"คุ...คุณอรรถชัย หนะ...หนู"
ใบหน้าหวานมีแววหวาดกลัว ร่างน้อยของเธอเริ่มสั่นเทา เมื่อมือหนาคว้าเข้าที่เอวบาง เพียงสัมผัสเบาๆ จากฝ่ามือของเขา ก็รู้สึกว่ามันเริ่มร้อนเป็นวงกว้าง ยิ่งรู้ว่าเขาอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าว เธอก็แทบจะลืมหายใจ
"ถ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข อย่าได้เที่ยวเพ่นพ่านสู่รู้เรื่องของเจ้านาย กลับห้องนอนของเธอไปซะสาวน้อย ถ้าเธอไม่อยากเดือดร้อน"
สุ้มเสียงแหบพร่าพูดชิดที่ใบหูของแพงขวัญ ร่างบางถึงกับสั่นสะท้าน เขามีกลิ่นกายที่หอมสะอาด แม้จะมีเหงื่อกาฬพรมพราวจากกิจกรรมวาบหวิวเมื่อครู่ ร่างกำยำที่เปล่าเปลือยยืนซ้อนชิดอยู่ด้านหลังของเธอ จนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง ที่กำลังดุนดันสะโพกนุ่มของเธออย่างน่าหวาดกลัว
แพงขวัญถึงกับรีบวิ่งออกจากตรงนั้น เมื่อใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาใกล้ จนลมหายใจเป่ารดลงมาบนแก้มเนียน คนไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากใคร ถึงกับขนลุกไปทั้งตัว ก่อนจะสวมวิญญาณนักวิ่งพาตัวเองออกจากจุดอันตรายนั้น หอบเอาร่างกายที่สั่นสะท้านกลับไปยังห้อนนอนของตัวเอง
เช้าวันต่อมา ซึ่งเป็นวันหยุดของเจ้านายแห่งบ้าน ฤทัยสรวง แพงขวัญนั่งตัวสั่น พลางก้มหน้าตักอาหารเข้าปากไม่พูดไม่จา เช้าวันนี้เป็นเช้าวันแรก ที่แพงขวัญเริ่มเข้ามามีบทบาทในบ้านหลังนี้ ในฐานะเด็กในอุปการะของทิพวรรณ เจ้านายสาววัย 40 ปี แพงขวัญเป็นหลานสาวของชมจันทร์ คนเก่าคนแก่ของบ้านฤทัยสรวง และยังเป็นแม่นมของทิพวรรณด้วย สมัยพ่อแม่ของทิพวรรณยังมีชีวิตอยู่ ได้ฝากฝังให้เธอช่วยดูแลแม่นมเป็นอย่างดี
การตอบแทนเพียงเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า คงทดแทนค่าน้ำนมของชมจันทร์ได้ไม่หมด ทิพวรรณจึงรับอุปการะหลานสาวเพียงคนเดียวของชมจันทร์ ซึ่งก็คือ แพงขวัญ มาเลี้ยงดูเป็นการตอบแทน
ปีนี้แพงขวัญอายุย่าง 19 ปี เธอไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธอถูกผู้เป็นพ่อทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก ซ้ำร้ายแม่ก็พึ่งมาตายจากไปไม่กี่วันที่ผ่านมา และด้วยญาติที่หลงเหลือ เพียงคนเดียวของสาวน้อยคือชมจันทร์ผู้เป็นยาย แพงขวัญจึงยึดไว้เป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามยาก
และวันนี้ การที่เธอได้มานั่งทานข้าวร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านาย นั่นเพราะมันคือจุดประสงค์ของทิพวรรณ คนที่รับอุปการะเธอ แพงขวัญไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ ว่าทิพวรรณจะถูกใจเธอ ถึงขั้นยกเธอขึ้นมาเทียบระดับกับตัวเองเช่นนี้
"ยังไม่หายตื่นเต้นอีกเหรอหนูแพง นั่งตัวสั่นเชียว"
เจ้านายสาวเอ่ยเย้าแหย่ เมื่อเห็นว่าแพงขวัญเอาแต่นั่งก้มหน้าและตัวสั่นเป็นลูกนก ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าเธอตื่นเต้นอะไร แต่ที่เธอตัวสั่นอยู่แบบนี้ มันมีสาเหตุมาจากสายตาคม ของคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั่นต่างหาก
"ปะ...เปล่าค่ะ" เธอตอบตะกุกตะกักพยายามข่มความเขินอายในแววตา
"หรือว่าอาหารไม่ถูกปากจ้ะ ดูหนูไม่ค่อยทานเลย หนูอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันบอกเด็กทำมาให้ใหม่"
เจ้านายสาวเอาใจเธอสารพัด ซึ่งเธอเองก็ยังไม่ชิน ไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไง เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างเธอ จะเอาคุณสมบัติผู้ดีมาจากไหนกัน ถ้าพยายามพูดให้น้อยที่สุดเห็นจะง่ายกว่า
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูทานได้"
แพงขวัญจำใจต้องตอบเจ้านายสาว ด้วยไม่อาจทำให้เธอเสียความรู้สึกได้ จะผิดก็ตรงที่เจ้าของสายตาคมกริบ ที่ส่งสายตามาสร้างความหวั่นไหวให้กับเธอนั่นแหละ เธอถึงได้ทำตัวไม่ถูกอยู่อย่างนี้
"เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม บ้านหลังใหญ่เตียงนุ่มๆ ทำให้เธอนอนหลับดีหรือเปล่า"
เจ้านายสาวถาม แพงขวัญถึงกับร้อนฉ่าไปทั้งใบหน้า จะบอกเจ้านายได้ยังไง ว่าเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอน เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง เธอถึงได้ไปรู้ไปเห็นในสิ่งที่เธอไม่ควรรู้แบบนั้น ภาพเมื่อคืนยังตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด จวบจนเวลานี้ ภาพร่างกายกำยำสุดเซ็กซี่ของเขา ยังคงแวบขึ้นมาในสมองของเธออยู่เลย
" หลับสะ...สบายค่ะ"
ใบหน้าหล่อถึงกับแสยะยิ้มออกมา เขารู้ดีว่าเมื่อคืนสาวน้อยตรงหน้าแทบจะไม่ได้นอน แต่ถึงนอนก็คงหลับไม่สนิทเป็นแน่ อรรถชัยยังนึกถึงดวงตากลมโต ที่จ้องมองเขาแทบไม่กะพริบ และเป็นเพราะหล่อนนี่แหละ เมื่อคืนเขาถึงข่มอารมณ์ดิบที่อยู่ภายในเอาไว้ไม่ไหว กว่าเขาจะสะสางอารมณ์ของตัวเองได้ ก็สิ้นเปลืองพลังงานจนแทบคลานขึ้นมาบนตึกใหญ่
"คุณพี่ยิ้มอะไรเหรอคะ ท่าทางอารมณ์ดีแต่เช้า"
ทิพวรรณสังเกตเห็นความอารมณ์ดีของสามี จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
"พี่กำลังขำนิทานเรื่องหนึ่ง นึกแล้วก็ยังขำอยู่เลย"
"นิทานเรื่องอะไรเหรอคะ ถึงทำให้คุณพี่หน้าตาแจ่มใสได้ขนาดนี้ บอกทิพย์ได้ไหมคะ ทิพย์อยากรู้"
" นิทานเรื่อง...เด็กเลี้ยงแกะ"