หลายวันผ่านไป
ลูกแก้วใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนคือชีวิตของเธอสงบสุขขึ้นมาก เพราะสีหราชไม่ได้วุ่นวายกับเธอเหมือนที่ผ่านมา เช้าขึ้นมาเธอก็ทำอาหารไว้รอเขา อีกฝ่ายเข้ามากินตามปกติ และไม่ได้หาเรื่องเธออีกหลังจากวันนั้น ส่วนตอนเย็นเธอก็ทำอาหารไว้ให้เขาถ้าหากอีกฝ่ายบอกว่าจะกลับมากินข้าวที่บ้าน ทุกอย่างดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น เขาไม่หาเรื่องเธอ ไม่สะกดรอยตามเธอเหมือนอย่างที่ผ่านมาแล้ว
ลูกแก้วคิดว่าสีหราชอาจจะเบื่อก็ได้ เขาอาจจะอยากได้เงินคืนไว ๆ และอยากให้เธอไปให้พ้นหน้าจะแย่อยู่แล้ว เหมือนที่ลูกแก้วอยากไปจากที่นี่ ผ่านมาก็นับสัปดาห์ ระหว่างนั้นเธอคอยโทรหามารดาถึงความคืบหน้าเรื่องที่ดิน ทว่ามารดาก็ได้แต่ตอบออกมาว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ายังไงตอนนี้นิรุตก็ยังปฏิเสธที่จะโอนที่ดินให้มารดาของเธอ ลูกแก้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าทุกครั้งเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ยังโชคดีที่สีหราชไม่พูดถึงเรื่องทวงเงินอีก เขาและเธอต่างคนต่างอยู่มากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว หน้าก็แทบจะไม่ได้เจอกัน ทำให้ลูกแก้วค่อยโล่งอก แต่ลึก ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกดี
เหมือนยังมีเรื่องคาใจตลอดเวลา
วันนี้หญิงสาวอยู่บ้านตามปกติ ทำงานบ้าน ทำกับข้าวไว้รอเขา เธอไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเขา ลูกแก้วจะแยกส่วนของตัวเองเอาไว้และออกมาทานมืด ๆ หลังจากที่อีกฝ่ายทานเสร็จและเข้าห้องไปแล้ว มื้อเช้าก็เช่นกัน รอให้เขาออกไปทำงานก่อนเธอก็จะทานของตัวเอง แบบนี้สะดวกใจกันทั้งสองฝ่าย
หญิงสาวทำท่าจะเปิดเครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำ เสียงเรียกเข้าของมือถือก็ดังขึ้น ทำให้ลูกแก้วตั้งเครื่องดูดฝุ่นไว้ที่ของมันก่อนจะเดินไปรับสาย
“ว่าไงหว้า”
เป็นน้องสาวของเธอที่โทรเข้ามา ปลายสายมีน้ำเสียงที่ร้อนใจ
(พี่แก้ว ช่วงนี้คุณสีหราชมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ หว้า หว้าไม่แน่ใจว่าบังเอิญหรือเขาตั้งใจ แต่หว้าคิดว่าคุณสีหราชตั้งใจนะ)
“จริงเหรอ”
ลูกแก้วขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน...นี่สีหราชไปวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ลูกหว้างั้นเหรอ
(ใช่ ครั้งแรกเมื่อสามวันก่อน หว้าเจอเขาที่ห้าง เขาเดินเข้ามาทักไม่กี่คำก็เดินหายไป หว้าคิดว่าอาจจะบังเอิญ แต่สองวันหลังจากนั้น หว้าก็เจอเขาที่หน้าบริษัททุกวันเลย)
