ต้องเข้มแข็ง

1345 Words
พิมรดานั้งเงียบ (เธอจะมั่วแต่อ่อนแอไม่ได้พิมรดา ยิ่งไม่มีพ่อแม่แล้วเธอต้องเข้มเเข็ง อย่าทำตัวเป็นภาระคนอื่น) พิมรดาบอกตัวเองในใจ "พรีมขอโทษค่ะที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากไปด้วย" พิมรดาเอ่ยขึ้น "ไม่เป็นไรจ้ะ พวกเราไม่ได้ลำบากอะไร" คุณภาวิณีพูดขึ้น พิมรดาหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนเงียบอยู่ก็พบกับสายตาคมที่มองมาที่เธออยู่แล้ว "เอาละครับ งั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อน" ราเชนเอ่ยขึ้นทำร้ายความอึดอัดภายในห้อง "พี่ชื่อราเชน เป็นพี่ชายคนโต แล้วนั้นพ่อพี่น้องพรีมเรียงว่าลุงเทวัญก็ได้ ส่วนนั้นแม่พี่เรียกป้านีก็ได้ แล้วส่วนนั้นน้องชายพี่ภาคิน คนที่จะดูแลน้องพรีมต่อจากนี้" ราเชนไล่ยาว "สวัสดีคุณลุงคุณป้าอย่างเป็นทางการนะคะ พรีมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ไม่ได้ทำความเคารพคุณลุงคุณป้าตั้งแต่เเรก" "ไม่เป็นไรจ้ะลุงกับป้าเข้าใจ" "พี่ราเชนสวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับครอบครัวเรายังมีน้องคนเล็กชื่นคนิตอีกคน แต่ตอนนี้ติดเคสผ่าตัดด่วนอยู่ที่โรงพยาบาลเลยมาไม่ได้ ก็เลยได้เห็นพี่กับภาคินก่อน" พิมรดาหันไปมองคนตัวโตที่ทำหน้านิ่ง ยากที่จะเดาได้ว่าเขาคิดอะไร "พรีมขอโทษด้วยที่พรีมต้องมาเป็นภาระให้คุณภาคิน" เธอพูดขึ้น เธอรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจเธอตอนเจอกันครั้งแรก เพราะเขาจำใจต้องมาดูแลเธอนั้นเอง "ช่างเถอะอย่าทำตัวอ่อนแอมากก็พอ ถ้าจะไปฟังพระสวดก็เตียมตัวก็แล้วกันอีก20นาทีเจอกันข้างล่าง" ภาคินพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป "หนูพรีมอย่าไปสนใจพี่เขาเลยนะ ความจริงแล้วตาคินเขาใจดี" คุณภาวิณีพูดปลอบใจเธอ "ใช่ครับ น้องพี่มันไม่เก่งเรื่องเเสดงออกนะน้องพรีมไม่ต้องคิดมากนะครับ" ราเชนช่วยเสริมอีกแรง "ไม่เป็นไรค่ะพรีมเข้าใจ" พิมรดาตอบกลับเธอเข้าใจว่าเขาไม่ได้เต็มใจแต่อาจจะถูกพ่อบังคับก็ได้ "เอาละงั้นพวกเราไม่รบกวนหนูแล้วระหว่างนี้หนูพักที่นี้ไปก่อน ห้องนี้เป็นห้องของหนูตามสบายนะจ้ะ" คุณภาวิณีเอ่ย "พรีมขอบคุณคุณลุงคุณป้าแล้วพี่ราเชนมากๆเลยนะคะ" "ไม่เป็นไรหนูก็เหมือนลูกสาวลุงกับป้ามีอะไรก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ" คุณเทวัญกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แลัวทุกคนก็เดินออกไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพิมรดารู้สึกโดดเดียวอย่างบอกไม่ถูกน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ชีวิตที่ไม่มีใครเธอจะอยู่ต่อไปยังไง ทันใดนั้นใบหน้าและคำพูดของผู้ชายหน้าดุก็ลอยเข้ามาในหัว "ใช่แล้วเธอจะอ่อนแอไม่ได้พิมรดา" เธอพูดกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเตียมตัวไปวัด 20นาทีผ่านไป พิมรดาเดินลงมาจากชั้นบน พบว่า ภาคินนั้งรออยู่แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายอีกคนที่ เคาโครงใบหน้าเหมือนกับภาคินแต่ดูแววตาจะขี้เล่นและอ่อนโยนมากกว่า ภาคินเหลือบตามองผู้หญิงในปกครองของเขา เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวคุมข้อเท้าสีขาวกับเสื้อเชิ้ตผู้หญิงสีดำใบหน้าถูกแต่งแต้มแค่นิดหน่อย ผมยาวดำสลวย ถูกม้วนเกล้าขึ้นไว้ที่ท้ายทอยยิ่งทำให้ใบหน้าสวยดูโดดเด่นขึ้นไปอีก "สวัสดีครับน้องพรีม พี่คนิตครับเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน" คนิตเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะพี่คนิต" พิมรดายกมือสวัสดีคนิตพร้อมส่งยิ้มอ่อนๆกลับไป "พี่เป็นกำลังให้นะครับถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้เลยนะ" คนิตยังชวนคุยตามนิสัยของเขาที่เป็น คนอัธยาศัยดี "ขอบคุณค่ะ" พิมรดาตอบกลับ "จะไปกันได้หรือยัง" ภาคินที่นั้งดูอยู่พูดขึ้น คนิตหันไปมองหน้าพี่ชาย แล้วหันมายิ้มให้พิมรดา "ไปเถอะครับน้องพรีม เดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วพี่ตามไปนะครับ" คนิตพูดกับพิมรดา "ค่ะ" เธอตอบสั่นๆ ภาคินเดินนำเธอออกไปก่อนแล้ว พิมรดารีบ สาวเท้าเดินตามเขาออกไป พอเดินออกมาด้านหน้าก็พบว่ามีรถจอดตั้งขบวนรออยู่สามคน "รถพร้อมแล้วครับนาย" รถตู้คันใหญ่เปิดประตูรอ โจรายงานนายของเขา ภาคินพยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นรถไปก่อน "เชิญครับคุณพรีม" โจพูดขึ้น "ขอบคุณค่ะ" พิมรดาเอ่ยขอบคุณก่อนจะขึ้นรถไป ภาคินมองลูกน้องอย่างรู้สึกขัดใจไปหมด "เร็วสิไอโจช้าอยู่ได้" ภาคินพูดขึ้น "ครับนาย" โจขึ้นนั้งข้างคนขับเหมือนเดิม แล้วรถทั้งสามคัน ก็เคลื่อนขบวนออกจากคฤหาสน์ไปโดยรถที่เธอกับภาคินนั้งอยู่คันที่สอง ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงวัดที่ตั้ง สวดอภิธรรมศพ แค่มองเข้าไปในศาลาเธอก็เจ็บปวดในใจเหลือเกินน้ำตาเริ่ม เออล้นออกมาจากหน่วยตา ภาคินมองพิมรดาที่นั้งมองงานศพบุพการีผ่านกระจกหน้าต่างรถด้วยความโศกเศร้า "ไปกันเถอะคุณจะได้เวลาพระสวดแล้ว" ภาคินเอ่ยขึ้น "ค่ะ" พิมรดาพยักหน้ารับประตูรถเปิดออก ภาคินเดินนำลงไปก่อนเขายืนรอเธอแล้วเดินเข้าไปในศาลาพร้อมกัน สายตาหลายคู่มองมายังเธอเเละเขา ภาคินชายหนุ่มรูปหล่อนั้นใครๆก็รู้กันดีว่าเขาเป็นเจ้าพ่อธุรกิจอสังหารายใหญ่ ลูกชายคนกลางของตระกูลคุณากร แต่หญิงสาวแสนสวยที่มีแววตาเศร้าหมอง ที่เดินคู่มากับเขานั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอคือลูกสาวของปรานุทผู้ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ในโลงศพนั้นเพราะพิมรดาเรียนอยู่ต่างประเทศหลายปีถึงจะกลับมาบ้านบ่อยแต่เธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน ส่วนพวกที่พอจะรู้ก็ซุบซิบนินทากันไปต่างๆนาๆว่าทั้งสองมาด้วยกันได้ไง "หนูพรีมมาแล้วหรอลูก มาจ้ะมานั้งกับอานะ" โสภาอาสะใภ้พยามดึงเธอออกมาให้ห่างจากภาคิน พิมรดาหันไปมองหน้าภาคิน อย่างขอความช่วยเหลือ "ไม่เป็นไรผมดูเเลเธอเองคุณไม่ต้องลำบาก " ภาคินใช้มือโอบไปที่เอวของพิมรดา และดึงรั้งเธอไว้เบาๆเขาพาเธอเดินไปนั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดที่พ่อกับแม่ของเขานั้งอยู่ ทุกการกระทำของภาคินตกอยู่ในสายตาของคนในงานและอีกไม่นานเรื่องนี้จะขยายไปในวงกว้างแน่นอน "มาจ้ะหนูพรีม มานั้งใกล้ๆป้านี้" คุณภาวิณีรีบจับแขนพิมรดาให้มานั้งใกล้กัน โสภาเดินไปนั้งคู่กับสามีอย่างไม่สบอารมณ์ "เราจะแยกหลานคุณออกมาได้ยังไง ภาคินมันทำยังกะจงอางหวงไข่แบบนั้น" โสภาพูดกับสามี "มันต้องมีจังหวะมั่งแหละคุณก็ใจเย็นๆหน่อยสิ คุณดูสิลูกน้องไอภาคินยืนอยู่เต็มไปหมดยังไงตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้หลอก" บวรบ่นภรรยาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เขามองสำรวจลูกน้องพาคินที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆเมื่อเทียบกับคนของตัวเองถ้าเล่นกันซึ่งหน้ายังไงก็แพ้ บวรเริ่มคิดหนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD