23.30 น.
ลูกแก้วนอนไม่หลับ เพราะเมื่อหัวค่ำเธอไม่ได้ทานมื้อเย็น ตอนนั้นเธอไม่หิว แต่ตอนนี้กลับหิวจนท้องร้อง
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงนอนก่อนจะหันไปหยิบชุดคลุมตัวยาวมาสวมทับชุดนอนและเดินออกจากห้องของตัวเอง ด้านนอกมืดสนิท ลูกแก้วเปิดไฟทางเดินและมุ่งหน้าเข้าห้องครัวทันที ถ้าวันนี้เธอไม่ได้กินอะไรคงจะนอนไม่หลับแน่ ๆ ความรู้สึกแรกคืออยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้ว่าโซเดียมจะเยอะไม่เหมาะกับการกินมื้อดึกแบบนี้แต่คนตัวเล็กก็ไม่สน
เธอหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกระป๋องรสชาติโปรดและจัดการต้มน้ำร้อน แกะเครื่องปรุงเทใส่ตามลำดับขั้นตอน พอน้ำเดือดก็เทน้ำร้อนใส่ลงไป ปิดฝากระดาษและเหลือแค่รอเวลาเท่านั้น ระหว่างนี้ก็ทิ้งขยะไปด้วย และเมื่อความสุกได้ที่แล้วก็จัดการรับประทาน
และในจังหวะที่ยกถ้วยขึ้นซดน้ำ ความซุ่มซ่ามก็บังเกิดขึ้น น้ำต้มยำของมันหกเลอะชุดคลุมของลูกแก้ว เธอจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะวางถ้วยลงบนเคาเตอร์ครัวและถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงชุดนอนเท่านั้น
“ซุ่มซ่ามจริง ๆ เลย”
เสียงหวานบ่นกับตัวเอง และในจังหวะนั้นเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ใกล้เข้ามา ลูกแก้วเงยหน้ามองไปที่ทางเข้าของห้องครัวก็พบกับร่างสูงของสีหราช เขามองมาทางเธอเช่นกัน
เราสบตากันอยู่แบบนั้น เป็นลูกแก้วที่หลบสายตาอีกฝ่ายก่อน โดยไม่ทันเห็นว่านัยน์ตาคู่คมกำลังกวาดมองเรือนร่างของเธอไม่ละสายตาไปไหน
ชุดนอนสายเดี่ยวขอบลูกไม้ที่ช่วงล่างเป็นกระโปรงสั้นเสมอเข่า ผ้าลื่น ๆ บาง ๆ ของมันทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ในขณะที่ลูกแก้วก็ถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและชุดคลุมที่เปื้อนของตัวเองเดินผ่านไหล่เขา
เธอเดินผ่านคนตัวใหญ่ไปโดยไม่พูดอะไรออกมา ส่วนสีหราชก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทว่าเขาหันมองคนตัวเล็กที่เดินเข้าห้องตัวเองจนลับสายตา
ร่างสูงเดินไปที่ตู้เย็น ก่อนจะหยิบน้ำเย็นออกมาเพื่อดื่มให้ดับกระหาย ส่วนมืออีกข้างก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรหาใครบางคน ไม่นานปลายสายก็รับ
(ฮัลโหลครับคุณสิงห์)
“เรื่องที่ผมรบกวนคุณนิรุต ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?”
(โอ้ ไม่มีแน่นอนครับ เรื่องแค่นี้เอง กระผมเต็มใจทำให้อยู่แล้วครับ)
“งั้นดีครับ ผมจะให้เลขาจัดการเรื่องที่ตกลงกันเอาไว้พรุ่งนี้เลย”
(ด...ได้ครับคุณสิงห์ ขอบคุณมากนะครับ!!)
