8

1223 Words
“คุณยายที่ไหนมาชวนนับนิ้ว” นิชาดาถามอย่างใคร่รู้ เด็กน้อยพยายามอธิบายรูปร่างหน้าตาของคุณยายที่เห็นให้ผู้เป็นแม่ฟัง แล้วยังยกนิ้วชูสองนิ้วข้างหนึ่ง สามนิ้วข้างหนึ่ง บอกว่าคุณยายคนนั้นฝากบอกแม่ “โถ ลูก ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องนนท์เป็นเด็กน่ารัก คุณยายคงเอ็นดู” นิชาดารู้สึกขนลุก ที่พาลูกมาเจออะไรแปลกๆ ที่นี่ แต่หากมองในแง่ดี สิ่งที่ลูกชายเล่าให้ฟังคงไม่ได้คิดทำร้ายพวกเธอ หญิงสาวดึงน้องนนท์เข้ามากอดด้วยความเอ็นดู พลางพูดปลอบใจ “แม่นีลครับ น้องนนท์อยากกลับบ้านเราแล้วครับ” เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา และไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นมันยากลำบากมากแค่ไหนสำหรับคนเป็นแม่ “แต่บ้านเรา…” นิชาดานิ่งไปครู่หนึ่ง หากจะให้เธอสร้างบ้านใหม่กลับมาให้ลูกชายตามต้องการตอนนี้มันคงจะเป็นไปได้ยาก แต่จะพาลูกมาอยู่ห้องเช่าแบบนี้ตลอดไปก็คงไม่ได้ น้องนนท์เริ่มโตขึ้นทุกวัน เธอต้องการรายได้ที่มากขึ้น การรับข้อเสนอของชนัญญาจึงกลายมาเป็นเรื่องที่ต้องหยิบมาทบทวน “น้องนนท์สัญญากับแม่ได้ไหม ว่าถ้าแม่พาน้องนนท์ไปอยู่บ้านใหม่ น้องนนท์จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง” นิชาดาเอ่ยถามอย่างชั่งใจ เพราะใจหนึ่งเธอก็ไม่อยากเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น แต่อีกใจก็อดสงสารลูกชายตนเองไม่ได้ “น้องนนท์สัญญครับว่าน้องนนท์จะตั้งใจเรียน แล้วก็เป็นเด็กดีของแม่” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และมีความหวังอยู่ในใจ “ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้แม่จะไปรับที่โรงเรียนแล้วเราค่อยมาเตรียมตัวกันนะ” นิชาดาลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู เวลานี้เธอคงต้องตัดสินใจแล้วจริงๆ เพื่อความสุขของลูก เธอเองก็ต้องยอมเสี่ยง… นิชาดาโทร.นัดให้ชนัญญามาพบที่โรงพยาบาล เพราะเธอแทบไม่มีเวลาที่จะปลีกตัวไปพบเพื่อนสาวเลยสักนิด แต่ด้วยความที่ชนัญญารอการติดต่อกลับของนิชาดาอยู่แล้ว เธอจึงรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีอย่างไม่อิดออด และแน่นอนว่าเธอคาดหวังว่านิชาดาจะยอมใจอ่อนและช่วยเป็นพยาบาลให้รังสิมันต์พ่อของเธอแต่โดยดี “ฉันดีใจนะที่แกติดต่อกลับมา” ชนัญญาส่งยิ้มให้เพื่อนด้วยความจริงใจ “อื้ม ฉันก็ขอบใจแกมากนะที่รอฉัน” นิชาดาบอกเพื่อน ความจริงแล้วสมัยที่เรียนด้วยกันเธอกับชนัญญาสนิทกันมาก แต่สุดท้ายแล้วพอต้องห่างกันเธอเองก็อดเสียดายความสัมพันธ์ตอนที่เป็นเพื่อนรักกันไม่ได้ “ว่าแต่แกตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมเรื่องคุณพ่อ” ชนัญญาเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง “อื้ม แต่ฉันขอถามแกเกี่ยวกับเขาหน่อยได้ไหม แกมั่นใจใช่ไหมว่าเขาจะไม่มาให้ฉันเห็นหน้า” นิชาดาเอ่ยถามเพื่อความชัวร์อีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายมันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะถึงอย่างไรเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นอยู่ดี “เฮ้อ พี่เชนอยู่ที่อเมริกาแล้วก็บริหารโรงพยาบาลที่นั่นอย่างเต็มตัว ไม่มีทีท่าจะกลับมา ขนาดตอนคุณแม่เสียพี่เชนก็อยู่ไทยไม่นาน ระหว่างที่แกให้การดูแลคุณพ่อฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับพี่เชน