@3 วันต่อมา.....
"มึงๆ คนนี้ไงที่เป็นข่าวกับพี่โซล!" เสียงแหลมๆ ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ชัดพอจะทำให้ใครต่อใครต้องหันมามอง
"นี่เหรอ...ก็ไม่เห็นจะสวยตรงไหน" อีกเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที พลางมองคะนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน
"แบบนี้ยังเรียกว่าไม่สวยอีกเหรอ..." น้ำเสียงของอีกคนเจือความหมั่นไส้
"หน้าตาก็งั้นๆ...ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่เหมาะกับพี่โซลของกูหรอก" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูก
"กูได้ข่าวว่ายัยเด็กนั่นวิ่งตามพี่โซลต่อยๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ"
เสียงซุบซิบนินทาเริ่มหนาหูขึ้นทุกที ตั้งแต่วันที่โอโซลเดินไปส่งคะนิ้งที่คณะแพทยศาสตร์ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันอย่างหนาหู เสียงลือเสียงเล่าอ้างแพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งในกลุ่มเพื่อน ทั้งในห้องเรียน และแม้แต่ตามโถงทางเดิน โดยเฉพาะคำพูดส่วนใหญ่ มักจะเป็นการพูดถึงคะนิ้งในแง่เสียมากกว่า เหมือนกับว่าการที่เด็กปีหนึ่งหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “โอโซล” รุ่นพี่หน้านิ่งผู้เพียบพร้อม เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับบางคน สายตาหลายคู่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยาม ปะปนกับความสงสัยและริษยา จนคะนิ้งเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาเงียบๆ
@คะนิ้ง
"อีพวกนั้นน่าเอาฝ่ามือฟาดปากสักทีสองที!" กัสจังสบถเสียงลอดไรฟันอย่างหัวเสีย สายตาจ้องไปยังกลุ่มผู้หญิงที่ยังคงเม้าท์แตกไม่หยุด
"เออ…กูก็ว่า แม่ง...ปากปีจอฉิบหาย" แพตตี้พยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความเอือมระอา
"ช่างเขาเถอะน่า…อย่าไปสนใจเลย ปากเขาก็พูดไปเรื่อย" คะนิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ใบหน้ายังดูสงบอย่างน่าประหลาด
"จ้ะ...แม่พระเข้าสิงมึงรึไง ถึงได้ยอมสงบเงี่ยมให้เขานินทาอยู่ได้" กัสจังเบ้ปากใส่เพื่อนสาว ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคะนิ้งไปเอาความใจเย็นมาจากไหน
"กูแค่ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เสียเวลา…อยากพูดอะไรก็พูดไปเหอะ" คำตอบของคะนิ้งเรียบง่าย แต่นิ่งพอจะทำให้ทั้งกัสจังและแพตตี้หันมามองหน้ากันนิ่งๆ ไปครู่หนึ่ง
"อย่ามาพูดใกล้กูล่ะกัน ไม่งั้นเดี๋ยวมีตบ!...พวกปากหมาแบบนั้นน่ะ" กัสจังยังไม่เลิกโมโห ยิ่งได้ยินคำพูดเพื่อนรักที่ดูนิ่งเกินไป เธอก็ยิ่งเดือดแทน
คะนิ้งในสายตาของพวกเธอไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยผ่านจริงๆ...หรืออาจเพราะสิ่งที่ได้จากโอโซล มันมีค่ามากพอจะไม่ต้องสนเสียงรอบข้างอีกต่อไป
"เออ…เมื่อวานกูเจอพี่เพลิง พี่เขาบอกว่าวันนี้วันเกิดพี่โซล เขาจะไปฉลองที่ผับ Q เราไปกันไหม?" แพตตี้เปลี่ยนเรื่องอย่างกระตือรือร้น สายตาแพรวพราว
"มึงเกี่ยวอะไรกับเขา เพื่อนก็ไม่ใช่ รุ่นน้องก็ไม่เชิง เขาเชิญมึงเหรอ?????" กัสจังเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
"แน่นอนดิวะ! พี่เพลิงบอกให้ชวนมึงกับคะนิ้งไปด้วย ว่าไง จะไปป่ะ?" แพตตี้พูดอย่างมั่นใจ
"กูได้บัตร VIP มาด้วย 3 ใบพอดีแป๊ะ!"ว่าแล้วเธอก็ชูบัตรสีดำทองอย่างภาคภูมิ ก่อนจะยักคิ้วข้างเดียวใส่เพื่อนสาวแบบกวนๆ
"เริดดดดดด... มึงน่ารักที่สุดก็วันนี้แหละอีแพต!" กัสจังหัวเราะเสียงใส หายเคืองทันทีที่เห็นบัตร VIP ใบสวย
"แล้วมึงอ่ะคะนิ้ง จะไปป่ะ?" แพตตี้หันไปถามเจ้าของประเด็นหลัก
"ไปดิ…จะพลาดได้ไง" คะนิ้งตอบยิ้มๆ น้ำเสียงเจือแววมั่นใจ แม้ในใจจะเต้นแรงแค่ไหนก็ตาม
"โอเค งั้นคืนนี้เจอกันหนึ่งทุ่มตรง ห้ามสาย!" แพตตี้รีบนัดเวลา ก่อนจะยกมือขึ้นตีเพื่อนเล่นอย่างอารมณ์ดี
"จัดไปค่า!"
กัสจังตอบรับด้วยท่าทางคึกคัก ขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มเบาลง กลายเป็นเสียงหัวเราะระหว่างเพื่อน ที่ดูเหมือนจะลบล้างเสียงซุบซิบนินทาได้ชั่วขณะ
@19.30 น. ผับ Q > โอโซล
เสียงเพลงภายในผับหรูที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ดื่มด่ำกับความสนุก ไฟแสงสี เครื่องดื่มหลายแบบ หลายสไตล์ที่มีบริการให้กับทุกคน หนุ่มสาวต่างปล่อยตัวปล่อยใจไปกับห่วงอารมณ์ของความสุข ความสนุกในค่ำคืนอันแสนยาวนาน รวมถึงสามหนุ่มฮอตหน้านิ่งแห่งคณะวิศวะ ที่ต่างพากันนั่งดื่มเหล้า เคล้านารีตั้งแต่หัววัน
"...เบาเพื่อนเบา พึ่งจะหนึ่งทุ่มเองมึงรีบไปไหน : ไฟเพลิงเอ่ยท่วงรามสูรที่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างกับกำลังดื่มน้ำเปล่า..
"แค่นี้ไม่ถึงกับระคายคอกูหรอก.. : รามสูรตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งเรียบ
"......เอ่อ..อย่าพึ่งเมาก่อนล่ะกัน น้องๆยังไม่มากันเลย : ไฟเพลิง
"น้อง ??? : รามสูรถามด้วยความสงสัย น้องไหน ปกติวันเกิดโอโซลทุกปีก็มีแต่พวกเขาสามคน พื้นที่ภายในห้อง VIP นี้ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขา แม้แต่ยุ่ง มด แมลงสาบ..ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาได้...
"อืม : ไฟเพลิงตอบกลับในขณะที่มือยังคงโอบกอดหญิงสาวที่ถูกเรียกให้มาบริการ พร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปาก
"กูเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ากูไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย : โอโซลเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเชิงดุดัน เขาไม่ชอบหากใครจะมาวอแว วุ่นวายกับเขา..โดยเฉพาะในงานวันเกิดที่ไม่ว่าจะปีไหนๆเขาก็ไม่เคยเชิญใครมาร่วมนอกจากไฟเพลิงและรามสูร
"ใจเย็น....น้องที่กูบอกก็น้องคะนิ้ง น้องแพตตี้แล้วก็น้องกัสไง : ไฟเพลิง
"มึงเชิญมาเหรอ ??? : รามสูร
"เออ..ก็เห็นว่าเป็นวันเกิดไอ้โซลมัน กูเลยชวนน้องเขา..ไหนๆก็สนิทกันแล้ว... : ไฟเพลิง
"หึ...กูเคยพูดเหรอว่าสนิท...
"ไอ้โซล....มึงจะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ เมื่อสามวันก่อนมึงยังเดินไปส่งน้องคะนิ้งถึงหน้าคณะจนเขาลือกันให้ทั่วว่ามึงกับน้องกำลังกุ๊กกิ๊กกัน... : ไฟเพลิง
"ข่าวลือก็คือข่าวลือ..กูแค่เดินไปส่งยัยนั่น ไม่ได้หมายความว่ากูจะชอบยัยเด็กนั่นสักหน่อย
"ตกลงมึงไม่ชอบ ??? : ไฟเพลิงถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"คนอย่างกูเคยชอบใครที่ไหน..
"แต่มึงไม่เคยให้ใครมาวอแวใกล้ชิดมึงขนาดนี้เลยนะเว้ย : ไฟเพลิง
"ก็เห็นว่าอยากเล่นกับไฟ กูเลยจะสงเคราะห์ให้...
"แปลว่าที่ผ่านมามึงแกล้งทำ ??? : ไฟเพลิงถามโอโซลออกไปด้วยสีหน้าที่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"อืม...
"แต่น้องเขาดูชอบมึงจริงๆนะ มึงไม่ลองเปิดใจหน่อย : รามสูร
"ชอบแล้วไง กูจำเป็นต้องชอบตอบเหรอ
"แม่ง..!.. ไม่ชอบแล้วทำเหมือนว่าชอบน้องเขาทำไมวะ...แถมยังให้เขาเรียกมึงว่าเฮียอีก คำนี้นอกจากน้ำอิงแฟนเก่ามึง กูยังไม่เคยเห็นมึงอนุญาตให้ใครเรียกแบบนี้เลยนะโว้ย : ไฟเพลิง
"อย่าพูดถึงผู้หญิงใจง่ายคนนั้น กูไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีก
"เห้อ ! ถ้าไม่ชอบเขา กูว่ามึงเลิกทำแบบนั้นเถอะ สงสารน้องมัน คิดจะหลอกฟันแล้วทิ้งรึไง : ไฟเพลิง
"อยากได้กูมากกูก็แค่จะสงเคราะห์ให้ ทำไมต้องสงสารในเมื่อยัยนั่นเต็มใจที่จะวิ่งเข้าหากูเอง..
