ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านใจกลางเมือง บ่ายวันเสาร์
เสียงผู้คนจอแจ ผสมกลิ่นหอมจากร้านเบเกอรี่และกาแฟที่เรียงรายในโซนอาหาร
พายุในเสื้อยืดซีด ๆ กับกางเกงยีนส์ขาดนิด ๆ เดินจ้ำเท้าผ่านร้านรวง หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมเล็กน้อย
เมื่อเห็นเด็กสาวผมยาวมัดหางม้าในชุดนักศึกษายืนรออยู่ตรงจุดนัดพบ
“น้ำตาล!”
เขาโบกมือเรียก
น้ำตาลหันมา ดวงตากลมโตมีประกายแปลก ๆ เหมือนกำลังดีใจแต่พยายามไม่แสดงออกมาก
เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“พี่พายุ… หนูหิวอะ”
พายุยิ้มกว้างทันที
“หิวเหรอ อยากกินอะไร บอกมาเลย เดี๋ยวพี่จัดให้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แม้กระเป๋าสตางค์ที่พกมาจะมีแบงก์พันใบสุดท้ายซ่อนอยู่ก็เถอะ
น้ำตาลเม้มริมฝีปากเบา ๆ
เหมือนลังเลนิดหนึ่ง
“หนูอยากกิน… สปาเกตตี้กับสเต็กอะพี่”
พายุหัวเราะ
“เออ เอาดิ! วันนี้พี่สายเปย์… พาเด็กสาวกินหรู”
เขากลั้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่ออย่างแผ่วเบาในใจ
“…อย่างน้อยมื้อนี้เธอจะได้กินของที่อยากกิน โดยไม่ต้องห่วงเงินในกระเป๋า”
จากนั้นสองคนเดินเคียงกันไปยังร้านอาหารฝรั่งชื่อดัง บรรยากาศในร้านหรูหราแบบเรียบง่าย
พนักงานต้อนรับหันมามอง ก่อนจะรีบยิ้มรับเชิญเข้าร้าน แต่ก็มีเสียงซุบซิบกันเบา ๆ ระหว่างพนักงานสองคนที่ยืนหลังเคาน์เตอร์
“ผู้ชายหล่อดีนะ แต่แต่งตัวจนไปนิดว่ามั้ย?”
“แต่ดูผู้หญิงสิ สวยอยู่ แต่แต่งตัวนี่…พยายามดูแพงมากเลยนะ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดออกมาจากฝั่งพนักงาน แต่อยู่ไกลพอที่พายุและน้ำตาลจะไม่ได้ยิน
พายุพาน้ำตาลมานั่งที่โต๊ะริมกระจก มองเห็นวิวข้างนอกฝั่งถนน
เขาหยิบเมนูมาเปิดดู แล้วผลักไปให้น้ำตาลก่อน
“เลือกเลย จะเพิ่มของหวาน ของกินเล่น พี่ไม่ห้าม”
น้ำตาลช้อนสายตามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
“พี่พายุ…แน่ใจนะว่าพี่มีเงินพอเหรอ?”
พายุยักไหล่
“ไม่รวย แต่ก็ไม่ปล่อยให้คนคุยต้องอดหรอกน่า”
เขาขยิบตาให้หนึ่งที พร้อมเอามือเท้าคางมองเธอแบบเอ็นดู
น้ำตาลเม้มปากแล้วยิ้มบาง ๆ
มือเรียวค่อย ๆ เลือกเมนูเหมือนกลัวจะทำให้เขาเดือดร้อน
พายุจับสีหน้าเธอได้ จึงพูดเสียงเบาลงกว่าเดิม
“รู้มั้ย ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่ยังไม่เคยเห็นเราสั่งของที่อยากกินจริง ๆ เลยนะน้ำตาล”
“วันนี้ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ คิดซะว่า… พี่อยากเลี้ยง เพราะอยากเห็นเรามีความสุข”
คำพูดนั้นทำให้น้ำตาลเงยหน้าขึ้นมองเขาเต็มตา
หัวใจของเด็กสาวเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว
เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ แล้วก้มหน้าลงสั่งอาหารต่ออย่างตั้งใจ
หลังอาหารมื้อนี้ พายุเดินไปส่งน้ำตาลที่หน้าทางออกห้าง
เธอต้องรีบไปทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟใกล้หอพัก
ก่อนจากกัน เธอหันมามองเขาอีกครั้ง
“ขอบคุณนะพี่พายุ… สำหรับวันนี้”
เสียงของเธอเบาจนแทบกลืนไปกับเสียงรถราบนถนน
พายุยิ้มบาง ๆ
“ขอบคุณที่ให้พี่ได้อยู่ในวันของเราเหมือนกันนะน้ำตาล”
เขายืนมองแผ่นหลังเธอจนลับตา ก่อนจะถอนหายใจเงียบ ๆ
แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกระเป๋าเงิน
”…หมดพอดี”
เขาหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่พายุกำลังเดินออกจากร้านอาหาร หลังจากเพิ่งแยกกับน้ำตาลไป
เขาล้วงมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ
“ทอฝัน”
ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขาเผลอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกดอ่านข้อความ
[ไอ้พายุ มึงอยู่ไหนวะ เค้าเรียกประชุมด่วนนะ หารือเรื่องรับน้องกัน คณะเราจะไปต่างจังหวัดอีกสองวัน แล้ววันนี้เขานัดคุยรายละเอียดตอนเย็นอีกครั้ง แต่ตอนนี้มึงมา เจอกันที่ห้องประชุมเก่า ชั้น 3 ตึกเครื่องกล ก่อน]
พายุอ่านข้อความจนจบ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปทันที
[เออ เดี๋ยวกูไป]
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าหนักเบาของนักศึกษาปี 3 จากหลายสาขาดังขึ้นเรื่อย ๆ ในห้องประชุมชั้น 3 ของตึกวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล มุมหนึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกันเอง บางคนหยิบมือถือขึ้นมาไลฟ์ บ้างก็เปิดโน้ตจดข้อมูลที่ต้องคุยในวันนี้
พายุเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือยกขวดน้ำดื่มขึ้นจิบ แล้วหันไปนั่งแถวหลังข้าง ๆ ทอฝันที่กำลังนั่งกอดอกดูโทรศัพท์อยู่
“มึงมาสายอีกละ ไอ้เสี่ยแอบเนียน,” ทอฝันกระซิบเบา ๆ พลางยื่นศอกสะกิด
พายุยักไหล่ ทำหน้ากวน ๆ “อย่าให้หลุดว่าเสี่ยนะ เดี๋ยวกูไถผมมึงกลางห้องนี่เลย”
ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงของ พี่โอม ตัวแทนรุ่นพี่ที่รับหน้าที่ประสานงานกิจกรรมรับน้องปีนี้ก็ดังขึ้น
“โอเค ๆ ทุกคนเงียบหน่อยนะ จะได้เริ่มประชุมกันซักที!”
เสียงซุบซิบค่อย ๆ เงียบลง คนทั้งหมดในห้องหันไปให้ความสนใจกับพี่โอมที่ยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมเอกสารในมือ
“ปีนี้พิเศษมากเว้ย เพราะคณะเรารวมกันหลายสาขา ทั้งเครื่องกล ไฟฟ้า เคมี ฯลฯ เลยอยากให้กิจกรรมรับน้องมันอลังการกว่าทุกปี…”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สายตากวาดมองเพื่อน ๆ ทุกคน
“กูเลยลองทำเรื่องขอพื้นที่จัดกิจกรรมไปที่เกาะส่วนตัวของ ตระกูลวรรธนะเดช…แต่ติดที่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติเลยวะ มะรืนนี้จะไปแล้วด้วย จะทันไหมเนี่ย!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที
“เกาะวรรธนะเดชเหรอวะ?”
“ที่นั่นโคตรแพงอะ มึงบ้าเปล่า!?”
“บ้านใครจะไปเคยเหยียบเกาะนั้นวะ นั่นระดับเจ้าสัว!”
“เฮ้ย แต่ก็เคยมีรุ่นหนึ่งที่ไปนะ รุ่นพี่เวย์ไง”
ท่ามกลางเสียงอื้ออึง เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นเรียบ ๆ แต่ชัดเจนพอจะทำให้ทั้งห้องหยุดฟัง
“เรื่องนั้น เดี๋ยว ฉัน จัดการเอง”
น้ำเสียงนิ่ง ๆ จากพายุ ทำให้ทุกคนหันขวับไปมองพร้อมกัน
“หืมมมม?”
เสียงเพื่อนบางคนเริ่มสบตากันงง ๆ
“มึงจะจัดการยังไงวะ?”
“อย่าบอกนะว่ามึงรู้จักเจ้าของเกาะ?”
พายุกระแอมเบา ๆ แล้วยักไหล่ไม่สน
“ก็…หมายถึงให้ ทอฝัน ไปคุยน่ะ ผู้ปกครองมันสนิทกับคุณใต้ฝุ่น เจ้าของเกาะนั่นไง”
“อ๋ออออ~!”
“งี้นี่เอง! นึกว่ามึงมีเส้นสายซะอีก ไอ้พายุ ฮ่าๆๆ”
ทุกคนหัวเราะเบา ๆ บรรยากาศผ่อนคลายลง ทอฝันหันไปค้อนให้พายุหนึ่งที ก่อนจะพยักหน้ารับ
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันลองโทรไปถามให้ก็ได้”
พี่โอมยิ้มกว้างทันที
“ขอบคุณมากทอฝัน! ถ้าได้จริง ๆ นะ กิจกรรมปีนี้จะเป็นตำนานเลยเว้ย!”
พายุเอนหลังพิงเก้าอี้ หัวเราะในลำคอเบา ๆ
ไม่มีใครรู้…ว่าเจ้าของเกาะนั่น คือใต้ฝุ่นพ่อของเขาเอง
และเขา…คือทายาทของตระกูลวรรธนะเดช
และเรื่องที่เขารวยมีเพียง ทอฝัน ไดม่อน และ เอริค เพื่อนสนิทในคณะเท่านั้นที่รู้