น้ำเสียงชายชราที่เต็มไปด้วยความโลภช่างเข้าทางสีหราช เขากระตุกยิ้มก่อนจะกดวางสาย เดินออกจากห้องครัวโดยไม่ลืมปิดไฟ และเมื่อเดินผ่านหน้าห้องของลูกแก้ว นัยน์ตาดำขลับแฝงเล่ห์กลเอาแต่จ้องมองบานประตูห้องของเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินผ่านเพื่อเข้าห้องตัวเองที่อยู่ติดกัน
สีหราชส่งข้อความหาเลขาคนสนิทที่คอยทำงานให้เขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร บอกอีกฝ่ายว่าให้จัดการเรื่องที่ได้รับปากนิรุตในวันพรุ่งนี้เลย เรื่องที่ว่าคือผลประโยชน์ด้านธุรกิจที่สีหราชเอื้อต่อฝั่งของบิดา นฤดี
เพื่อแลกกับการไม่ให้อีกฝ่ายโอนที่ดินให้ลูกสาวตัวเอง
นฤดีพยายามอย่างมากที่จะคุยกับบิดาเรื่องโอนที่ดิน ตนจะได้เอาไปขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้เขา เพื่อแลกกับการปล่อยลูกแก้วเป็นอิสระ ทว่านิรุต บิดาของนฤดีไม่ยอมโอนที่ดินที่เคยบอกว่าจะให้สักทีจนกระทั่งตอนนี้...ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังที่นิรุตผิดคำพูดกับลูกสาวตัวเองจะมีเขาคอยบงการ
เมื่อกดออกจากช่องแชทของเลขา สายตาเยือกเย็นก็เอาแต่มองรูปถ่ายบนหน้าจอโทรศัพท์ เพราะบนนั้นปรากฏรูปถ่ายของลูกแก้วที่ส่งยิ้มให้กล้องอย่างสดใส สีหราชมีรูปถ่ายของภรรยาอยู่ในเครื่องตัวเองมากมาย เขามักจะเข้าไปบันทึกรูปพวกนั้นในเฟซบุ๊คของเธอ ความเงียบภายในห้องเข้าปกคลุม มีเพียงร่างสูงที่เอาแต่มองรอยยิ้มหวานราวกับตกอยู่ในภวังค์
ความต้องการของสีหราชยังคงเป็นเงินยี่สิบล้าน เงินตั้งมากมายแบบนั้นทำไมเขาจะไม่อยากได้คืน ทว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าคือได้ลูกแก้วมาครอบครองโดยเฉพาะร่างกาย เขาจึงยืดเวลาไม่หย่ากับเธอสักที หนึ่งปีที่เขาอดทนไม่แตะต้องเธอคิดว่ามันมากเกินพอแล้ว อยู่ ๆ จะให้อีกฝ่ายเอาเงินมาคืนและจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ เขาคิดว่าตัวเองคงเสียเปรียบน่าดู รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเสียเปรียบให้ใคร...
และไม่ว่ายังไงสีหราชก็จะตักตวงทุกอย่างให้สาแก่ใจก่อนจะปล่อยลูกแก้ว
วันต่อมา
08.00 น.
ร่างบางยกอาหารมื้อเช้ามาตั้งไว้บนโต๊ะตรงหน้าชายหนุ่ม ร่างกายสูงใหญ่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว สีหราชพิงพนักเก้าอี้พลางมองภรรยาของตัวเองที่กำลังยกอาหารมาตั้งทีละจาน
วันนี้เป็นมื้อเช้าง่าย ๆ ที่เขาชอบทานคือข้าวไข่ข้นกุ้ง ขนมปังปิ้งทาเนยบาง ๆ และกาแฟดำ
ลูกแก้วยกกาแฟมาตั้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เธอทำท่าจะเดินออกจากห้องครัว ทว่าเสียงทุ้มก็ดังขึ้น
“ยืนตรงนี้”
“...”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเท้าทั้งสองข้างก็หยุดชะงัก ลูกแก้วมองเขานิ่ง คิดในใจว่าอีกฝ่ายอาจจะหาเรื่องแกล้งเธออีก แต่ลูกแก้วก็ไม่อยากขัดคำสั่ง ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงยืนกุมมืออยู่ไม่ไกลจากเขา
สีหราชลงมือกินมื้อเช้า ลูกแก้วได้แต่มองด้วยความลุ้นว่าวันนี้เขาจะทำเหมือนเมื่อวานหรือเปล่า แต่ไม่...อีกฝ่ายกินไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดอะไร ลูกแก้วเห็นว่าไม่มีอะไรต้องกังวลก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องครัวอีกครั้ง แต่น้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้น
“บอกให้ยืนตรงนี้”
นัยน์ตาคมตวัดมองเธอ ลูกแก้วขมวดคิ้วแน่น
“ให้ยืนทำไมคะ แก้วจะไปอาบน้ำ มีงานต้องทำต่อ”
“งาน? มีอะไรต้องทำนักหนา ฉันก็ไม่เห็นว่าวัน ๆ นึงเธอจะทำอะไร”
“งานในบ้านหลังนี้ไงคะ คุณทำงานนอกบ้าน แก้วก็ทำงานในบ้าน ไม่ใช่อยู่ ๆ แล้วบ้านทั้งหลังมันจะสะอาด คุณจะมีเสื้อผ้าใส่ ห้องนอนของคุณจะไม่รก คิดว่ามันเป็นเองอัตโนมัติเหรอคะ?”
