ภาคินพาพิมรดากลับมาถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว
"หนูพรีมเป็นยังไงบ่างจ้ะ เป็นเพราะป้าแท้ๆไม่หน้าปล่อยหนูไว้คนเดียวเลย"
คุณภาวิณีรีบเดินเข้ามาสำรวจดูเธอ
"ไม่ใช่ความผิดคุณป้าหรอกค่ะ เป็นความผิดของพรีมเองที่ไม่ระมัดระวังตัวให้ดี พรีมต้องขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง"
"เอาละๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วลูก อ่าวแล้วนั้นหอบอะไรมาพะรุงพะรัง"
คุณเทวัญพูดขึ้นก่อนจะหันไปถามศักดิ์กับแม่บ้านหอบข้องเข้ามา ศักดิ์ว่างของแล้วรีถอยออกไป
"นวลเดี๋ยวเอาขึ้นไปไว้บนห้องคุณพรีม"
ภาคินที่นั้งพิงโซฟาอยู่พูดขึ้น
"ของน้องพรีมหรอครับ"
ราเชนถามด้วยความเเปลกใจ
"คุณภาคินเขาซื้อให้พรีมค่ะเขาบอกว่าเวลาไปไหนกับเขา เขาจะได้ไม่อายใคร"
พิมรดาพูดขึ้นอย่างงอนๆ
ทุกคนในบ้านหันมองหน้ากัน มันใช่เหตุผลนี้หรอ ทุกคนรู้นิสัยภาคินดีนี้ไม่น่าจะใช่เหตุผล
"ไปอาบน้ำสิคุณเดี๋ยวจะได้เวลาพระสวดแล้ว"
ภาคินบอกพิมรดา เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของคนในครองครัว
"งั้นพรีมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
"จ้ะ ไปเถอะลูก"
คุณภาวิณีพูด
"มีอะไรจะบอกหรือเปล่าครับไอ้น้องชาย"
ราเชนเริ่มทันทีหลังจากที่พิมรดาขึ้นไปบนห้องแล้ว
"เรื่องวันนี้หรอครับก็อย่างที่บอกไป ผมแจ้งตำรวจแล้วและก็คิดว่าน่าจะเป็นพวกไอ้บวรนั้นแหละ"
"เรื่องนี้พอรู้แล้วแต่เรื่องที่เปย์ของให้น้องขนาดนี้กลัวอายคนอื่นเขาจริงๆหรอ"
ราเชนพูดอย่างรู้ทัน ปกติน้องชายเขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปซื้อของและไม่คิดว่าภาคินจะทำด้วย
"เฮ้ออ..ก็ผมเห็นว่าตอนเขากลับมาเขามีแค่กระเป๋าใบเดียว"
"เป็นห่วงว่าน้องจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ว่างั้น"
"ผมไม่ได้เป็นห่วง ผมขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะครับ เดี๋ยวจะต้องพาหลานสาวคุณพ่อคุณแม่ไปวัดอีก"
ภาคินรีบตัดบทก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสองไป
"หึๆ ผมว่าผมได้กลิ่นแปลกๆนะครับงานนี้"
ราเชนพูดไปยิ้มไปคนเดียว
หลังจากอาบน้ำเสร็จพิมรดาก็เดินลงมาพบว่าภาคินกับคุณเทวัญนั้งคุยกันอยู่หน้าเครียด
"ขอโทษค่ะ ที่พรีมเข้ามารบกวนเดี๋ยว
พรีมออกไปรอด้านนอกนะคะ"
"มาพอดีเลย ลุงมีเรื่องจะคุยด้วยมา
นั้งก่อนสิ"
"ค่ะ"
พิมรดาเดินไปนั้งโซฟาใกล้ๆภาคินแต่อยู่ตรงข้ามกับคุณเทวัญ
"เรื่องพ่อกับแม่หนูพรีม ลุงกับพี่ภาคินมีความเห็นตรงกันว่าอยากจะเก็บศพไว้ก่อนจนกว่าจะพิสูจน์การเสียชีวิตได้"
พิมรดากันไปมองหน้าภาคิน
"คำตอบเรื่องนี้จะอยู่ในคำถามที่ผมถามคุณไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ"
พิมรดานิ่งเงียบไป
"พ่อหนูพรีมเคยช่วยเหลือลุงไว้ตอนลุงลำบาก ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ครอบครัวลุงจะตอบแทนบุญคุณปรานุท ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นหนูไม่ต้องกังวนว่าหนูจะเป็นภาระให้พวกเรา พี่ภาคินรับมือกับพวกนั้นได้อยู่แล้ว แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหนูคนเดียว"
เทวัญกล่าว พิมรดาหันไปมองภาคิน พบว่าเขามองเธออยู่แล้ว
"ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
ภาคินพูดขึ้นเพื่อให้เธอมั่นใจ
"ค่ะ พรีมจะทวงความยุติธรรมให้พ่อกับแม่ แล้วจะรักษาสมบัติที่พ่อรักไว้ให้ได้ค่ะ"
"งั้นก็ตามนี้ ส่วนเรื่องพินัยกรรมหนูสามารถกำหนดวันเปิดได้เลย"
"ค่ะคุณลุง พรีมขอบคุณคุณลุงมากๆนะคะ ถ้าไม่มีคุณลุงไม่รู้ว่าชีวิตพรีมจะเดินไปได้อย่างไร"
พิมรดายกมือไหว้คุณเทวัญ
"อย่าคิดอะไรมากหนูก็เหมือนลูกสาวลุงคนหนึ่งลุงก็ขอให้หนูคิดว่าลุงกับป้าเป็นพ่อแม่หนูก็แล้วกัน"
"ค่ะ"
"วันนี้ลุงกับป้าไม่ไปได้ไปฟังงพระสวดด้วยคุณป้าเวียนหัวตั้งแต่หัวค่ำแล้ว หนูพรีมไปกับพี่เขาสองคนก็แล้วกัน ไปตาคินเดี๋ยวจะไม่ทันพระ
"ครับพ่อ เราไปกันเถอะ"
ภาคินกับพิมรดาเดินตามกันออกไป เทวัญมองตามหลังทั้งสองด้วยความ กังวลใจ แต่ก็เชื่อมั่นว่าภาคินสามารถจัดการได้
"คุณภาคินคะ พรีมขอบคุณคุณมากนะคะที่คุณช่วยพรีมไว้วันนี้"
เธอนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย
ภาคินหันมามองหน้าเธอ แล้วก็หันกลับไปสนใจไอแพดบนมือต่อ
"ผมทำตามหน้าที่"
เขาพูดสั้นๆ
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ พรีมก็อยากขอบคุณคุณอยู่ดี"
"ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ผมตามไปช่วยทัน แต่ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะโชคดีแบบนี้ ผมตามไปช่วยคุณทุกครั้งไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องระวังตัวเองด้วย"
เขาว่างไอแพดลงแล้วหันมาพูดกับเธออย่างจริงจัง
"พรีมขอโทษค่ะ คราวหน้าพรีมจะระวังตัวให้มากว่านี้"
พิมรดายอมรับความผิดแต่โดยดี เป็นเพราะเธอเองที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถ้าเขาไปช่วยเธอไว้ไม่ทันป่านนี้ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไง แค่คิดพิมรดาก็กลัวขึ้นมาจังใจ เธอนั้งบีบมือตัวเองไว้แน่น
"เอาเถอะ คุณปลอดภัยมาก็ดีแล้ว"
แล้วทั้งสองก็นั้งเงียบจนถึงวัด
ผู้คนเริ่มทยอยมาในงาน พิมรดาเดินเข้าไปที่รูปภาพของบุพการีที่ตั้งอยู่คู่กัน
"เป็นกำลังใจให้พรีมด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่"
เธอยกมือขึ้นลูบรอยยิ้มที่อยู่ในกรอบนั้นอย่างคิดถึง น้ำตา น้ำตาลื่นขึ้นมาที่หน่วยตาน้ำใส่ๆไหลลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เธอยืนสะอื่นไห้เงียบๆ กับรูปภาพของพ่อกับแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ภาคินเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเธอ เขาแตะเเขนเธอเบาๆ
"ไปนั้งเถอะแขกเริ่มมาแล้ว"
ภาคินพูดพร้อมกลับพาเธอกลับมานั้งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าสุด
"พรีมพรุ่งนี้เราจะเผาตามเวลาที่พระอาจารย์กำหนดไว้เลยนะ"
บวรเดินเข้ามาคุยกับหลานสาว พิมรดาเงยหน้ามองอาแท้ของตัวเอง
"พรีมยังไม่เผาค่ะ พรีมจะรอให้ตำรวจหาสาเหตุการตายให้เเน่ชัดก่อน"
"พรีมสงสัยอะไรใน อุบัติเหตุครั้งนี้งั้นหรอ"
บวรแกล้งถาม
"มันก็หน้าสงสัยไม่ใช้หรอค่ะ และอีกอย่างตำรวจก็ยังไม่ได้สรุปว่าเป็น
อุบัติเหตุจริงๆ"
"ตำรวจเขาก็ไม่ได้มีหลักฐาน ว่าเป็นการฆาตกรรมนี้ หรือมีใครเป่าหูแก"
บวรพูดพร้อมกับมองไปภาคิน
"ไม่มีใครเป่าหูพรีมหรอกค่ะ พรีมแค่รู้สึกว่าการเสียชีวิตของพ่อกับแม่พรีมผิดปกติ แม้กระทั่งพรีมเองที่พึ่งกลับมา เหยียบเมืองไทยได้ยังไม่ถึงสามวันพรีมยังถูกปองร้ายเลย มันจะปกติได้ไงค่ะ"
พิมรดาพูดขึ้น
"อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเธอเองก็ได้นะคนอื่นเขาจะไปรู้ความ เคลื่อนไหวของเธอได้ไง"
โสภาพูดขึ้นหวังเสี้ยมให้ภาคินกับพิมรดา
ไม่ไว้ใจกัน
"นั้นสินะคะ คนอื่นจะรู้ได้ไงพรีมก็คิดว่าน่าจะเป็นคนใกล้ตัวพรีมนี้แหละค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะตอนนี้คุณภาคินพาพรีมไปแจ้งความไว้แล้วตำรวจน่าจะตามคนร้ายได้ไม่อย่างหรอดกค่ะ"
บวรมองหน้าโสภา
"งั้นจะทำอะไรก็ตามใจเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องเห็นหัวฉัน"
พูดเสร็จบวรก็เดินออกไป
"เห็นคนอื่นดีกว่าอาแท้ๆตัวเองระวังเถอะ"
โสภาพูดต่อท้ายก่อนจะเดินตามสามีไป