ไม่ชอบให้เรียกซ้ำกับใคร

1334 Words
@10 นาทีต่อมา "อีกัส ไปถ่ายรูปเป็นเพื่อนกูหน่อย" : แพตตี้หันมาบอกเพื่อนสาวเสียงใส ขณะกำลังหยิบมือถือขึ้นมาเช็กมุมกล้อง "อืม...ไปดิ กูว่ามุมนั้นสวย" : กัสจังพยักหน้าเบาๆ ดวงตาแพรวพราวเมื่อเห็นฉากหลังที่ร้านจัดไว้เป็นพิเศษ "มึงนั่งรอตรงนี้นะชะนี เดี๋ยวกูมา" : กัสจังหันมาบอกเพื่อนอีกคนพร้อมกับยักคิ้วน้อยๆ ก่อนจะเดินตามแพตตี้ไปยังมุมถ่ายภาพที่ทางร้านตกแต่งไว้อย่างละเมียดละไม ทั้งไฟประดับและม่านบางปลิวไหวตามลมเย็นยามบ่าย ทำให้ทุกอย่างดูมีเสน่ห์ไม่ต่างจากฉากในหนังโรแมนติก ในขณะเดียวกัน... "เออ ไอ้ราม ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ" : ไฟเพลิงเอ่ยพลางลุกขึ้นแล้วหันไปมองเพื่อน "มึงไปคนเดียวไม่ได้รึไง โตเป็นควายขนาดนี้แล้ว" : รามสูรเลิกคิ้ว มองเพื่อนอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็รู้ดีว่าที่เพลิงชวนไม่ใช่เพราะกลัวอะไรหรอก แต่เพราะอยากทิ้งพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้ใครบางคนได้อยู่กันสองต่อสอง "เออน่า...ไปเป็นเพื่อนหน่อย" : น้ำเสียงของไฟเพลิงอ้อนนิดๆ ไม่ได้เจ้าเล่ห์นักแต่ก็น่ารักพอให้คนฟังใจอ่อน "จะไปก็รีบลุก" : รามสูรบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินตามออกไป ปล่อยให้โอโซลกับคะนิ้งนั่งเงียบกันอยู่ที่โต๊ะ บรรยากาศเงียบสงบลงทันที แต่ไม่ใช่ความเงียบอึดอัด... เป็นความเงียบแบบที่มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในอากาศ คะนิ้งเอาแต่นั่งยิ้ม ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุขอย่างปิดไม่มิด "ยิ้มอะไร? เป็นบ้าเหรอ" : โอโซลเลิกคิ้ว มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย "เปล่าค่ะ...มีความสุขก็เลยยิ้ม แปลกเหรอคะ " "มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว" "ดีนะที่หนูยิ้มให้พี่ ไม่ได้ยิ้มคนเดียว..." "เห่อะ...!" "พี่โซล..." "อย่าเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบที่เธอเรียกฉันเหมือนไอ้หมอนั่น" "ไม่ให้เรียกพี่แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะคะ? เรียกลุง เรียกพ่อ หรือว่าเรียก...แฟน" โอโซลชะงักนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเขิน แต่เพราะไม่คิดว่าเด็กนี่จะกล้าพูดแบบนั้นออกมาตรงๆ "ดูทำหน้า หนูแค่ล้อเล่นเอง ไม่เห็นต้องทำหน้ายักษ์ใส่กันเลยนี่คะ แล้วตกลงจะให้หนูเรียกว่าอะไรคะ?" "...เรียกเฮีย" "เฮีย?? อืม...ก็ดีนะคะ แต่ทำไมต้องเรียกเฮียด้วยล่ะ ไม่เห็นเคยได้ยินใครเรียกพี่ว่าเฮียโซลเลยสักคน" "บอกให้เรียกก็เรียกไปเหอะ ถามอะไรเยอะแยะ" "ถามก็ไม่ได้ ดุจัง..." "ว่าแต่เมื่อกี้ที่เฮียพูดกับพี่ไฟท์ หมายความว่าไงคะ?" "เรื่อง?" "ก็ที่เฮียพูดเหมือนกำลังหึงหนูอยู่ไง..." "ใครหึง...ฉันไม่มีวันหึงเด็กดื้ออย่างเธอหรอก" "เหรอคะ...อืม...เสียใจจัง นึกว่าคนแถวนี้จะออกอาการหึงหนูซะอีก" "...ไร้สาระ" "แต่ก็ดีนะคะ พี่ไฟท์รีบกลับไปเลย ปกติไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป" "ไอ้หมอนั่นมันตามจีบเธองั้นเหรอ?" "ใช่ค่ะ...ตามมาตั้งแต่ ม.4 แล้ว สลัดยังไงก็ไม่ออก เหนียวหนึบอย่างกับกาวตราช้าง " "สงสัยมันคงตาบอดล่ะมั้ง ที่มาชอบปลาปักเป้าอย่างเธอ" "....เห่อะ! คำก็ปักเป้า สองคำก็ปักเป้า ระวังไว้เถอะ สักวันเฮียโซลหน้านิ่งจะตกหลุมรักปลาปักเป้าอย่างหนู" "ฝันอยู่รึไง..." "ชิ...!....." คะนิ้งทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะหันไปสนใจกับขนมและเครื่องดื่มตรงหน้า ถึงจะตัวเล็ก เอวคอด แต่เธอกินเก่งชนิดที่ใครเห็นต้องตกใจ โดยเฉพาะชาเขียวกับเบเกอรี่ที่เธอโปรดปรานเป็นพิเศษ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ร่างบางจนสาวๆ หลายคนยังอิจฉา โอโซลมองภาพนั้นแล้วยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าในใจ “ตัวก็โตแล้ว แต่ทำไมยิ่งดูยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปทุกที...” @2 สัปดาห์ต่อมา > ห้องชมรมวิศวะ "สวัสดีค่ะพี่ๆ "น้องคะนิ้ง...