“รถดับเพลิงมาแล้ว!” เสียงของชาวบ้านดังขึ้นด้วยความดีใจ แม้ว่าบ้านหลังอื่นๆ จะยังไม่เสียหายหนัก แต่ก็มีอีกหลายหลังที่ตอนนี้แทบไม่สามารถกู้กลับมาได้ รวมถึงบ้านของนิชาดาด้วยเช่นกัน
หญิงสาวน้ำตาร่วงออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ความคิดต่างๆ ประเดประดังเข้ามา ต่อจากนี้เธอจะใช้ชีวิตอย่างไร ในเมื่อสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ได้พังทลายลง และไหนจะอนาคตของน้องนนท์ที่เธอได้หมายมั่นเอาไว้ต้องมาสะดุดด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก หญิงสาวได้แต่สังเวชในโชคชะตาของตนเอง ที่นับวันยิ่งไม่มีอะไรดีจนเธอเกิดความสงสัยว่าพระเจ้าจงเกลียดจงชังอะไรเธอนักหนาถึงได้กลั่นแกล้งกันเช่นนี้…ซวยซ้ำซวยซ้อน
‘ถ้าเปรียบความซวยเป็นเงินทอง ป่านนี้เธอคงจะรวยไปแล้ว’
เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เมื่อหลังจากตำรวจสอบสวนสาเหตุของไฟไหม้แล้วพบว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากบ้านข้างๆ และลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง ในความเป็นจริงเจ้าของบ้านต้องชดใช้ให้กับผู้เสียหายคนอื่นๆ แต่ในความโชคร้ายคือเจ้าของบ้านหลังนั้นหนีออกมาไม่ทัน ทำให้สมาชิกของบ้านหลังนั้นถูกไฟคลอกเสียชีวิตทุกคน นิชาดาก็ไม่อยากไปซ้ำเติมญาติๆ ของผู้เสียชีวิต เพราะเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เท่านี้ทุกคนก็สูญเสียมากพอแล้ว เธอเองก็คงต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป แม้มันจะแทบไม่มีทางให้เดินต่อก็ตาม
“นีลจะเอาไงต่อ โชคร้ายจริงๆ เลย” กรกฤษเอ่ยถามขึ้นขณะที่ทั้งสองคนเดินออกจากสถานีตำรวจ เขาอยู่ในละแวกเดียวกับหญิงสาวก็จริง แต่บ้านของเขาอยู่ห่างออกไปหลายหลังเลยทำให้ไฟลุกลามไปไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นก็อดสงสารหญิงสาวกับลูกชายไม่ได้ที่ต้องมาสูญเสียบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ ไปเช่นนี้
“นีลยังไม่ชัวร์เลยพี่กรว่าจะเอายังไงดี แต่คิดว่าคงหาเช่าห้องอยู่ไปก่อน” นิชาดาพูดอย่างใช้ความคิด พร้อมกับมองไปที่น้องนนท์ที่ตอนนี้กำลังเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่น เด็กหนอเด็ก ช่างไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว แกยังคงยิ้มเล่นสนุกกับม้าหมุนสีสวย แล้วโปรยยิ้มหล่อๆ ไปทั่ว
“เด็กหนอเด็ก” คุณแม่ยังสาวถอนหายใจกับความซวยครั้งใหญ่
หน้าสถานีตำรวจ เด็กก็คือเด็ก พอเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไปน้องนนท์ก็กลับมาร่าเริงเช่นเคย ต่างจากผู้ใหญ่ที่ต้องคิดหาทางรอดในวันต่อไป
“แล้วตอนนี้หาบ้านได้หรือยัง ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” กรกฤษพูดด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวจากใจจริง สำหรับเขานิชาดาเป็นผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบและเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนบ้านทุกคนมาตลอด จนอดห่วงไม่ได้เมื่อเห็นเธอต้องมีเรื่องให้เดือดร้อนเช่นนี้
“ขอบคุณนะคะ นีลยังพอมีเงินเก็บเหลืออยู่บ้าง คิดว่าคงพอเอามาใช้เช่าห้องพักได้ เดือนหน้าน้องนนท์ก็จะเข้าอนุบาลแล้ว นีลคงหาเช่าห้องแถวๆ โรงเรียนน้องนนท์เนี่ยแหละค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างใช้ความคิด แม้ว่าการเข้าเรียนของน้องนนท์จะไม่ต้องใช้เงินมากมาย แต่สำหรับหญิงสาวตัวคนเดียวอย่างเธอก็ต้องวางแผนรายจ่ายให้ดี เพราะไม่เช่นนั้นอาจเดือดร้อนทีหลังได้
“ถ้าอยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ นีลกับน้องนนท์ก็เหมือนคนในครอบครัวพี่ พี่เห็นเรามาตั้งแต่เด็ก” กรกฤษพูดด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณพี่กรมากๆ จริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้พี่กร นีลกับลูกก็อาจไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” นิชาดาส่งยิ้มให้กับกรกฤษด้วยความซึ้งใจ ก่อนหน้านี้เธอพอจะรู้มาบ้างว่าชายหนุ่มคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอแสดงท่าทีชัดเจนว่าคิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้น เขาก็พยายามจะปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และไม่เคยทิ้งห่างเธอไปไหน ยังคอยช่วยเหลือทุกทางจนเธออดซึ้งใจไม่ได้ ในเมื่อไม่ได้เล่นบทพระเอก เล่นบทพระรองก็ยังดี ไม่แน่นะบางทีเธออาจเปลี่ยนใจและเปิดใจให้เขาก็ได้
“แม่ครับ เมื่อไหร่เราจะกลับบ้านครับ” น้องนนท์วิ่งมาหาผู้เป็นแม่ มืออวบๆ จับมือเรียวของแม่แล้วส่งยิ้มหล่อๆ น่ารัก น่าเอ็นดู “น้องนนท์อยากกลับบ้านแล้ว” สีหน้าอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนนี้น้องนนท์เองก็แทบไม่ได้นอน ต้องคอยติดตามผู้เป็นแม่ไปทุกที่ โดยที่ยังไม่รู้ว่าบ้านถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว
“งั้นนีลขอตัวก่อนนะคะพี่กร ปะ วันนี้แม่จะพาน้องนนท์ไปบ้านใหม่ของเรานะครับคนดี” นิชาดาพูดด้วยน้ำตาเอ่อล้น แต่หญิงสาวพยายามห้ามไม่ให้ไหลออกมา ฝืนยิ้มให้ลูกรัก เพราะไม่อยากให้ลูกเห็นถึงความอ่อนแอของเธอ หญิงสาวหันไปยิ้มให้กรกฤษก่อนจะจูงมือลูกชายเดินมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ใหม่ของเธอ
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะนีล พี่เป็นห่วงนีลกับลูกจริงๆ” ความเป็นห่วงถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ แต่หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างทราบซึ้งก่อนจะบอกว่า
“นีลยังไหวคะ ไม่ต้องห่วง” ปากตอบว่าไหว แต่ขาเรียวที่อุ้มลูกชายน่ารักกลับสั่นไหว น้ำหนักลูกก็ออกจะเกินวัย หญิงสาวกระซิบเจ้าตัวแสบที่ซบไหล่บอบบางของคนเป็นแม่อยู่ “ถึงขาแม่จะสั่น แต่แม่สู้เพื่อน้องนนท์นะครับ”
“นนท์รักแม่ครับ” เด็กชายร่างอวบเอียงคอขึ้นมามองดวงหน้าสวยของคนเป็นแม่ด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ก่อนจะยื่นใบหน้าไปจุมพิตแก้มนุ่มของคนเป็นแม่ เท่านี้หญิงสาวก็รู้สึกมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง
มือนุ่มลูบศีรษะทุยๆ แล้วกดให้แกซบลงกับไหล่ “ขอบใจมากนะน้องนนท์ แม่นีลมีแรงสู้แล้วจ้ะ ลูกคือที่ชาร์จแบตของแม่รู้ไหมครับคนดี”