"ไอ้โซล...มึงเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ.. : ไฟเพลิงจ้องมองโอโซลอยากไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะอะไรทำไมเพื่อนรักถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้
"มึงรู้แล้วใช่ไหมว่าคะนิ้งเป็นน้องสาวของน้ำอิง : รามสูรถามโอโซลเพราะประวัติของคะนิ้งเขาไปสืบมาหมดแล้ว ถึงได้รู้ว่าคะนิ้งเป็นน้องสาวต่างแม่ของน้ำอิง ผู้หญิงที่เคยทิ้งโอโซลไป ทำให้โอโซลเสียผู้เสียคนไปพักหนึ่ง แรกๆก็ดูเหมือนเพื่อนรักจะมีใจให้คะนิ้งจริงๆ แต่พอรู้ว่าเป็นน้องของอดีตคนรัก ที่ปัจจุบันกลายเป็นคนที่อยู่ในแบล็คลิสบัญชีดำของเขา เขาจึงเลือกที่จะตัดสินใจทำแบบนั้น
".............. : โอโซลไม่ตอบแต่เลือกที่จะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มสายตาของเขายังคงนิ่งเรียบ เยือกเย็นกว่าครั้งไหนๆ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ จนมีเสียงของกลุ่มคนเดินเข้ามาในห้องโดยมีลูกน้องของเขาเดินนำเข้ามา...
"สวัสดีค่ะพี่ๆ : เป็นแพตตี้กับกัสที่เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องของขวัญ ขาดก็แต่คะนิ้งที่ไม่เห็นเดินเข้ามาพร้อมกันกับกลุ่มเพื่อน..
"นะ..น้องแพต น้องกัส มากันแล้วเหรอครับ : ไฟเพลิงออกอาการเลิ่กลั่ก ไม่คาดคิดว่าแขกที่เชิญจะมาในเวลานี้...
"ค่ะ พอดีเจอเพื่อนเก่า แพตกับกัสเลยแวะทักทายหน่อย แล้วคะนิ้งล่ะคะ : แพตตี้ถามออกไปเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักของเธออยู่ภายในหัอง..
"น้องคะนิ้ง...ยังไม่เห็นเลยนิครับ : ไฟเพลิง
"อ้าวเหรอคะ...ไหนนิ้งมันบอกจะขึ้นมาก่อน พี่รู้ไหมคะ มันทำเค้กให้พี่โซลด้วย ตั้งใจทำตั้งนานแน่ะ... : กัสจัง
"เชี้ย..!.. หรือว่าน้องจะได้ยิน เลยหนีกลับไปแล้ว : ไฟเพลิงสบถออกมา ในขณะที่อีกคนยังคงนั่งกระดกเหล้า สายตาของเขาดูวูบไหวแวบหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นนิ่งอย่างที่เขาชอบทำ
"ได้ยินอะไรเหรอคะ : แพตตี้..
"เออ..ปะ..เปล่าครับ : ไฟเพลิง
"เมื่อกี้กูโทรหามันแล้วนะ มันบอกรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยขอตัวกลับก่อน : กัสจัง
"แปลก....ก่อนขึ้นมายังดูตื่นเต้นอยู่เลย มันไม่สบายเป็นอะไรวะ : แพตตี้
"กูก็ลืมถาม...แต่เสียงมันดูเงียบผิดปกติ มันคงจะไม่สบายจริงๆนั่นแหละ พรุ่งนี้ค่อยไปดูมันล่ะกัน... : กัสจัง
"เออ..เอาแบบนั้นก็ได้... นี่ของขวัญของแพตกับกัสค่ะ ขอให้พี่โซลสุขภาพแข็งแรงนะคะ : แพตตี้ยื่นของขวัญไปให้ ก่อนที่โอโซลจะสั่งให้ลูกน้องของเขารับไป โดยเจ้าตัวไม่พูดอะไรเลยสักคำ ใช้เพียงสายตาเป็นเครื่องส่งสัญญาณเท่านั้น
ทางด้านของไฟเพลิงและรามสูรต่างมองหน้ากัน ภายในใจได้แต่คิดเป็นห่วงคนเป็นน้อง ถ้าเกิดว่าคะนิ้งได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด ไม่รู้ว่าคนเป็นน้องจะคิดยังไง...ไอ้เพื่อนตัวดีก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆเลยสักนิด...