ฉับพลันใบหน้าของสีหราชเสียลงอย่างเห็นได้ชัด เขากลอกตาไปมาพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อดวงตากลมเอาแต่จ้องมาอย่างคาดคั้นคำตอบ
“แม่เธอบอกฉันแบบนั้น”
“...”
ลูกแก้วคลายความสงสัยเมื่อได้รับคำตอบ แต่ในใจก็ยังตงิด ๆ อยู่ ทว่าเธอก็ไม่ถามย้ำ สีหราชเห็นแบบนั้นก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
เขาคิดในใจว่าเมื่อกี้เสียอาการต่อหน้าเธอมากไปหรือเปล่า แต่ก็อดตกใจไม่ได้จริง ๆ ชายหนุ่มวางแก้วกาแฟลงพลางกระแอมในลำคอเบา ๆ วางท่าเหนือกว่าอย่างที่ชอบทำ
“จะไปไหนก็ไป”
เขาตัดสินใจไล่เธอ ลูกแก้วได้ยินแบบนั้นก็เดินออกไปจากห้องครัวทันที หญิงสาวตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะรีบไปหยิบมือถือมากดโทรออกหามารดา
“คุณแม่คะ แก้วมีเรื่องจะถาม”
(ว่ายังไง)
“คุณแม่บอกคุณสิงห์เหรอว่าคุณตายังไม่โอนที่ดินมาเป็นชื่อคุณแม่”
(ใครจะไปกล้าบอกแบบนั้นล่ะ ขืนบอกไปคุณสีหราชก็ต้องคิดว่าเราไม่มีทางหาเงินมาคืนน่ะสิ ฉันบอกไปว่าที่ดินเป็นของฉัน แค่ยังขายไม่ได้ แล้วคุณสีหราชก็ไม่รับโฉนด เขาบอกว่าจะรับแต่เงินเท่านั้น)
“...”
(แล้วเรื่องนี้คุณสีหราชก็รู้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับแกซะอีก)
ลูกแก้วเงียบ...หัวคิ้วขมวดแน่นกับคำตอบของมารดา และเธอก็เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก เพราะมันก็ควรจะเป็นแบบที่มารดาบอก ใครจะกล้าบอกเจ้าหนี้ล่ะว่าที่ดินไม่ใช่ชื่อของเรา ถ้าสีหราชรู้แบบนั้นตั้งแต่แรก เขาก็ไม่น่าจะแต่งงานกับเธอ
(มีอะไรเหรอ แกถามแบบนี้ทำไม)
“คุณสิงห์พูดเหมือนรู้ว่าที่ดินยังไม่โอนมาเป็นชื่อคุณแม่ค่ะ”
(จริงเหรอ คุณสีหราชพูดแบบนั้นเหรอ)
“ค่ะ”
(จะว่าไป พ่อของฉันก็พูดจาแปลก ๆ เหมือนกันนะ)
“แปลกยังไงคะ”
(พ่อฉันพูดเหมือนสนิทสนมกับคุณสีหราช เรียกชื่อเล่นด้วยนะ ทั้งที่สองคนนั้นไม่น่าจะรู้จักกัน แต่ฉันอาจจะคิดมากไปเองละมั้ง คุณสีหราชเขาชื่อดังจะตาย ไม่มีใครในวงการธุรกิจไม่รู้จักหรอก)
“...”
แต่ลูกแก้วไม่คิดว่าตัวเองคิดมากไป...เธอยังคงคาใจในเรื่องนี้ นิรุตพูดจาเหมือนสนิทสนมกับสีหราชงั้นเหรอ แถมสีหราชก็รู้ว่าที่ดินยังไม่โอนมาเป็นชื่อของมารดาเธอ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีใครบอกเขา และถ้าหากอีกฝ่ายไปสืบมาเองจนรู้ความจริงก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาน่าจะอาละวาดไปนานแล้ว โทษฐานที่เธอและมารดาโกหกว่าที่ดินเป็นของพวกเรา มาหลอกให้เขารอเงินตั้งหนึ่งปี ถ้าเขารู้แล้วว่าที่ดินไม่ใช่ชื่อของมารดาเธอ เขาก็น่าจะโวยวายแต่นี่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย
ราวกับเขาโอเคที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ลูกแก้วกดวางสาย เธอกลอกสายตาไปมาอย่างใช้ความคิดว่าจะสืบเรื่องนี้ยังไงต่อดี
15.30 น.
ตอนนี้ลูกแก้วเดินทางมายังห้างสรรพสินค้า เธอมีของใช้ส่วนตัวที่อยากได้จึงมาห้างที่มีชื่อเสียงใจกลางเมืองกรุงแทนที่จะเป็นห้างที่ขายของสดและของใช้เข้าบ้านอย่างเช่นทุกครั้ง น้ำหอมของเธอหมดพอดี และลูกแก้วก็อยากยี่ห้อเดิม กลิ่นเดิม ทว่าน้ำหอมที่เธอใช้เป็นเคาเตอร์แบรนด์ ลูกแก้วคิดหนักที่จะซื้อมันเพราะราคาค่อนข้างแพง ตอนนี้สถานะการเงินของเธอและครอบครัวไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะใช้จ่ายอะไรก็ต้องประหยัด และลูกแก้วก็ไม่มีรายได้นอกจากเงินที่มารดาส่งให้แต่ละเดือน มารดาของเธอบอกว่าจะโอนเงินให้ใช้ทุก ๆ เดือนระหว่างที่ลูกแก้วเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวประกัน ที่ผ่านมาหนึ่งปีลูกแก้วก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือย เงินที่ซื้อของเข้าบ้านทุก ๆ ครั้งสีหราชก็เป็นคนให้เธอ และแต่ละสัปดาห์เขามักจะให้เงินลูกแก้วจำนวนมาก ทว่าเธอไม่เคยเอาเงินของเขามาใช้ส่วนตัวสักบาท...ทุกบาท ทุกสตางค์ ลูกแก้วซื้อของสดเอาไว้ทำกับข้าวดี ๆ ให้เขากิน ซื้อของใช้ที่จำเป็นเข้าบ้านทั้งหมด ส่วนเงินที่ใช้จ่ายส่วนตัวเธอจะใช้ที่มารดาโอนมาให้ ลูกแก้วไม่แตะต้องเงินของสีหราชสักบาทเดียว เพราะเธอไม่อยากมีปัญหาทีหลัง
และที่ผ่านมาลูกแก้วเก็บออมเงินส่วนนั้นเพื่อเอามาซื้อของที่อยากได้ก็คือน้ำหอม ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของเธอ ลูกแก้วคิดว่าซื้อของขวัญให้ตัวเองก็คงไม่ผิดอะไร ทำให้คนตัวเล็กเดินเข้าเคาเตอร์แบรนด์ที่ว่า จัดการซื้อมันและชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย
ในมือของเธอถือถุงช็อปแบรนด์ดังและเดินออกจากร้าน ใบหน้าหวานเบิกบานเพราะรู้สึกดีหลังจากไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต บิดาของลูกแก้วเป็นคนมีเงิน ถึงอีกฝ่ายจะคบหากับแฟนคนใหม่หลังจากมารดาเธอเสียชีวิต บิดาก็ไม่เคยให้ลูกแก้วลำบาก อีกฝ่ายรักและเลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดี จนกระทั่งบิดาเสียชีวิตและบ้านของเราก็มีหนี้ท่วมหัว ทำให้การใช้ชีวิตของลูกแก้วเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จะบอกว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคุณหนูที่อยากได้อะไรก็ได้มาตลอด ทว่าหนึ่งปีมานี้ต้องปรับการใช้ชีวิตใหม่ และทำใจว่าต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมแล้ว
ดวงตากลมมองถุงน้ำหอมในมือก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา เธอรีบเดินไปยังทางออกของห้างเพื่อที่จะกลับเพนท์เฮ้าส์เพราะต้องรีบไปทำมื้อเย็นรอสีหราช วันนี้เขาไม่ส่งข้อความมาบอกว่ากินข้าวนอกบ้าน แปลว่าเธอต้องสแตนบายทำอาหารไว้รอเขา แต่ในจังหวะที่เดินผ่านร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่ง ร่างสูงของผู้ชายที่ลูกแก้วรู้จักเป็นอย่างดีเดินออกมาจากร้านตรงหน้า สองเท้าของลูกแก้วหยุดชะงักเมื่อเราสบตากัน
“คุณสิงห์”
เธอเอ่ยแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าตรงหน้าเป็นใคร และอีกฝ่ายก็มองเธอเช่นกัน สีหราชตกใจเล็กน้อยที่มาเจอลูกแก้วที่นี่ และข้างกายของเขามีผู้หญิงหน้าตาดี แต่งตัวดียืนเคียงข้าง
ลูกแก้วมองผู้หญิงคนที่เดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับเขาสลับกับอีกฝ่าย ก่อนเธอจะเบือนใบหน้าไปทางอื่นเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันไปคุยกับสีหราชอย่างสนิทสนม ลูกแก้วตัดสินใจหมุนตัวเดินไปอีกทาง...ทำเป็นว่าเราสองคนไม่รู้จักกัน
“แพรวกลับก่อนนะคะคุณสีหราช”
ริมฝีปากสวยเคลือบลิปสติกสีแดงเอ่ยขึ้น สีหราชมองอีกคนก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
อีกฝ่ายส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทำให้ร่างสูงกำยำเร่งฝีเท้าเดินตามใครบางคนที่เดินหนีเขาเมื่อครู่ แผ่นหลังบางอยู่ตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มวิ่งเหยาะ ๆ จนประชิดกับตัวเธอ
มือหนาของเขาจับข้อมือบางจนหญิงสาวหันมามองอย่างตกใจ
“คุณสิงห์”
“เดินหนีทำไม?”