และหวังว่าคงไม่มีอะไรดลใจให้พี่ชายฉันกลับบ้านช่วงนี้ ฉันยืนยันว่าแกจะไม่ได้เจอพี่เชนเร็วๆ นี้แน่นอน” ชนัญญาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าคงไม่มีอะไรที่ทำให้ราเชนกลับมาอยู่ไทยง่ายๆ นับตั้งแต่วันที่เขาเลือกจะไปเรียนต่อและบริหารงานที่อเมริกาแล้ว ขนาดวิมาดาและรังสิมันต์ผู้เป็นพ่อกับแม่ขอร้อง ราเชนยังไม่ยอมกลับมาบริหารโรงพยาบาลที่ไทยง่ายๆ บางทีมันแปลกจนน้องอย่างเธอก็อดสงสัยไม่ได้ แต่สุดท้ายจะทำอย่างไรได้ในเมื่อราเชนเองก็บริหารโรงพยาบาลที่อเมริกาได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนสาขาที่ไทยก็มีเธอและ ‘ภัคพล’ กรรมการบริหารโรงพยาบาลที่ช่วยกันดูแลความเรียบร้อยให้อย่างดี “ขอบใจแกมากนะที่ช่วยยืนยัน แต่ฉันยังอยากได้ความมั่นใจอีกเรื่องก็คือเรื่องของลูกฉัน น้องนนท์จะได้รับการดูแลอย่างดี…” “แกไม่ต้องห่วง เรื่องค่าเล่าเรียน หรือว่าข้าวของอะไรก็ตามที่แกกับลูกอยากได้ขอแค่ให้บอกฉัน…” “ฉันไม่ต้องการอะไรหรอก ขอแค่ให้ลูกฉันได้มีที่วิ่งเล่น ไม่ต้องอึดอัดกับบ้านเช่า ได้เล่นสนุกเหมือนเด็กวัยเดียวกันก็พอ” นิชาดาพูดขึ้นก่อนที่เพื่อนจะพูดจบ เธอไม่ได้ต้องการข้าวของอะไรทั้งนั้นนอกเสียจากความต้องการของลูก ที่อยากมีที่ได้เล่นสนุกเหมือนแต่ก่อนเท่านั้นเอง “ถ้าเรื่องนั้น ฉันรับปากได้เลยว่าน้องนนท์จะต้องชอบบ้านของฉันแน่ ว่าแต่…ฉันขอถามได้ไหมว่าพ่อของน้องนนท์ไปไหน” ชนัญญาเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยมาตลอด ที่จริงก็ไม่อยากละลาบละล้วง แต่ก็ค้างคาใจ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้ว ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว” นิชาดาเอ่ยตัดบทในทันที ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจชนัญญา แต่เธอแค่คิดว่าเรื่องนี้พูดไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จะกลายเป็นเรื่องตอกย้ำน้องนนท์ในอนาคตเสียมากกว่า “อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นแกจะย้ายเข้าบ้านฉันวันไหนดี” ชนัญญาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ขอฉันทำเรื่องลาออกกับที่โรงพยาบาลก่อนนะ ปกติแล้วอาจจะต้องใช้เวลาในการขอลาออกล่วงหน้าก่อน” “ถ้าเป็นเรื่องนั้นแกไม่ต้องกังวล ฉันช่วยได้ โธ่ อย่ามองเหมือนฉันกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่สิ แกก็รู้ว่ามันจำเป็น ฉันอยากให้พ่อมีพยาบาลช่วยดูแลไวๆ ไม่มีใครเหมาะกับหน้าที่นี้เท่ากับแกอีกแล้ว” ชนัญญาส่งยิ้มให้เพื่อน เธอสามารถจัดการให้นิชาดาลาออกและเริ่มงานกับเธอได้ภายในสองสามวันนี้ “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ถ้าอย่างนั้นฉันขอเวลาสองวันละกัน จะได้เคลียร์ข้าวของแล้วก็จัดการค่าเช่าห้องด้วย” นิชาดาตอบด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน “ขอบใจแกมากนะ ฉันดีใจที่แกตัดสินใจแบบนี้” ชนัญญาจับมือเพื่อนรักด้วยความซึ้งใจ “อื้ม ไม่ใช่แค่เรื่องของฉันหรอกนะ ใจจริงฉันก็อยากจะช่วยคุณรังสิมันต์เหมือนกัน เพราะแต่ก่อนท่านก็ดีกับฉัน” นิชาดาพูดจากใจจริง รังสิมันต์เป็นผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเธอมาตลอด แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะทำเรื่องแย่ๆ กับลูกของเขาก็ตาม…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD