊ะที่กลุ่มสาว ๆ นั่งอยู่ สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังหญิงสาวคนเดียวที่เขาสนใจ ดวงตาแข็งกร้าว แววโมโหฉายชัดแม้ใบหน้ายังดูสงบ
"วาโย ....."
เสียงของแพรไหมแผ่วลงทันตา ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ขณะดวงตากะพริบถี่ด้วยความตกใจ ร่างบางแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็งกลางโต๊ะ สายตาเธอประสานเข้ากับดวงตาคมจัดของอีกฝ่าย และสัมผัสได้ถึงอารมณ์กรุ่นโกรธที่พุ่งออกมา
"อืม...ยังดีที่จำหน้าพี่ได้ "
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แฝงแววประชดเล็กน้อย ขณะสายตายังไม่ลดระดับความจริงจัง ริมฝีปากตึงเครียด แต่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์มากนัก เขาเท้าสะเอวข้างหนึ่ง ลมหายใจเข้าออกถี่ขึ้นเล็กน้อย
"พี่มาได้ยังไง..."
แพรไหมถามเสียงแผ่ว ขณะที่มือซ้ายบีบชายเสื้อของตัวเองแน่น ราวกับหาที่ยึดเกาะ มืออีกข้างแตะโต๊ะเล็กน้อยเพื่อพยุงตัว ดวงตาวูบไหวอย่างไม่มั่นคง
"พี่ต่างหากที่ต้องถามแพร...ไหนบอกจะอยู่ห้อง แล้วมาที่นี่ทำไม
"มะ..มาแค่แปปเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับแล้ว
"งั้นก็กลับพร้อมพี่..เดี๋ยวพี่ไปส่ง...
"แต่ว่า....." เธอกำลังจะอธิบาย แต่เสียงก็เบาลงเรื่อย ๆ เหมือนเรี่ยวแรงหายไปกับสายตาที่จับจ้องมาจากคนตรงหน้า ริมฝีปากเม้มแน่น สีหน้าอึดอัดปนลังเล
"อย่าดื้อกับพี่นะแพรไหม..."
น้ำเสียงเข้มต่ำของเขาแทรกขึ้นอีกครั้ง หนักแน่นพอจะทำให้หัวใจเธอสะดุด ฝ่ามือเขากำชายเสื้อโค้ทแน่นเหมือนกำลังระงับอารมณ์ ดวงตานิ่งแต่คมกริบ เสียงเพลงรอบตัวดูเบาลงในวินาทีนั้น เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา
"ค่ะ.... : แพรไหมหน้างิกหน้างอ เมื่อโดนอีกคนดุ ก่อนจะหันไปบอกลาเพื่อนรัก
"พวกมึง กูขอตัวกลับก่อนนะ ลงบิลเอาไว้เดี๋ยวกูมาจ่าย"
เธอหันไปหาเพื่อนสาวด้วยสายตาจำยอม ปากยังติดจะงอน ๆ แต่แววตาอ่อนลง สองมือกำกระเป๋าถือแน่นเพราะเกร็ง
"เอ่อๆ ไปเห่อะ ดูท่าเฮียโยจะไม่ค่อยพอใจ มึงกลับก่อนเลยก็ได้ : ควีน
"อืม..ฝากดูแลเหมยด้วยนะควีน เดี๋ยวมันเมา"
แพรไหมพูดพลางพยักหน้าให้เพื่อน ดวงตาห่วงใยจริงจัง ใบหน้าอ่อนลงเล็กน้อยขณะเหลือบมองเหมยหลินที่กำลังหัวเราะร่วนอยู่
"คอทองแดงอย่างมันน่ะเหรอจะเมา..มึงบอกกูให้ดูแลมัน มึงดูมันก่อนไหม
ควีนเหลือบตาขำ ๆ ไปยังเพื่อนอีกคนที่นั่งหัวเราะอยู่กับหนุ่มหล่อหน้าเข้มที่ไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
แพรไหมหันมามองยังเพื่อนรักที่นั่งอยู่ท่ามกลางหนุ่มหล่อแบดบอย ดูก็รู้ว่าหนุ่มหล่อหน้าคมกำลังขายขนมจีบให้เพื่อนเธออยู่ แววตาของแพรไหมเต็มไปด้วยความเอ็นดูปนห่วงใย สายตามองทะลุกิริยาของชายหนุ่มที่เอนตัวเข้าหาเหมยหลิน พูดอะไรบางอย่างด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ สายตาแพรวพราว ขณะที่เหมยหลินหัวเราะคิกๆ พลางยกมือป้องปากอย่างเขินอาย ไม่แปลกใจเลยสักนิด เหมยหลินเป็นคนสวย สวยมากๆ มีหนุ่มหล่อบ้านรวยมารายล้อมก็ถือเป็นเรื่องปกติ เธอยิ้มน้อย ๆ ขณะคิดในใจ ก่อนจะค่อย ๆ เบือนหน้ากลับไปยังวาโยที่ยังยืนรออย่างไม่ลดละ ความรู้สึกกดดันพลุ่งพล่านอยู่ในอกเธอ