มาได้ไงครับ : ไฟเพลิง "พอดีนิ้งมากับอาจารย์ประไพวรรณค่ะ ถือของช่วยแก แล้วก็เอาเอกสารมาให้อาจารย์รวิ เห็นพี่ๆนั่งอยู่เลยแวะเข้ามาทัก สวัสดีค่ะเฮีย "เฮีย ??? : ทั้งไฟเพลิงและรามสูรต่างหันไปมองยังคนที่ถูกเรียก "พวกมึงจะเสียงดังเพื่อ ??? "เปล่า กูก็แค่สงสัยว่าทำไมน้องถึงเรียกมึงว่าเฮีย... : ไฟเพลิง "ก็เฮียโซลบอกว่าไม่ชอบให้เรียกว่าพี่ ให้หนูเรียกว่าเฮีย...ทำไมเหรอคะ ".....ก็เพราะว่า... : ไฟเพลิงกำลังจะบอก แต่โอโซลขัดขึ้นเสียก่อน "มึงจะเสือกให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่ไหมไอ้เพลิง : สายตาคมจ้องมองมายังเพื่อนรัก เพียงเท่านี้ไฟเพลิงก็พอจะรู้แล้วว่าคนเป็นเพื่อนไม่อยากให้เขาพูด เขาจึงเงียบปากลงและเก็บคำพูดของตนเองเอาไว้ดังเดิม "ทำไมต้องดุพี่เพลิงด้วยล่ะคะ.. "ฉันไม่ได้ดุ.. "แต่เมื่อกี้เฮียเสียงดัง.. "ผู้ชายเขาก็คุยกันแบบนี้.. "มีอะไรหรือเปล่า..ดูเฮียมีพิรุษนะคะ "พิรุษบ้าบออะไร ทำธุระเสร็จก็รีบกลับไปได้แล้ว "ไล่กันจัง... "หรือจะอยู่ให้ผู้ชายตามขายขนมจีบ ตึกนี้มีแต่เด็กวิศวะ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น "หวงหนูเหรอ "เพ้อเจ้อ....อยากอยู่ก็ตามใจ "ค่า...จะกลับแล้วค่า...แต่เฮียช่วยเดินไปส่งหน้าตึกหน่อยได้ไหม ข้างล่างนี้ก็ได้ "มาเองได้ ทำไมตอนกลับต้องให้คนอื่นไปส่ง "ก็ตอนมาหนูมากับอาจารย์นิคะ ตอนกลับ..หนูต้องเดินกลับคนเดียวหนูก็กลัวเป็นนะ เมื่อกี้หนูเดินผ่านพี่พี่ที่นั่งอยู่หน้าระเบียงทางเดิน น่ากลัวทั้งนั้น... "เห้อ ! เดือดร้อนคนอื่น.. "งั้นเดี๋ยวกูไปส่งน้องเอง : รามสูรอาสาจะเดินไปส่งคะนิ้ง แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขา โอโซลกลับเดินนำไปเสียก่อน "จะไปก็รีบตามมา เดินช้าโดนฉุดเข้ามุม ฉันไม่รู้ด้วย.. "ค่า...ดุเหลือเกิ๊น.....พ่อยังไม่ดุขนาดนี้เลย "หน้าฉันเหมือนพ่อเธอเหรอ..?.. "ก็คล้ายๆอยู่นะคะ อย่างว่าแหละลูกเขยกับพ่อตา ก็คงจะไม่หนีกันมาก ".....ถ้าไม่หยุดพูด จะให้เดินกลับเองแล้วนะ "ค่ะ..ค่า.....หยุดแล้วค่ะ ดุอย่างกับ.... "กับอะไร...พูดให้มันดีดี "เปล่าค่ะ โอโซลเดินมาส่งคะนิ้งจนถึงหน้าคณะแพทยศาสตร์ที่คะนิ้งเรียนอยู่ ระยะทางห่างกันราว 800 เมตร จากเดิมที่บอกจะไม่มาส่ง ด้วยความช่างพูดช่างคุยของคะนิ้ง รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาส่งเธอจนถึงที่..แถมสาวๆคณะแพทย์ยังซุบซิบนินทากันไม่หยุด อีกด้านของโลกโซเซียลก็ฮือฮาไม่ต่างกัน เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่โอโซลปรากฏตัวพร้อมกับผู้หญิง... แถมยังเดินเคียงคู่กันมาอีกด้วย "ขอบคุณนะคะ..ที่มาส่ง "นี่เธอเรียนแพทย์งั้นเหรอ "ค่ะ...ทำไมคะ ท่าทางหนูดูไม่เหมือนนักศึกษาแพทย์เหรอ.. "หวังว่าในอนาคตเธอคงไม่ลืมกรรไกร หรือผ้าพันแผลไว้ในท้องคนไข้นะ.. "ถ้าลืมก็คงจะลืมไว้ในท้องเฮียนั่นแหละ....ชิ.....ไปแล้วนะคะ อาจารย์จะเข้าแล้ว บาย...เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำแซนวิสมาฝากนะ... คะนิ้งยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือลาคนเป็นพี่และวิ่งเข้าชั้นเรียนไป โอโซลได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเดินกลับคณะของตัวเองไป... "ยัยเด็กบ๋องเอ่ย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD