น้ำตา

1407 Words
พิมรดานั้งมองรูปภาพของพ่อกับแม่ที่ตั้งคู่กันด้วยใจที่แตกสลาย หนทางข้างหน้า มืดมนตร์ไปหมด หลังพระสวดเสร็จก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาที่พิมรดาแทบไม่รู้จักเลยเดินเข้ามาแสดงความเสียใจกับเธอ เธอได้แต่พูดขอบคุณพวกคนเหล่านั้นทั้งที่เธออยากนั้งอยู่เงียบๆ ภาคินนั้ง อยู่ข้างเธอตลอดเวลา แขกเริ่มทยอยกลับกันไปบ่างแล้ว "พรีมเป็นไงบ่าง ตั้งแต่หนูกลับมาเรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย" บวรเดินเข้ามาหาพิมรดา "สวัสดีค่ะ อาบวร" พิมรดายกมือไหว้อาแท้ๆของตัวเอง เธอพยามเก็บความรู้สึกไว้ เธอจะให้อาเธอรู้ไม่ได้ ว่าเธอพอจะรู้ความเลวของเขาอยู่บ่าง "กลับมาแล้วทำไมไม่ไปอยู่บ้านตัวเองละ เราเป็นผู้หญิงจะไปนอนบ้านผู้ชายมันน่าเกียด วันนี้กลับกับอาเลยไมเดียวอาไปส่ง ถ้าพรีมไม่อย่ากอยู่คนเดียวให้อาโสภาไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้" บวรกล่าวยืดยาว อยากจะดึงพิมรดาให้ออกห่างจากภาคิน "ใช่จ้ะเดี๋ยวอาไปอยู่เป็นเพื่อน" โสภารีบเสนอตัวทันที ภาคินยืนฟังอาสองผัวเมียอยู่ข้างๆ พิมรดา "ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้พรีมพร้อมพรีมก็จะกลับไปบ้านเอง ส่วนเรื่องที่คนอื่นจะมองยังไงก็ช่างค่ะพิมพ์ไม่แคร์" "แม้...พ่อแม่ตายยังไม่ได้เผาก็ติดผู้ชายแล้วหรอจ้ะ" โสภาพูดด้วยความไม่พอใจที่พิมรดา ไม่ยอมทำตามที่สามีเธอพูด "คุณอาโสภาไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไง พรีมก็กลับไปแน่ค่ะ อันไหนที่เป็นของพ่อกับแม่พรีมยังไงพรีมก็ทิ้งไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง" พิมรดามองหน้าโสภาอย่างไม่หลบสายตา "จ้ะๆ ไม่เป็นไรถ้าหนูยังไม่สบายใจยังไม่ต้องกลับก็ได้ ไม่ต้องห่วงนะเรื่องบริษัทอาจะดูแลให้ก่อน" "พรีมเขาคงไม่รบกวนคุณหรอกไม่ต้องห่วง" ภาคินช่วยเสริม บวรมองภาคินมีบางอย่างอยู่ในแววตาคู่นั้น "กลับคุณโสภา" บวรรีบถอยออกไปโดยที่ไม่รอภรรยาเลย โสภารีบเดินตามสามีออกไป "เราต้องหาวิธีจักการยายพรีมให้เร็วที่สุด" บวรออกมาคุยกับลูกสมุนอยู่ในมุมมือ "แล้วเราจะทำยังไงกันดีค่ะ ดูเหมือนอีพรีมมันจะไม่มาทางพวกเราเลย" โสภาออกความเห็น "จับเป็นไม่ได้ก็ต้องจับตาย" บวรพูดด้วยความอำมหิต "ไม่ได้นะพี่บวร ไหนพี่บอกจะให้มันเป็นเมียผมไงพี่ สวยๆแบบนี้เสียดายของ" ชัยน้องของโสภาเอ่ยขึ้น "มึงมีปัญญาหรือไง งานนี้ถ้าไอภาคินเข้ามาเอี่ยวได้ บรรลัยกันหมด เพราะฉะนั้นมีทางเดียวเราต้องรีบดับไฟก่อนไฟมันจะลามมาถึงเรา" "ให้โอกาสผมหน่อยสิพี่บวร ถ้าผมเอามันมาทำเมียได้เราก็สบายเลยนะ ไม่ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเพิ่มด้วย" ชัยทวงขึ้นอย่างมีความหวัง "นั้นสิพี่ให้โอกาสชัยมันหน่อย ถ้าชัยมันทำได้ทุกอย่างก็เข้าทางเราหมด" โสภาช่วยพูด "เออๆ แต่กูมีเวลาให้มึงได้ไม่นาน ถ้ามึงยังจัดการมันไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีกู ก่อนที่จะฉิบหายกันหมด" บวรพูดขึ้นอย่างตัดรำคาญ "ขอบคุณมากพี่บวร ผมจะหาวิธีจัดการให้เร็วที่สุด" ชัยแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด บวรส่ายหัวกับความบ้าตัณหาของน้องเมีย "ขอบคุณนะคะ" พิมรดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ภาคินพาเธอกลับมาถึงบ้าน "พรุ้งนี้เช้าผมไม่อยู่ เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องรอรับคุณไปส่งที่วัดตอนเช้า" พิมรดาพยักหน้า "ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวนะคะ" ภาคินพยักหน้า แล้วพิมรดาก็เดินขึ้นห้องไป "นายครับ" โจเดินเข้ามาหาภาคินเพื่อรายงานบ่างอย่างให้นายทราบ หลังจากที่เห็นว่า พิมรดาเดินขึ้นห้องไปแล้ว "ว่ามา" ภาคินบอกลูกน้อง ภาคินยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงห้องถึงแม้ ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้ว แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ [แก๊กก] เสียงเปิดประตูจากห้องข้างๆดังขึ้น ภาคินที่ยืนอยู่ก่อนแล้วเขาไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าห้องเขากับห้องพิมรดาอยู่ติดกันแถมระเบียงยังเชื่อมติดกันประหนึ่งว่าเป็นห้องเดียวกัน พิมรดาเปิดประตูออกมาเห็นเงาตะคุ่มๆ เธอถึงกับผงะไปนิดหนึ่ง แต่เธอก็คุ้นๆกับรูปร่างของเงานั้น "ขอโทษค่ะดิฉันไม่คิดว่าจะมีคนยืนอยู่ตรงนี้" เธอพูดขึ้นหลังจากที่เห็นชัดว่าเป็นใคร เขาอยู่ในชุดกางเกงนอนกับเสื้อยืดสีขาว ภาคินกดบุหรี่ทิ้งไปถึงแม้ว่าพึ่งจะดูดไปได้แค่ครึ่งมวน "นี้ห้องผม" เขาบอกให้เธอรู้ว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะออกมาที่ระเบียงนี้เหมือนกัน "ค่ะ งั้นดิฉันไม่รบกวนเชิญคุณภาคินตามสบาย" พิมรดาพูดขึ้นกำลังจะเดินเข้าห้อง "ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน" ภาคินพูดขึ้นแล้วหันไปมองเธอตรงๆอย่างรอคำตอบ พิมรดาอยู่ในชุดนอนกระโปรงยาว เธอยืนกอดอกไว้ เพราะข้างในเธอไม่ได้ใส่อะไรเลย เธอไม่ได้ เตียมว่าจะมาเจอคนอื่น ในยามวิกาลขนาดนี้ "นอนไม่หลับค่ะ ก็เลยว่าจะมายืนรับลมเล่น" เธอยืนหันหน้ามองออกไปข้างนอกส่วน ภาคินยืนพิงระเบียงหันหน้าเข้าด้านใน "คุณคิดว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตตัวเอง" ภาคินถามขึ้น พิมรดาเงียบไม่มีคำตอบให้เขาเธอก้มหน้ามองมือตัวเอง เธอได้แต่สายหัวไปมา ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา "คุณจะสู้หรือคุณจะถอย ถ้าสู้นั้นหมายถึงคุณจะใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ถ้าถอยคุณจะปลอดภัยแต่คุณต้องยอมเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของพ่อกับแม่คุณไป" น้ำตาเธอร่วงแม๊ะลงมาในความมืด เธอเองไม่ได้กลัวที่จะหมดตัว เธอเชื่อมั่นในความสามารถตัวเองว่าเอาตัวรอดได้ "เฮ้อ...ผมรู้ว่าคุณเสียใจแต่คุณจะเอาแต่ร้องให้ไม่ได้ ผมจำเป็นต้องรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่เพราะผมถูกดึงมาให้เกียวกับคุณ คุณเองก็ต้องให้ความกระจ่างกับผมด้วยว่าจะเอายังไงน้ำตามันไม่ช่วยอะไรคุณได้หรอกนะ" "พรีมไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถ้าพรีมสู้ถึงตายพรีมก็ไม่กลัวแต่ถ้าพรีมสู้พรีมจะทำให้คุณรวมทั้งครอบครัวคุณเดือดร้อนไปด้วย และยังเป็นตัวภาระให้คุณอีก แต่ถ้าพรีมไม่สู้การตายของพ่อกับแม่พรีมก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม คนชั่ว ก็จะลอยนวลเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของคนอื่น" พิมรดาร้องไห้หนักขึ้น "พรีมรู้ค่ะว่าน้ำตามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่ตอนนี้พรีมมีแค่น้ำตาเท่านั้นที่อยู่กับพรีมในตอนนี้ พรีมไม่มีใครไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน อาที่มีอยู่คนเดียวก็ยัง..." เธอพูดได้เเค่นั้นเธอพยายามกั้นก่อน สะอืนไว้มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายได้ ภาคินยืนมองคนตัวเล็กตรงหน้า เขาเองก็บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน หลังจากที่โจไปแอบฟังพวกนั้นคุยกันและมารายงานเขา เขาก็คิดมากขึ้นมาทันทีเขาไม่เคยต้องคิดหนักแบบนี้มาก่อนงานที่ว่ายากๆเขาก็ไม่เคยต้องกังวลแบบนี้ "คืนนี้คุณไปนอนคิดว่าคุณจะเอายังไง และไม่ต้องมาคิดแทนผมว่าคุณเป็น ภาระ ผมขอคำตอบว่าคุณจะไปต่อหรือพอเเค่นี้" พูดเสร็จพาคินก็เดินเข้าห้องไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD