“ไหนบอกว่ารังเกียจฉันจะเป็นจะตาย แล้วยาคุมนั่นมันหมายความว่าไง”
เสียงหวานนิ่งเรียบย้อนถามกลับคีตา ในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองของในมือของเขาทั้งสองชิ้น ตัวยาถูกถ่ายเทมาอยู่ในเข็มตามปริมาณที่ใช้ต่อหนึ่งคน
“…” ดวงตาคมที่ยังคงให้ความสนใจที่ตัวเลขบนเข็มฉีดยา ความนิ่งเฉยต่อคำถามของฉันที่คีตาแสดงออกนั้น ยิ่งกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกให้เดือดยิ่งขึ้นมาอีก
“ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง”
“….” พูดอะไรไปมากมายสิ่งที่ได้กลับมาก็แค่ความเงียบ
“ตอบมาคีตา”
“อย่ามาใช้อำนาจในเวลาของฉัน” และในที่สุดผู้ชายตรงหน้าก็เปิดปากพูดออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
ปึก!
ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นที่คีตาหันมาตอบโต้ ขวดยาในมือก็ถูกโยนตรงไปยังถังขยะข้างโต๊ะทำงานยังไม่สนใจไยดี เพราะเวลานี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคงมีแค่การเอายาตัวนั้นเข้ามาอยู่ในร่างกายของฉัน
“....” ฉันมองของในมือคีตาแล้วละสายตาจากมัน จ้องมองร่างสูงที่เข้ามาหยุดยืนตรงหน้า
“จะยืนหรือจะนั่ง”
“....” เขาไม่มีท่าทีสนใจเลยว่าเวลานี้ฉันจะรู้สึกยังไง
“งั้นยืน...ถลกชายเดรสขึ้น” คีตาพูดย้ำอีกครั้ง สายตาก็ยังคงมองเพียงแค่ใบหน้าของฉันอยู่เช่นนั้น
“....” ยาคุมมันต้องฉีดเหนือสะโพกฉันรู้เรื่องนั้นมาบ้าง แต่ว่าควรจะเป็นพยาบาลทำให้ฉันสิ ถึงเขาจะเป็นหมอแต่ก็เป็นผู้ชาย!
“จะยืนทำหน้าโง่อีกนานมั้ย” นับวันเหมือนยิ่งได้เห็นด้านที่ไม่เคยเจอมาก่อนจากคีตา หรือปกติเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วเพียงแค่ไม่เคยเอามันมาใช้กับฉันก็แค่นั้น
“ควรเป็นพยาบาลผู้หญิงฉีดให้ฉันสิ เพราะยังไงพยาบาลก็จับเข็มมากกว่าคนเป็นหมอ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง” ฉันพยายามต่อรองเขาอย่างใจเย็น ถึงรู้ดีว่าไม่มีทางหลบหลีกการฉีดยาคุมไปได้แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายแตะต้องตัว
“ไม่ได้สะสมคูปองไปแลกวิชาชีพหมอมาหรอก ไม่ต้องกลัว”
“หน้าตาไม่ได้ฉลาดฉันจะกลัวก็ไม่แปลก”
“คนฉลาดต้องหน้าตาแบบนี้ใช่มั้ย แล้วทำไมไม่มีสมองมากพอที่จะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควร”
“แล้วคนที่คิดว่าตัวเองมีสมองไม่ใช้เหตุผลคุยกันหน่อย มองเห็นชีวิตคนอื่นเขาเป็นผักเป็นปลาหรือไง”
“....” เพราะความปากไวและไม่ทันคิดของตัวเองทำให้เผลอปากสวนกลับคีตาออกไป และนั่นทำให้เกิดความเงียบเพราะคนตรงไม่ปริพูดอะไรออกมาอีก มีเพียงสายตาเรียบเฉยคาดเดาอารมณ์ไม่ได้มองมา
“...ต้องฉีดตรงไหน” ปากนะปาก...ฉันควรพูดแค่วันละไม่เกิน 10 คำก็พอ
“ฉีดเข้าสมองได้มั้ยเผื่อจะเพิ่มเส้นหยักให้มากขึ้น ลืมเหรอว่าใครเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด” คำพูดของคีตายิ่งกว่าเข็มนับร้อยทิ่มแทงเข้ามาในอก ไม่ได้เอาให้ตายแต่เจ็บคันเลือนหายได้ช้า
“ไม่ได้ลืม” เสียงหวานพึมพำย้ำเตือนตัวเอง แล้วปล่อยกระเป๋าถือใบหรูในมือลงกับพื้น
ปึก!
มือเล็กจับชายชุดเดรสของตัวเองแล้วค่อย ๆ ดึงมันขึ้นจนเผยให้เห็นต้นขาอ่อน แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้นเพราะถูกคีตาลากตัวให้ไปนั่งลงที่โซฟา แรงผลักของคนตัวโตกว่าทำฉันตัวเอียงเซเล็กน้อยเมื่อก้นแตะกับเบาะโซฟา
หมับ! พรึ่บ!
คีตาย่อตัวนั่งลงกับพื้นแล้วจัดการใช้มือถลกชายชุดขึ้นด้วยตัวเอง ก่อนหยิบเอาแผงสำลีชุบแอลกอฮอล์มาแกะเอาของที่อยู่ในนั้นออกมา
ความเย็นของก้อนสำลีถูวนบริเวณสะโพกไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งของตัวเอง และจังหวะที่มือของคีตาโดนกับต้นขาก็ทำเอาฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ นั่งยุกยิกอยู่ไม่สุขจนถูกต่อว่า
“นั่งนิ่ง ๆ มันจะตายหรือไง” เสียงดุของผู้ชายที่นั่งอยู่บนพื้นพูดขึ้น ทำฉันใช้สายตาชำเลืองมองไปซึ่งคีตาเองก็มองมาเช่นเดียวกัน จากระยะการนั่งและส่วนสูงของเขาทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ในระดับสายตาได้อย่างพอดิบพอดี
“....” ทำได้แค่ต้องนั่งเงียบ ๆ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาของฉันต้องพยายามสงบปากเอาไว้
ใบหน้าสวยมองตรงไปเบื้องหน้าไม่สนใจการกระทำของคนข้างกาย เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็เกิดความเจ็บจี๊ดตรงบริเวณสะโพก ทำฉันหันขวับไปมองคีตาและได้สบตาสายตากับอีกฝ่ายพอดีอีกครั้ง
“จะตายเพราะโดนฉีดยาก็บอกได้” เสียงทุ้มนิ่งพูดขึ้นพร้อมกับดึงเข็มออก
“ไม่ตาย สบายใจได้เลย...อยู่อีกนาน”
“เข็มแค่นี้เอง เดี๋ยวยังต้องเจออะไรที่มันใหญ่กว่านั้นอีก” คีตาจัดการทำลายอุปกรณ์ทุกอย่างที่พึ่งใช้งานไป
“หมายถึงของนาย?” ฉันย้อนถามกลับด้วยความข้องใจ ที่ผ่านมาฉันไม่ใช่ซื่อบื้อที่มองไม่ออกว่าการกระทำของคีตานั้นบ่งบอกว่าต้องการอะไร
“ไม่ลดตัวขนาดนั้น” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วถอดถุงมือออกโยนมันทิ้งลงถังขยะ
“แล้วฉีดยาคุมนี่ล่ะ...เผื่อว่าวันหนึ่งห้ามตัวเองไม่อยู่?” ฉันดึงชายชุดเดรสลงจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจ้องมองแผ่นหลังกว้างของผู้ชายที่เดินไปทางถังขยะ และคำพูดของฉันทำให้คีตาหันกลับมามองด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้เช่นเดิม
“ไม่ลดตัวที่ว่าหมายถึงไม่ได้จะเอามาเป็นเมีย แต่ของเล่นก็ได้อยู่” ของเล่น... ฉันเป็นใครคนที่นี่รู้ดีแต่กับผู้ชายตรงหน้าวางตัวให้เป็นแค่ของเล่น
“เชิญ” คำตอบฉันไม่ได้แสดงออกถึงอาการทุกข์ร้อนใจแต่อย่างใด คนที่เกลียดจนแม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง หายใจร่วมกันยังไม่อยากจะทำ มันก็แค่คำพูดปั่นหัวให้ฉันรู้สึกเจ็บและไร้ค่า
“....” เมื่อคำตอบของฉันมันไม่ได้แสดงออกทางความรู้สึกใด ๆ ออกมา มันก็กลับไปกระตุ้นอารมณ์ให้กับคนตรงหน้า
“ขอนอนที่ห้องรับแขกนะ รู้ว่าของอยู่ในห้องนายแล้วแต่ไม่เป็นอะไร...ฉันนอนทั้งสภาพนี้ได้” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงก้าวเท้าเดินไปหยิบกระเป๋าถือของตัวเองที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วตรงไปทางประตูห้อง ยาคุมต้องใช้เวลาออกฤทธิ์อีกหลายวันและเขาก็ไม่ทำอะไรฉันหรอก
สายตา...
น้ำเสียง...
บ่งบอกชัดว่าเกลียดฉันมากแค่ไหน
“นี่มันเวลาของฉัน” เสียงของผู้ชายที่อยู่ร่วมห้องดังขึ้นใกล้หูและรับรู้ถึงกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้ฉันรู้ตัวได้ทันทีว่าเขาอยู่ในระยะที่ใกล้มากแค่ไหน
ปึก!
“คีตา!”
เสียงแหลมหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ตัวเองก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนที่มือจะยื่นไปสัมผัสลูกบิด ร่างบางถูกจับหมุนตัวหันหลังเข้าประตูหันหน้าเข้าประจันกับอีกฝ่าย
แผ่นหลังชนเข้ากับบานประตูแข็งจนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่มีเวลาให้ได้โวยวายแสดงความเจ็บปวด เมื่อใบหน้าหล่อของคีตายื่นเข้ามาใกล้ไม่ให้ได้ตั้งหลัก ฉันรีบก้มหน้ามองพื้นเป็นการหลบ ยกสองมือขึ้นดันอกกว้างออกห่างตัวสุดแรง
พรึ่บ!
“เงยหน้าขึ้นมา” เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่งพร้อมยื่นใบหน้าไล่ต้อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“อย่านะ ปล่อย!” มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คีตาทำแบบนี้กับฉัน ที่ผ่านมาจะต้องหยุดลงเมื่อฉันให้เขาหยุดและไม่มีอะไรเกินเลย แต่ทำไมครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้หนทางจะหนี
“เงยหน้าขึ้นมา” คีตาพูดย้ำอีกครั้ง มือหนาจับเข้าที่ต้นแขนออกแรงดึงฉันให้ขยับเข้าหาตัวเอง
“อย่า...”
“หนึ่ง...”
“ไอ้บ้าคีตา”
เรี่ยวแรงอันน้อยนิดแทบทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย ฝ่ามือเล็กยันอกกว้างเอาไว้พลางใช้สายตาก้มมองพื้นที่เวลานี้เห็นเพียงปลายเท้าของเราทั้ง 2 คนเท่านั้น
ระยะห่างไม่ถึงคืบ ถ้าเงยหน้าขึ้นตามคำสั่ง...ยังไงก็โดน