ลูกหว้าทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นพนักงานทั่วไป หลังจากเรียนจบลูกหว้าก็หางานทำ ได้เงินเดือนไม่เยอะแต่ก็เลี้ยงดูตัวเองได้ ลูกแก้วได้ยินว่าลูกหว้าเจอสีหราชที่หน้าบริษัทตัวเอง เธอไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
“แล้วเขาพูดอะไรบ้าง”
(เขาก็เข้ามาทัก ‘จำฉันได้ไหม อย่าลืมบอกพี่สาวล่ะว่าเจอฉัน’ แล้วเขาก็เดินหายไป แต่เมื่อวานเขาชวนหว้าไปกินข้าวเย็น แต่หว้าปฏิเสธ หว้าไม่กล้าบอกพี่แก้วเพราะกลัวว่าพี่แก้วจะเครียด)
“ทีหลังหว้าต้องรีบบอกพี่นะ แล้วตอนนี้หว้าอยู่ไหน”
(อยู่บริษัท หว้าเลิกงานพอดีกำลังจะกลับ ไม่รู้จะเจอเขาอีกหรือเปล่า)
“ไม่ต้องวางสายกับพี่นะ คุยด้วยกันจนถึงบ้านเลย”
(ได้พี่แก้ว)
ลูกแก้วหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง ถือโทรศัพท์แนบหูและฟังปลายสายไปเรื่อย ๆ อีกฝ่ายกำลังเดินทางกลับบ้าน ตอนนี้คงกำลังเดินออกไปนอกตึก
(เจอจริง ๆ ด้วยพี่แก้ว เขามายืนรอที่เดิมเลย)
“ให้ตายเถอะ”
สีหราชคิดจะทำอะไรกันแน่
ที่เขาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเธอ เพราะหันไปสนใจน้องสาวของเธองั้นเหรอ
‘ถ้าวันหนึ่งฉันเบื่อคนพี่ ยังไงคนน้องก็ต้องมาทำแทน’
ประโยคของอีกฝ่ายลอยเข้าหัวของลูกแก้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น หากสีหราชทำแบบนั้นจริง ๆ เธอไม่ยอมแน่
ลูกแก้วอดทนมาหนึ่งปีเต็มเพื่ออะไร? เพื่อว่าสุดท้ายเขาก็ได้ทำร้ายทั้งพี่ทั้งน้องอย่างนั้นเหรอ เธอยอมไม่ได้จริง ๆ ที่เธออดทนไปคงจะไร้ความหมายถ้าหากเป็นแบบนี้
ลูกหว้ายังเด็กและเธอก็รักน้องมาก ไม่ต้องการให้น้องสาวต้องมาเจอเหมือนกับตัวเองเพราะมันทรมานและฝังใจ อาจจะลืมไม่ได้ในชั่วชีวิตนี้ ให้คนที่เจ็บปวดมีแค่เธอก็พอแล้ว
“หว้าเดินหนีไปอีกทางนะ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องทักตอบ เดินหนีเขาไปเลย”
(ทำแบบนั้นได้เหรอพี่แก้ว เขากำลังเดินมาหาหว้าแล้ว)
ลูกแก้วกำมือแน่น เธออยากไปหาน้องตอนนี้เลย จู่ ๆ เสียงผู้ชายก็ลอยเข้ามาในโทรศัพท์ ลูกแก้วตั้งใจฟัง
(คุยกับพี่สาวอยู่เหรอ / ค่ะ)
ปลายสายคือเสียงของสีหราชไม่ผิดแน่ ลูกหว้าตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้องของเธอคงจะกลัวมาก
(งั้นฉันขอคุยกับพี่สาวเธอหน่อยสิ— ฮัลโหล ฉันเองนะ)
และสีหราชก็แย่งมือถือของลูกหว้าเพื่อเอามาคุยเองจนสำเร็จ ดวงตาของลูกแก้วแข็งกร้าวและจ้องเขม็งไปที่รูปถ่ายของเขาที่ตั้งอยู่บนชั้นโชว์ภายในห้องนั่งเล่น
“คุณจะทำอะไร”
ลูกแก้วถามออกไปตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ปลายสาย
(คิดว่าไงล่ะ?)