“ปากเก่งขึ้นหนิ”
ลูกแก้วเบือนสายตาไปทางอื่น เบื่อที่เขาคอยแขวะเธอเรื่องทำงานในบ้านชะมัด รู้แหละว่าตัวเองทำงานนอกบ้านเหนื่อยกว่า แต่คนที่อยู่บ้านทำทุกอย่าง ประเคนทุกอย่างให้ก็เหนื่อยเหมือนกัน
เขาคิดว่าทุกอย่างที่มีพร้อมมันเกิดขึ้นได้เองงั้นเหรอ
สีหราชเป็นผู้ชายที่เฮงซวยที่สุดสำหรับลูกแก้ว
ทว่าคนที่เอาแต่หาเรื่องจ้องหน้าเธออย่างไม่พอใจที่ลูกแก้วเถียงคำไม่ตกฟาก เมื่อก่อนไม่ปากเก่งขนาดนี้ คงจะคิดพยศเขา ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาว ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้น
“ปากเก่งแบบนี้คงหาเงินมาคืนฉันได้แล้วสินะ”
สีหราชเลิกคิ้วขึ้น ลูกแก้วหันมองเขาทันที ก่อนดวงตากลมจะวูบไหวลง
“...”
“ว่าไง? ฉันถาม”
“ไม่ค่ะ แก้วยังไม่มีเงิน”
“หึ”
สีหราชตั้งใจหัวเราะเสียงดังออกมา ลูกแก้วได้แต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองอย่างอึดอัด ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากอีกฝ่ายชัดเจน
“เมื่อไรจะมีล่ะ ยืดเยื้อเพื่ออะไร ฉันอยากได้เงินคืนจนตัวสั่นจะแย่แล้ว”
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ทว่าเป็นยิ้มที่ร้ายกาจเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้ ลูกแก้วเงยมองหน้าเขาอีกครั้ง
“อีกไม่นานหรอกค่ะ”
ทว่าคำตอบของเธอทำให้สีหราชค่อย ๆ ลดรอยยิ้มลง เขายังคงเลิกคิ้วตั้งคำถาม
“อีกไม่นานงั้นเหรอ?”
“ค่ะ คุณแม่กำลังจะได้ขายที่ดินแล้ว”
“งั้นสินะ”
สีหราชกระตุกยิ้มอีกครั้งพลางยกแก้วกาแฟดำขึ้นดื่ม เขาเอาแต่มองหน้าเธอที่กำลังแสดงความมั่นใจออกมา
“ที่ดินยังไม่ได้โอนมาเป็นชื่อของแม่เธอ อย่าพึ่งรีบดีใจไป แต่ถึงจะได้โอนมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะขายได้ง่าย ๆ”
“ที่ดินตรงนั้นทำเลดีมาก ที่ผ่านมามีคนติดต่อคุณตาเพื่อจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นหลายคนแล้ว แก้วเชื่อว่าถ้าประกาศขาย ยังไงก็ต้องขายได้เร็ว ๆ นี้ค่ะ”
ที่ลูกแก้วพูดคือความจริง ตอนนี้เหลือแค่รอให้นิรุตโอนที่ดินมาเป็นชื่อนฤดี เท่านั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ใบหน้าหวานฉายความมั่นใจอยู่เต็มอก ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นสงสัยเมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมา
“ว่าแต่คุณสิงห์รู้ได้ยังไงคะว่าที่ดินยังไม่โอนมาเป็นชื่อคุณแม่?”