หลังจากเสียงฮือฮาเรื่องเกาะส่วนตัวซาลง พี่โอมก็ยกแฟ้มในมือขึ้นอีกครั้ง
ปึก ๆ !
เขาเคาะเบา ๆ กับโต๊ะให้ทุกคนกลับมาให้ความสนใจ
“อ้อ! แล้วก็…เรื่องสำคัญไม่แพ้กันนะ! ปีนี้เรารับน้องร่วมหลายสาขา พี่ว๊ากต้องเอาให้อยู่หมัด ขอคนโหด ๆ หน่อยทั้งฝั่งผู้ชายและผู้หญิง!”
เสียงฮือฮาอีกระลอกดังขึ้น มีเสียงพูดคุยแซวกันไปมา บางคนทำท่าหน้าสั่น บางคนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ขอกูถอนตัวตั้งแต่ยังไม่เริ่มได้ไหมวะ ฮ่า ๆ ๆ”
“มึงจะกลัวอะไร เขายังไม่ได้เลือกชื่อเลยโว้ย!”
ทันใดนั้น บิ๊ก หนุ่มตัวสูงจากวิศวะเคมีที่ชอบเป็นตัวตั้งตัวตีในงานกิจกรรมก็ยกมือขึ้น
“กูเสนอชื่อ ไดม่อน กับ เอริค เป็นพี่ว๊ากฝั่งผู้ชาย โหดพอไหมวะ?”
“เห้ย! เห็นด้วยเลย!”
“ไดม่อนเสียงดังดี ส่วนเอริคก็โคตรจริงจัง”
เสียงเห็นด้วยดังขึ้นรอบห้องอย่างรวดเร็ว
ไดม่อนกับเอริคที่นั่งอยู่ด้านหลังแค่ยิ้มมุมปาก ไม่ได้ปฏิเสธสักคำ
“โอเค ๆ สองคนนั้นผ่าน!”
พี่โอมพยักหน้าแล้วมองหันซ้ายหันขวา
“ฝั่งผู้หญิงล่ะ ใครดี? ขอคนดุนะ ขอแบบแค่หันหน้ามา น้องปีหนึ่งน้ำตาไหลเลยอะ!”
“ทอฝัน กับ เนโกะ!”
เสียงจากกลุ่มเพื่อนหลายคนพูดขึ้นพร้อมกัน ราวกับนัดกันมา
ทอฝันที่กำลังก้มเล่นมือถือเงยหน้าขึ้นมาทันที ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงง ๆ
“ฉันเนี่ยนะ!?”
“เออ! เธอนั่นแหละ เหมาะสุด!”
“หน้าโหด ๆ แบบเธอแค่ทำตาแข็งใส่ก็ไม่มีใครกล้าเถียงแล้ว”
“ทอฝันทำหน้าโกรธนี่กูยังกลัวเลยอ่ะ บอกตรง”
เสียงเพื่อน ๆ หัวเราะขำกันสนุกสนาน บางคนตบโต๊ะ บางคนก็แซวเสียงดัง ทอฝันทำหน้านิ่ง ๆ แต่ในใจปนทั้งขำทั้งเอือม
เธอบ่นพึมพำเบา ๆ พลางเบ้ปาก
“กูควรจะดีใจไหมเนี่ย ที่พวกมึงบอกว่าหน้ากูน่ากลัว…”
ขณะเดียวกัน พายุหัวเราะออกมาข้าง ๆ หยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมาแล้วพูดเสียงเบาแต่แซวแรง
“ดีใจเหอะมึง อย่างน้อยก็ได้งานจากหน้าตา ถึงจะเป็นงานข่มขวัญก็เหอะ ฮ่า ๆ”
ทอฝันเหล่มองเพื่อนสนิทอย่างเอือม ๆ
“กูว่าหน้ากูอาจจะไม่กลัวเท่าไหร่นะ แต่ถ้ากูบอกความลับของบางคนว่าแอบไปนอนคอนโดเพื่อนสาวทุกคืน… อาจจะมีคนกลัวมากกว่านี้ก็ได้”
พายุทำท่ากระแอมเสียงดังทันที
“แค่ก ๆ เฮ้ย! เอ่อ…อากาศมันแห้งไปหน่อยอะ พี่โอม มีอะไรจะพูดต่อไหมครับ?”
เสียงหัวเราะของเพื่อนทั้งห้องดังขึ้นอีกรอบ บรรยากาศอบอุ่น ครึกครื้น และเต็มไปด้วยความเป็นกันเองของวัยรุ่นคณะวิศวะที่ทั้งซน ทั้งแสบ และทั้งสนิทกันราวกับครอบครัว
เมื่อเสียงหัวเราะเริ่มซาลง พี่โอมก็ยกมือขึ้นอีกครั้งเป็นเชิงเรียกความสนใจ
“โอเค ๆ พอ ๆ หยุดหัวเราะแซวทอฝันกันก่อน เดี๋ยวแม่มันจะยกเก้าอี้ปาใส่เอา!”
เสียงฮากระจายอีกรอบ แต่ก็เริ่มเงียบลงอย่างว่าง่าย
“งั้น…สรุปตามนี้นะครับ! ปีนี้เราจะรับน้องรวมหลายสาขา ทั้งเครื่องกล ไฟฟ้า เคมี ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา แล้วสถานที่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะเป็น เกาะส่วนตัวของตระกูลวรรธเดช ที่มีตำนานว่าแค่ค่าทรายยังแพงกว่าคอนโดกูอีก ฮ่า ๆ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมาอีกระลอก
พี่โอมยิ้มก่อนหันไปทางทอฝัน
“ฝากเรื่องประสานงานกับคุณใต้ฝุ่นด้วยนะทอฝัน ถ้าเจ้าของเกาะไฟเขียว พวกเราก็พร้อมลุย!”
“อือ ๆ เข้าใจแล้ว” ทอฝันพยักหน้าเบื่อ ๆ แต่แววตามีความจริงจังซ่อนอยู่
“เอาล่ะ สุดท้ายก่อนเลิกประชุม เรื่องวันเดินทางนะ พวกเราจะออกเดินทาง เช้ามืดมะรืนนี้!”
บางคนทำตาโต บางคนโอดครวญเบา ๆ
“ให้ตื่นตีห้าคืออะไรเนี่ยพี่โอม…”
“ไม่ได้อาบน้ำแน่ ๆ วันนั้น…”
“ไอ้พวกบ่นเก็บไปเลย กูยังไม่ได้พูดครบ!”
พี่โอมหัวเราะแล้วพูดต่อ
“ฟังให้ดี แบ่งหน้าที่นะ ทีมหนึ่งมาช่วยกัน ขนของขึ้นรถตู้ที่ลานจอดหลังคณะ ต้องมาก่อนเวลานัดหน่อย ส่วนอีกทีมไป ดูแลน้องปี 1 ที่จะมารวมตัวหน้าอาคารใหญ่ ทำกิจกรรมเบา ๆ รอระหว่างรถมาถึง”
เสียงพิมพ์ในกลุ่มไลน์ดังขึ้นพร้อมกัน หลายคนเริ่มหยิบมือถือมาจดจำ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะลงชื่อทีมเวรในกลุ่ม ใครสมัครใจอยู่กับของหรืออยู่กับน้อง ๆ ก็มากดเองนะ ไม่บังคับแต่…ถ้าไม่มาก็โดนด่า”
“แล้วของที่ว่าคืออะไรบ้างพี่?”
“เต็นท์ อุปกรณ์กิจกรรม อาหารแห้ง ของเล่นโหด ๆ กูไม่บอกหรอก เดี๋ยวไม่ลุ้น ฮ่า ๆ”
เสียงจ้อกแจ้กเฮฮากลับมาอีกครั้ง บางคนเริ่มหาว บางคนมองนาฬิกาเพราะใกล้เวลาต้องเข้าแลป
“โอเค งั้นประชุมแค่นี้เนอะ พวกมึงกลับได้แล้ว อย่าลืม…นัดเช้ามืด ไม่งั้นกูโทรปลุกเอง!”
“โห่พี่! อย่าโทรเลย…เสียงพี่ปลุกทีนี่ฝันร้ายเลยนะ”
“เออ ๆ ไอ้พวกปากเก่งทั้งหลาย ไปล้างเท้าเตรียมนอนรอได้เลย!”
พายุที่เงียบมานาน ลุกขึ้นโบกมือเล็กน้อย
“กูไปก่อนนะ ฝากใครลงชื่อให้ด้วย กูติดงานวิจัยแป๊บ”
ทอฝันมองตามแล้วพึมพำ “สงสัยจะงานวิจัยสาวปีหนึ่ง…”
เสียงหัวเราะครืนสุดท้ายดังขึ้นเป็นจังหวะปิดท้าย
จากนั้นทุกคนก็เริ่มเก็บของ แยกย้ายกันออกจากห้องประชุมอย่างคึกคัก
หลังประชุมเลิก สี่คนสนิทที่สุดในคณะก็แยกตัวจากกลุ่มใหญ่ มานั่งรวมวงกันใต้ต้นจามจุรีริมตึกวิศวะ พายุยกขวดน้ำขึ้นซด เหงื่อซึม ๆ ที่ขมับกับอากาศร้อนปลายวัน ทำให้บรรยากาศเหนอะหนะนิด ๆ แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะเบา ๆ อยู่ในวงเพื่อน
ทอฝัน สะบัดผมยาวของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปจิ้มต้นแขนพายุ
“ไอ้พายุ มึงโทรหาป๊ามึงดิ บอกเลยว่าเด็กวิศวะอยากไปเกาะ ช่วยอนุมัติให้หน่อย”
เธอพูดหน้าตายแต่เสียงติดขำในลำคอ
พายุ ทำหน้าบูดนิด ๆ
“เออ ๆ เดี๋ยวกูจัดให้ แต่มึงช่วยพูดให้กูฟังเหมือนอ้อนป๊าหน่อยดิ เผื่อกูซ้อมได้บรรยากาศ”
เอริค กระโดดเข้าร่วมบทสนทนา
“อารมณ์ประมาณ… ‘ป๊าคร้าบบบ น้อง ๆ อยากไปทะเลค้าบบบบ’ แบบนี้เลยมะ?”
ไดม่อน หัวเราะลั่น
“แล้วต้องมีจังหวะคลอไวโอลินด้วยปะวะตอนพูดคำว่า “ป๊า…ช่วยหน่อยนะ” ฮ่า ๆ ๆ”
พายุ โบกมือ
“พอเลยพวกมึง! แซวเป็นขบวนการ กูจะโทรละเนี่ย”
แล้วเขาก็หยิบมือถือขึ้นมา กดโทรหาบุคคลที่ไม่มีใครกล้าโทรหานอกจากเขาเอง
‘ปะป๊าใต้ฝุ่น’
เสียงรอสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง ปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ
ใต้ฝุ่นกรอกเสียงปลายสาย “ว่าไง?”
พายุ กลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะพูด
“ป๊า…เอ่อ…มีเรื่องขอหน่อยครับ”
ขณะเดียวกันเสียงเอริคกับไดม่อนแอบหัวเราะหึ ๆ ด้านหลัง
“นักศึกษาคณะผมจะมีไปจัดกิจกรรมรับน้องกัน… กำลังหาสถานที่อยู่ แล้วแบบ…ทุกคนเสนอชื่อ ‘เกาะส่วนตัวของตระกูลวรรธเดช’ ขึ้นมา ผมเลยคิดว่า ถ้าป๊าอนุมัติให้ใช้พื้นที่ได้ ก็คงดีมากครับ…”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง…
ใต้ฝุ่นพูด
“จะพาไปกี่คน?”
พายุตอบ
“ประมาณเจ็ดสิบครับ”
ใต้ฝุ่น “สตาฟฟ์ล่ะ?”
พายุ “รวมด้วยเลยครับ ป๊าไม่ต้องห่วง เด็กดีหมด ไม่มีใครเกรียนหรอก”
ใต้ฝุ่น “เดี๋ยวให้เลขาติดต่อไป เคลียร์เรื่องการเข้าพื้นที่ให้”
“ขอบคุณครับป๊า!” พายุรีบพูดก่อนจะวางสาย พร้อมถอนหายใจยาวราวกับปลดปล่อยพลังชีวิต
ทอฝัน ตบมือเบา ๆ
“โอ้โห ลูกชายคุณใต้ฝุ่นโทรทีเดียวได้เลยนะคะ ไม่ถึงสองนาที แม่งเหมือนมีเวทมนตร์”
ไดม่อน แกล้งถอนหายใจ
“แหม๊ กูก็นึกว่าโทรไปแล้วจะโดนขอใบเสนอราคา นี่แบบโทรปุ๊บได้ปั๊บ กูขอเป็นลูกคุณใต้ฝุ่นบ้างได้มั้ยครับ?”
เอริค ตบไหล่พายุ
“เจ๋งว่ะมึง มหาลัยทำเรื่องขอใช้สถานที่ล่วงหน้าสามเดือน ไม่อนุมัติ แต่ลูกชายโทรกริ้งเดียว ได้เฉยยย สุด ๆ ไปเลย”
พายุหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดแบบติดเล่น
“แค่ใช้เกาะก็พอ อย่าเผลอใช้หัวกูวางกระทะตอนทำกับข้าวก็แล้วกัน…”
ทั้งสี่คนหัวเราะคิกคักพร้อมกัน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสบายใจและความสนิทที่มีอยู่แค่ในกลุ่มพวกเขาเท่านั้น